Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

2015 Kawasaki Ninja ZX-10R มาแล้ว (Specs Review)

      2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-studio-1
สำหรับค่ายยักษ์เขียวอย่างเจ้า Kawasaki ถ้าจะพูดถึงรถที่ทำตลาดให้ได้มากที่สุดและดีที่สุดมาอย่างยาวนานคงจะหนีไม่พ้นบิ๊กไบค์ตระกูล Ninja ที่ถ้าพูดถึงคงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน  เพราะรุ่นนี้อยู่คู่กับค่ายยักษ์มาแล้วถึง 30 ปี และสำหรับรุ่นที่จะหยิบมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ Ninja ZX-10R ถ้ามองย้อนกลับไปนับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของเจ้า Ninja GPZ900R ในปี 1984 เลยทีเดียว

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-studio-3

เรื่องของการออกแบบดีไซน์ตัวรถภายนอกกันก่อน  ก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากสำหรับในรุ่นปี 2015 เจ้า Kawasaki Ninja ZX-10R นั้นสำหรับรุ่นที่ฉลองครบรอบ 30 ปี จะมีสีสันให้เลือกที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือบิ๊กไบค์ค่ายยักเขียว นั่นก็คือ สีเขียวมะนาวสลับขาวประกายมุก  ซึ่งดูแล้วเป็นลวดลายที่ออกแบบเหมือนกับบิ๊กไบค์คันที่ใช้ในการแข่งขัน World Superbike Championship พร้อมแผ่นที่บ่งบอกถึงการฉลองครบรอบสามสิบปีที่บริเวณตำแหน่งด้านข้างแฟร์ริ่ง  และสำหรับในรุ่นธรรมดาก็จะมาพร้อมกับสีเทาด้านเมทัลลิกนั่นเอง

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-30th-Graphics

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-studio-2

มาดูกันถึงเรื่องของขุมพลังและความปลอดภัยกันบ้าง
ในเรื่องของขุมพลังนั้นก็ยังคงเลือกใช้บล็อกเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 998 ซีซี ที่ 76มม. x 55 มม.  โดยตัวเครื่องยนต์จะมีระบบหัวฉีดแบบสองหัว  โดยการทำงานของหัวฉีดที่สองจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อมีการเปิดคันเร่ง หรือเมื่อถึงรอบความเร็วที่ถูกตั้งและกำหนดเอาไว้ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับระบบ Sport-Kawasaki Traction Control (S-KTRC) ที่จะทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลจากหัววัดบริเวณล้อ ตามอัตราและตำแหน่งของคันเร่ง เพื่อวัดความเร็วล้อ และความเร็วของเครื่องยนต์  เพื่อป้องกันการไถลลื่นของตัวล้อขณะขับเคลื่อน  ทำให้สามารถยึดเกาะถนนได้ดีเป็นเยี่ยม

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-Engine-1

ในส่วนนี้ผู้ขับขี่เองสามารถเลือกค่า TC ได้ถึง 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งระดับแรกจะทำการยึดเกาะถนนได้สูงที่สุด ระบบที่สอง  จะเป็นแบบปานกลาง และระดับที่สาม  เหมาะสำหรับสภาพถนนที่เปียกลื่น  ตำแหน่งของสวิทส์จะอยู่บริเวณหัวแม่มือด้านซ้ายของแฮนด์  ทำให้สะดวกต่อการเลือกใช้หรือจะเลือกสำหรับการเปิดหรือปิดระบบไปเลยก็ได้  ที่สำคัญตัวระบบจะมีการแสดงผลบนจอ LCD เพื่อแสดงค่าว่าระบบต่างๆ ทำงานอยู่ตำแหน่งไหน ณ เวลาใด ซึ่งเป็นการแสดงข้อมูลการทำงานแบบ Real Time

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-Engine-2

ส่วนในเรื่องของระบบเบรกห้ามล้อ Kawasaki ZX-10R 2015 จะให้มาพร้อมกับระบบ ABS อัจฉริยะของ Kawasaki (KIBS) ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ที่เบา  มีการทำงานและใช้ข้อมูลร่วมกับระบบ S-KTRC และ ECU ระบบ KIBS จะมีการตรวจวัดว่าเมื่อไหร่ล้อจะเกิดโอกาสในการล็อค ระบบจะทำการชดเชยความดันระบบไฮโดรลิกส์ในสายเบรกเองโดยอัตโนมัติ  ซึ่งระบบดังกล่าว จะทำหน้าที่กดล้อหลังด้วยระหว่างการเบรกหนักๆ  ถือว่าเป็นระบบที่ดี เพราะจะช่วยลดการตีกลับของคันเบรกและช่วยควบคุมระบบเบรกด้านหลังให้อยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อมีการลดเกียร์ลงในระบบที่ต่ำกรณีฉุกเฉิน

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-front-brake

ล้อด้านหน้าให้จานเบรกขนาด 310 มม. แบบจานคู่พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ  ส่วนด้านหลังเป็นระบบจานเบรกเดี่ยวที่มีขนาด 220 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 1 ลูกสูบ  ตัวระบบกันสะเทือนเป็นแบบตะเกียบ  ถ้าหน้าเป็นโช้คแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 43 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบแนวนอนปรับตั้งค่าตัวโช้คได้

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-rear-shock

มาดูกันต่อที่ล้อแม็กให้มาเป็นแบบล้ออลูมิเนียมสามซี่น้ำหนักเบาแต่คงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน  ตัวจอแสดงผลเป็นแบบ LCD เบาะนั่งมีความสูงอยู่ที่ 32 นิ้ว ความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิงของเจ้าคันนี้อยู่ที่ 4.5 แกลลอน และสำหรับเรื่องของน้ำหนักนั้น เจ้า Kawasaki  ZX-10R จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 436.6 ปอนด์ ส่วนรุ่น ABS จะหนัก 443.2 ปอนด์

2015-Kawasaki-Ninja-ZX-10R-stripped-overhead

และสำหรับราคาค่าตัวนั้น เจ้า Kawasaki Ninja ZX-10R คันนี้มีราคาจำหน่ายที่ที่อเมริกาจะอยู่ราวๆ $14,299 สำหรับรุ่นสีมาตรฐาน และ $14,599 สำหรับรุ่นครบรอบ 30 ปี และที่สำคัญหากคุณต้องการระบบเบรก ABS ก็จะต้องเพิ่มเงินส่วนต่างอีกนิด อีกราวๆ $1000 ซึ่งในไทยหากนำเข้ามาจำหน่าย ราคาคงจะเอาเรื่องพอสมควร แต่สำหรับสาวกค่ายยักษ์เขียวตัวจริงแล้ว คงจะไม่เสียดายหากจะแรกมาซึ่งชื่อเสียงและความแรงที่ให้มาเกินลิมิตนั่นเอง

sp

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : cycleworld.com