3 หัวเรือใหญ่ R Series กับ Yamaha YZF-R1M, R1, R1S

ติดตามกันต่อ 3 หัวเรือใหญ่ R Series กับ Yamaha YZF-R1M, R1, R1S ตอนที่ 1
Yamaha YZF-R1 เลือกใช้เฟรมตัวถังทั้งหมดเป็นแบบ Alluminum Alloy – DeltaBox เพราะต้องการลดในเรื่องของน้ำหนัก พร้อมการปรับเปลี่ยนวัสดุช่วงท้ายของตัวเฟรมให้เป็นวัสดุ Magnesium Alloy อีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าทั้งความเบาที่จะได้มา แต่มันยังให้ความแข็งแรงทนทานอีกด้วยนะคร๊าบ  สิ่งที่ตามมาหลักจากการลดน้ำหนักของมันก็ทำให้มันทำคะแนนได้ดีในเรื่องของน้ำหนักตัว เพราะว่าเจ้า Yamaha YZF-R1 สามารถทำน้ำหนักตัวให้เหลืออยู่ที่ 199 กิโลกรัมเท่านั้น

มาต่อกันที่ระบบช่วงล่างกันบ้าง เจ้าสปอร์ตไบค์คันนี้เลือกใช้ระบบกันสะเทือนโช้คหน้าจะเป็นของแบรนด์ดัง Kayaba (คายาบ้า) มาพร้อมกับระบบเบรก ABS โดยด้านหน้าจะเป็นระบบดิสก์คู่ขนาด 310 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ทั้ง 4 พอร์ตกันเลยทีเดียว ส่วนด้านหลังนั้นก็จะเป็นระบบดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. โดยไซส์ของตัวยางดานหน้าก็จะเป็นขนาด 120/70 ZR17 ส่วนด้านหลังก็จะเป็นขนาด 190/55 ZR17

ส่วนความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นหลังที่ดูแล้วมีอะไรแตกกต่างกับเจ้า Yamaha YZF-R1 ตัวธรรมดาที่ไม่ธรรมดากันบ้าง  เริ่มที่น้องเล็กกันก่อน นั่นก็คือเจ้า Yamaha YZF-R1S ซึ่งถือว่าเป็นน้องเล็กสุดในคลาส R1 เลยทีเดียว แต่ถึงจะเล็กสุดแต่ก็ยังมีความจิ๊ดในตัวมันอยู่ดี  เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการออกแบบและดีไซน์ก็เรียกว่าแยกกันแทบจะไม่ออกว่านี่คือ Yamaha YZF-R1S เพราะทางค่ายต้นสังกัดเรียกว่าทำการบ้านมาดีมาก ทำการปรับเปลี่ยนเพียงแค่บางจุดเท่านั้นเช่น เลือกที่จะลดการใช้วัสดุคุณภาพสูงเป็น วัสดุจำพวกอลูมิเนียม หรือเหล็กแทนที่นั่นเอง

และนอกจากนี้แล้ว ไม่ใช่แค่เพียงตัวรถภายนอกเท่านั้นที่ปรับลดคุณภาพลงมา แต่ยังเจาะลึกเข้าไปถึงตัวบล็อคเครื่องยต์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นตัวก้านสูบหรือตัวก้านวาล์วเองก็ตาม  เพราะต้องการที่จะลดในเรื่องของราคาค่าตัวลงมาให้ไบค์เกอร์หลายๆ คนที่ชื่นชอบสามารถที่จะครอบครองมันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ส่วนอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีอยู่ในรุ่น Yamaha YZF-R1 สำหรับในรุ่น Yamaha YZF-R1S ก็ได้ถูกถอดออกไปให้เลือกเป็น Option เสริมสำหรับคนที่อยากได้ความพิเศษก็ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อมันมานั่นก็คือเจ้าตัวควิกชิฟเตอร์นั่นเอง

ถัดมาก็จะเป็นในส่วนของตัวช่วงล่างต่างๆ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เลือกใช้ระบบช่วงล่างเป็นของ Kayaba ที่มีความพิเศษสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดมากมายหลายจุด  ก็เลือกใช้ตัวรองจากรุ่นเดิมแต่ยังคงเป็นแบรนด์ Kayaba เช่นเดิม  ส่วนวัสดุบนล้อแม็กเอง จากเดิมที่เป็นล้อแม็กนีเซียมคุณภาพสูงก็เป็นล้อแม็กที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในการปั้นชิ้นงานกันไป

สำหรับเจ้าน้องเล็กอย่างเจ้า Yamaha YZF-R1S คันนี้ตัวบล็อคเครื่องยนต์เองอาจจะใกล้เคียงของเดิมแต่อาจจะมีการจำกัดรอบความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 12,000 รอบ ซึ่งถ้ามองแล้วในแง่ของด้านเทคนิคอาจจะดูข้อจำกัดเยอะ แต่ถ้าใช้งานสำหรับการขับขี่หล่อๆ พร้อมที่จะแรงในบางจังหวะแบบไม่อายใครในราคาที่พอจะรับภาระได้ คันนี้มันถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งหมดนี้เลยจริงๆ    

และรุ่นย่อยสุดท้ายในคลาส Yamaha YZF-R1 ที่บอกเลยว่ามันคือที่สุดของที่สุด เพราะที่จะนำไปประลองความเร็วในระดับการแข่งขันได้เลยทันที ปรับโน่นนิด นี่หน่อย ก็เทพแล้ว นั่นก็คือเจ้าพี่ใหญ่สุดอย่าง Yamaha YZF-R1M นั่นเอง เรียกว่าเป็นที่สุดของสายพันธุ์โหดในตระกลูอาร์ซีรี่ย์เลยก็ว่าได้

Yamaha YZF-R1M นั่นความใกล้เคียงในเรื่องของตัววัสดุเองหรือแม่แต่ความแรงในเรื่องของบล็อคเครื่องยนต์เอง มันก็ถูกสร้างมาให้มีความใกล้เคียงกับตัวแข่งระดับโลกในรายการระดับโลกอย่าง MotoGP เท่านี้ก็น่าจะพอเดากันออกนะว่าโหดระดับไหน

ซึ่งเจ้า Yamaha YZF-R1M คันนี้วัสดุของตัวรถส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้วัสดุที่มาจาก Carbon Fiber เกือบทั้งหมด เพราะแน่นอนว่าต้องการในเรื่องของความแข็งแรงทนทานและความเบาในเรื่องของน้ำหนักตัวรถอีกด้วย  ส่วนตัวระบบกันสะเทือนนั้นก็เลือกที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ของแบรนด์ Top สุดนั่นก็คือแบรนด์Ohlins พร้อมระบบ ERS (Electronic Racing Suspension) ทำหน้าที่รับข้อมูลและทำการประมวลผลเป็นผ่านระบบ SCU (Suspension Control Unit) เพื่อปรับระยะยุบตัวให้เหมาะในระหว่างการขับขี่ให้ทำงานได้สัมพันธ์กันอีกด้วย

กล่าวโดยสรุปภาพรวมของตระกูล R Series แล้ว ถือว่าทางค่ายต้นสังกัดสร้างรุ่นย่อยออกมาทั้งสามรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับไบค์เกอร์ที่อาจจะมีงบประมาณหรือความต้องการเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปแลกกับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งที่บอกได้เต็มปากเต็มคำกับคำว่า มันคือที่สุด สุดยอดที่สุด ณ เวลานี้เลยจริงๆ

ติดตามกันต่อ 3 หัวเรือใหญ่ R Series กับ Yamaha YZF-R1M, R1, R1S ตอนที่ 1