Banner-Yamaha-Motorshow-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Motorshow-2024-400x300.gif

อย่าให้เป็นแบบ 5 ข้อนี้ เวลาจะซื้อรถบิ๊กไบค์

122017-special-edition-2018-mv-agusta-brutale-800rr-pirelli-_TIN2401@

ในช่วงบรรยากาศของงาน Motor Show 2018 ในประเทศไทยนั้นเรียกได้ว่าวงการรถบิ๊กไบค์กำลังคึกคักสุดๆ เพราะว่ามีการเปิดตัวโมเดลใหม่กันอย่างมากมาย แต่การซื้อรถบิ๊กไบค์นั้นไม่ใช่เพียงแค่เรามีเงินแล้วจะซื้อมันเท่านั้น มันยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ควรศึกษาและต้องตระหนักถึงด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือเก๋าหรือว่ามือใหม่ เพราะว่าหากซื้อไปแล้วนั้นมันเกิดไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของคุณ หรือว่าไม่แฮปปี้กับมัน จะขายต่อราคาก็ขาดทุนแน่นอน ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมี 5 กรณีมาเป็นตัวอย่าง เผื่อว่าจะช่วยเตือนใจเพื่อนๆ หรือช่วยก่อนการตัดสินใจซื้อได้บ้าง ไปอ่านด้วยกันตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลย

1- ไม่ควรซื้อรถบิ๊กไบค์ที่เกินกว่าทักษะของคุณมากจนเกินไปนัก

rp_Road-legal-Kawasaki-2015-Ninja-H2-motorcycle_2.jpg

อันนี้จะถือว่าเป็นประเด็นต้นๆ เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับมือใหม่ ที่มีโอกาสง่ายมากที่จะซื้อรถเกินกว่าทักษะความสามารถของเรา เพียงเพราะว่าเราคิดว่าบิ๊กไบค์คันนั้นมันเท่มันเจ๋งเท่านั้น แต่ว่ารถบิ๊กไบค์ในปัจจุบันนั้นนอกเหนือไปจากแค่เรื่องของ cc แล้ว ยังมีออพชั่นอื่นๆ ที่มาช่วยเสริมในเรื่องความแรงอีกด้วย ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่ได้ตระหนักถึง ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เลยว่า มีไบค์เกอร์บางคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ CBR150 ได้คล่องแคล่วแล้ว และเกิดไปปิ๊งเจ้า Ninja H2 ที่เป็นรถแบบซุปเปอร์ชาร์จขึ้นมาและอยากจะอัพ cc แล้วโดดไปเลย ตรงนี้มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าโลกของไบค์เกอร์คนนั้นจะเปลี่ยนไปเลยอย่างสิ้นเชิง การควบคุมรถที่ไม่เชื่องมือ และแรงมากจนเกินไป จนพลานจะทำให้เกิดความเครียดในการขี่ จากที่เคยสนุก เคยชิลมาก่อนก็จะไม่ชิลแล้ว อีกทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ดังนั้นมันจะดูสมเหตุสมผลกว่ามั้ยถ้าเกิดขยับจาก 150 ไปเป็น 300 หรือ 650 หรือแม้กระทั่งตัว 1000 แบบธรรมดา (ไม่ใช่แบบซุปเปอร์ชาร์จ) ?

2- ไม่ควรซื้อรถบิ๊กไบค์คันใหม่ โดยที่ไม่มีโอกาสลองขี่มาก่อน

rp_2014-ducati-hypermotard-license-to-thrill-photo-gallery_23.jpg

คุณไม่มีทางรู้หรอกว่ารถบิ๊กไบค์คันต่อไปที่คุณกำลังเล็งไว้ จะเป็นรถที่ใช่สำหรับตัวคุณหรือไม่ จากการอ่านรีวิวในเว็บ หรือดูแต่รูปเท่านั้น คุณจะต้องลองขี่มันก่อน นี่คือไอเดียที่ดีที่สุด เพราะว่าสรีระและลักษณะนิสัยในการขี่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รถหนึ่งรุ่นที่มีการรีวิวว่าดีนักดีหนา แต่มันอาจจะไม่ดีสำหรับคุณก็ได้ ดังนั้นแล้วควรจะต้องหาโอกาสลองเสียก่อน แม้ว่าหลายๆ รุ่นที่ขายกันในบ้านเราจะไม่เปิดโอกาสให้คุณลองขี่ก่อน (โชว์รูมไม่มีรถทดสอบให้) แต่คุณก็ยังมีโอกาสในการลองขี่จากการเช่าตามร้านได้ โดยอาจจะต้องยอมลงทุนสักนิด แต่ดีกว่ามาเสียใจทีหลังที่ซื้อมาแล้วพบว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลย แต่ตรงนี้ทางเราก็คาดหวังว่าอีกหน่อยในประเทศไทย รถบิ๊กไบค์ทุกรุ่นจะมีรถให้ทดลองขี่กันก่อนการตัดสินใจซื้อ (เช่นเดียวกันกับพวกโชว์รูมรถยนต์ต่างๆ )

3- ไม่ได้ศึกษาข้อมูลการใช้งานจริงของเจ้าของรถให้ดีเสียก่อน

101-1199-Panigale-R-020-Ducati-Performance-1024x681

ทุกวันนี้ในโลกที่เป็นยุคอินเตอร์เน็ทครองเมือง หรือแม้แต่โซเชียลต่างๆ ทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์รุ่นต่างๆ ที่เรากำลังเล็งๆ ไว้นั้น เชื่อได้ว่าจะต้องมีผู้ที่ซื้อมาครอบครองก่อนเราอย่างแน่นอน และมักจะมีการรีวิวจากเจ้าของรถจริงๆ มาให้อ่านกันด้วย ทั้งข้อดี ข้อเสีย หรือว่าปัญหาต่างๆ ที่พบเจอ ซึ่งเราไม่ควรจะละเลยในการอ่านข้อมูลตรงนี้เลย แล้วนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ยกตัวอย่างเช่นเราชอบบิ๊กไบค์อยู่รุ่นหนึ่งมากๆ ซึ่งอ่านรีวิวแล้วก็มีแต่ข้อดีทั้งนั้น แต่อาจจะติดที่ว่าต้องสั่งอะไหล่นานเวลาต้องซ่อมบำรุง หรือในจังหวัดที่เราอาศัยอยู่ดันไม่มีศูนย์ของยี่ห้อนี้ด้วย อันนี้ก็อาจจะไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่

4- ซื้อบิ๊กไบค์แล้วต้องกินแต่มาม่า

rp_110414-2015-honda-29153_RC213V-S_Prototype-eicma-03-1024x628.jpg

หัวข้อนี้เหมือนจะเอาฮา แต่ความจริงหากว่ามันเกิดขึ้นแล้วอาจจะฮากันไม่ออก แน่นอนว่ากำลังซื้อของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ในกรณีนี้เราจะพูดถึงเฉพาะการซื้อที่เกินกำลังเงินของเรานั่นเอง บางคนอาจจะสามารถยื่นขอไฟแนนซ์ผ่าน (เพราะไฟแนนซ์เองก็อยากปล่อย) แต่เราจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาทีหลังด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงรักษา ที่ต้องเข้าศูนย์ (ตรงนี้จะต้องศึกษาให้ดีๆ เพราะบางยี่ห้อนั้นค่าใช้จ่ายตรงนี้แพงมากๆ จนคุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียวหากไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อน) หรือว่าพวกอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ที่เราเล็งๆ ไว้ พวกนี้ใช้เงินทั้งนั้น รวมไปถึงค่าประกันรถที่ทางศูนย์ต้องบังคับให้เราทำประกันชั้น 1 ด้วย (ในกรณีที่ซื้อผ่อน) และสำคัญที่สุดก็ค่าน้ำมันนั้นเอง (ทุกวันนี้อาจจะน้ำมันถูกลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าวันหนึ่งมันจะดันแพงขึ้นมา) หรือว่าผ่อนๆ ไปแล้วแล้วตึงมือจนผ่อนไม่ไหว ต้องจำใจขายดาวน์และเสียรถที่เรารักไปในที่สุด

5- ซื้อรถบิ๊กไบค์แบบผิดประเภทการใช้งานของคุณ

070717-bmw-r1200gs-adventure-ralleye-f

คุณอาจจะคิดว่ารถบิ๊กไบค์ทรงสปอร์ตเรพลิก้า (ทรงสปอร์ตแบบที่ใช้กันในสนามแข่งเลย) นั้นเป็นสุดยอดปรารถนาของคุณ เพียงเพราะคุณเห็นการแข่งขันในรายการอย่าง MotoGP แต่ในชีวิตจริงของคุณกลับต้องใช้มันแต่ในเมืองเป็นหลัก และมีการจราจรที่แสนจะติดขัด วันหนึ่งคุณจะพบว่าเจ้ารถสปอร์ตที่มีแฮนด์หน้าแบบจับโช๊คที่ก้มกดลงต่ำมากๆ จะทำให้คุณมีปัญหากับสะโพกและข้อมือของคุณแน่ๆ หากว่าต้องใช้งานมันทุกวัน แถมยังไม่สามารถทำความเร็วได้อย่างที่ใจต้องการด้วย เพราะงานที่แสนจะรัดตัวจนวันหยุดสุดสัปดาห์แทบจะไม่ได้เอาไปวิ่งต่างจังหวัด หรือว่าชอบรถในแนวแอดเวนเจอร์แบบขาลุยมาเองเลย ยางแบบวิบาก ล้อซี่ ที่รถแนวนี้มักจะคันสูงใหญ่ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แถมขาอาจจะยังเตะไม่ค่อยถึงพื้นด้วย และทั้งปีไม่ได้ไปออกทริปหรือว่าลุยทางออฟโร้ดที่ไหนเลย อันนี้ก็ไม่น่าจะเวิร์คแน่ๆ

สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆ ชาว GreatBiker ทุกท่านที่กำลังเล็งๆ รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่อยู่ ได้รถที่ “ใช่” ที่สุด และ”ถูกใจ” ไปใช้งานกันนะครับ เพราะราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยแต่ละคัน หากว่าซื้อมาแล้วมันไม่มีความสุขงานนี้อาจจะเซ็งไปอีกนาน แต่อย่างไรก็ตามบทความนี้ก็เป็นเพียงแค่การไกด์แบบกว้างๆ เท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วสุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่ตัว “เรา” ตัดสินใจเอง แม้ว่ามันอาจจะขัดกับหลักการณ์บางอย่างใน 5 ข้อที่ว่ามานี้ แต่หากซื้อมาแล้ว “มีความสุขที่ได้ขี่มันจริงๆ” ก็ไม่ต้องไปยึดติดกับทฏษฎีต่างๆ ที่ว่ามาก็ได้  ในโอกาสต่อไปเราจะนำบทความและสาระเกี่ยวกับรถบิ๊กไบค์มากฝากกันอีก

ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก rideapart.com

Banner-Yamaha-Safe--Save-2024-400x300.jpeg