Banner-Yamaha-Motorshow-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Motorshow-2024-400x300.gif

รีวิวจากการขับขี่จริงของ All New Yamaha YZF-R6 โดยมุมมองของทีมงาน GreatBiker

r6

นับว่าเป็นโอกาสดีมากๆ สำหรับการที่ทางบริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ได้เชิญทางพวกเราทีมงาน GreatBiker ไปทำการทดสอบรถสปอร์ตในแนวเรพลิก้าเต็มตัวอย่าง All New Yamaha YZF-R6 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชันเนลเซอร์กิต เมื่อเร็วๆ นี้ และแน่นอนว่าทางเราก็มีรีวิวแบบเจาะลึกในสไตล์ของเราเกี่ยวกับรถคันนี้มาฝากเพื่อนๆ กันเช่นเคย

ที่มาของ All New Yamaha YZF-R6 ในครั้งนี้สำหรับประเทศไทย

ก่อนอื่นจะต้องขอเท้าความถึงที่มาที่ไปของโมเดลนี้สักเล็กน้อย หากว่าเราจะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณสักแค่ครึ่งปี ที่จะมีสักคนหนึ่งบอกว่าทาง Yamaha เองจะนำรถสปอร์ต-เรพลิก้าแท้ๆ ในคลาส 600 อย่าง YZF-R6 มาขายในบ้านเรา อาจจะคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรถแนวนี้ในคลาสนี้ห่างหายจากบ้านเราไปนานมากๆ แล้ว และยังมีหลายต่อหลายคนที่มองในปัจจัยเรื่องของการตั้งราคาเป็นหลักที่คาดการณ์กันว่าตัว 600 นั้นราคามันจะไปใกล้กับตัว 1000 ทำให้ไม่น่าจะได้รับความนิยมในเรื่องของยอดขายเท่าไหร่ ซึ่งหากจะย้อนกลับไปสำหรับรถสปอร์ตเรพลิก้าในคลาส 600cc คันล่าสุดที่ทำตลาดในบ้านเราก็คือเจ้า R6 โฉมเดิมนั่นแหล่ะ แต่ว่าทำตลาดได้ไม่นานมากนัก ก็เลิกขายกันไป

แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงจากที่เราคาดการณ์กันไว้ เมื่อก่อนงาน Motor Show ครั้งล่าสุดสักเล็กน้อย ทางค่าย Yamaha เองก็ได้นำตัวรถ All New YZF-R6 ไปโชว์ตัวเป็นๆ ที่สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนั่นก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าทางค่ายเอาแน่ และก็ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นในงาน Motor Show อย่างที่เราได้เกาะติดและนำเสนอข่าวกันไป ด้วยราคาค่าตัว 549,000 บาท

มารู้จักกับ All New Yamaha YZF-R6 ในเบื้องต้นกันก่อ

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับเจ้า All New Yamaha YZF-R6 2017 คันนี้กันให้ถ่องแท้ก่อน ว่ามันมีความพิเศษมากกว่ารถ 600 คันอื่นๆ ที่ไม่ใช่แนวเรพลิก้ายังไงบ้าง และเพราะอะไรราคามันถึงได้ดีดตัวขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยการออกแบบหลักๆ นั้นเน้นการถ่ายทอด DNA มาจากรถสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่าง YZF-R1 โฉมปัจจุบัน ที่เป็นรถในแนวเดียวกัน แต่เจ้า R6 คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 599cc ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ DOHC 4 สูบเรียง 16 วาล์ว มีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 13.1:1 แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 123 bhp ที่ 14,500 รอบต่อนาที และทอร์คเท่ากับ 65.7 นิวตันเมตรที่ 10,500 รอบต่อนาที ที่จะให้แรงบิดอันมหาศาลในย่านความเร็วกลางและความเร็วปลายที่จัดจ้านเอามากๆ เน้นในเรื่องการทำ aerodynamic มากเป็นพิเศษ ซึ่งทางค่ายนั้นได้บอกว่าหากเจ้า R6 นี้สามารถพูดได้ สิ่งแรกที่มันจะพูดเลยก็คือ “พร้อมที่จะฟัดกับรถแข่งคันอื่นๆ ตั้งแต่จุดสตาร์ทแล้ว”

ในส่วนของการออกแบบด้านหน้านั้น ใช้ไฟหน้าแบบ LED ที่หลบอยู่ภายใต้หน้ากาก ซึ่งเป็นไปตามสมัยนิยมในตอนนี้สำหรับรถทรงสปอร์ต ทำให้รูปลักษณ์ของด้านหน้ารถนั้นดุดันและคมคายเป็นอย่างมาก รวมไปถึงไฟท้ายก็ยังคงเป็นแบบ LED ด้วยเช่นกัน

และอย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นว่าเจ้า R6 คันใหม่นี้จะเน้นในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ (aero dynamic) มากเป็นพิเศษ หรืออาจจะนับได้ว่าดีที่สุดตั้งแต่ตระกูล R6 นั้นถือกำเนิดออกมา ดังนั้นแล้วในส่วนของการออกแบบแต่ละชิ้นส่วนแต่ละส่วนนั้น จะมีการรองรับการไหลเวียนของอากาศที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสามัคคีที่สุด ตั้งแต่หัวจรดท้าย ทำให้แร้งต้านระหว่างตัวรถกับอากาศที่พัดผ่านมานั้นมีน้อยมากๆ ซึ่งตรงนี้เองจะส่งผลชัดเจนให้กับอัตราเร่งและความเร็วปลายที่ TOP SPEED เกือบๆ 300 กว่า กม./ชม.

ออพชั่นต่างๆ ของตัวรถ

ในส่วนของตัวรถนั้น มีออพชั่นที่น่าสนใจอยู่มากมาย เรามาเริ่มกันจากระบบ Traction control system กันก่อน กับระบบที่ช่วยป้องกันการหมุนฟรีของล้อหลัง มันช่วยให้อัตราเร่งนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นแม้กระทั่งการวิ่งบนถนนที่เปียกแฉะ ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถนั้นมีสูงมากที่สุด ซึ่งเราสามารถปรับการทำงานของระบบนี้ได้มากถึง 6 ระดับด้วยกัน โดยในแต่ละระดับนั้นจะมีความไวต่อการตอบสนองของระบบที่แตกต่างกันนั่นเอง อีกทั้งยังคงมีระบบยอดนิยมสำหรับรถในแนวสปอร์ตอย่าง Quick Shift System ที่จะช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกำคลัทช์ ทำงานร่วมกับสมองกล ECU ในการสั่งการ เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ YZF-R1

1495532476111

ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้านั้นเป็นของ KYB แบบหัวกลับขนาด 43 mm ซึ่งใหญ่กว่าโฉมเดิมที่มีขนาดเพียง 41 mm เท่านั้น ซึ่งเป็นการออกแบบพิเศษมาเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำให้มันซับแรงสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในขณะที่เราเข้าโค้งหนักๆ, ระบบเบรกหน้านั้นเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 320mm ซึ่งมีขนาดกว้างกว่าของเดิม ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ที่ให้เป็นมาตรฐานมาจากโรงงานเลย โดยใช้ปั้มคาลิปเปอร์ของ Nissin, คันเร่งเป็นแบบไฟฟ้า ride-by-wire Yamaha Chip Controlled Throttle (YCC-T®) พร้อมด้วยโหมดในการขับขี่ให้เลือก, ส่วนของเบาะด้านท้าย จะมีความเป็นเรซซิ่งแบบเต็มตัวในสไตล์การนั่ง, ถังน้ำมันเป็นแบบอลูมิเนียมแบบใหม่ ที่ผสมวัสดุในการผลิตแบบ Cold Metal Transfer (CMT) ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของตัวถังน้ำมันนั้นเบากว่ารุ่นเดิมถึง 1.2 กก. ด้วยกัน, หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ ที่ผสมผสานระหว่างดิจิตอลและอนาล็อก ซึ่งจะบอกการแสดงผลครบครันไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์, วัดทริป, การทำงานของ TCS, GPS, ABS โหมดที่ใช้งาน ฯลฯ

ความรู้สึกหลังจากทดสอบขับขี่ในแทรคของสนามช้างฯ โดยทีมงาน GreatBiker

สำหรับ All New YZF-R6 นั้นเป็นรถสปอร์ตเรพลิก้า ที่เกิดมาเพื่อขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ จากลักษณะนิสัยของเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่เน้นในเรื่องการไต่ความเร็วกลางถึงปลายที่มหาศาลเป็นหลักตามแนวของรถแข่ง แต่ก็ต้องแลกมากับทอร์คหรือแรงบิดต้นที่น้อยกว่ารถสองสูบ ทำให้ผู้ขับขี่ที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับรถรุ่นนี้อาจจะต้องปรับตัว หรือลักษณะนิสัยในการบิดกันประมาณหนึ่ง แต่หากว่าคุ้นเคยและรู้จักการใช้งานรอบของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแล้ว ก็รับประกันความมันส์ในสไตล์รถสปอร์ตเรซซิ่งได้เต็มพิกัด และจากที่ทดลองไต่ความเร็วของตัวรถแล้ว จะเริ่มไต่ได้อย่างต่อเนื่องแบบเรียกได้บิดติดมือ ตั้งแต่ประมาณ 3,000 – 4,000 รอบต่อนาทีเป็นต้นไป และจากการทดสอบใช้งานระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัทช์อย่าง Quick Shifter นั้นก็ทำได้ดี ช่วยให้สับเกียร์ได้ทันใจ และไม่กระตุกแต่อย่างใด

ในส่วนของการควบคุมรถนั้นถือว่ายอดเยี่ยมเอามากๆ ตัวรถมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา มีมิติที่กระชับ และความคล่องตัวสูงมากๆ และแน่นอนว่าจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของตัวรถนั้นก็คือการพลิกโค้ง ที่ตัวรถนั้นทำได้ดีมากๆ แค่เวลาเราเห็นโค้ง แล้วขยับทิ้งตัวแค่เล็กน้อยเท่านั้น ตัวรถก็จะเริ่มแบนให้เราเองเพื่อเตรียมพร้อมจะเข้าโค้งอย่างง่ายดาย และการพลิกรถนั้นก็ทำได้ไวมากๆ เมื่อเราตั้งตัวขึ้นมาในท่าปกติ ตัวรถก็พลิกกลับมาได้ทันที รวมไปถึงการที่ตัวรถนั้นจะโค้งไปตามทิศทางของสายตาเรา แบบแค่มองที่ปลายโค้งรถก็โค้งไปตามอย่างง่ายดาย โดยทั้งหมดนั้นต้องยกความดีให้กับบาลานซ์ของรถที่ยอดเยี่ยม และอีกอย่างที่น่าสนใจ ถ้าเราขี่ถูกท่าแบบแนวสปอร์ตนั้น ระบบ aero dynamic ของตัวรถนั้นก็จะช่วยเราแหวกลมได้อย่างเต็มที่ แทบจะไม่รู้สึกถึงลมที่ประทะตัวของเราเลย

สำหรับระบบช่วงล่างของตัวรถนั้น เซ็ทมาแบบแน่นๆ เลย ทำให้เวลาเราเข้าโค้งนั้นรู้สึกมั่นใจไม่ย้วยหรือนิ่มจนเกินไป แต่ทั้งนี้ยังคงเป็นการทดสอบในสนามแข่งเท่านั้น หากนำมาขี่บนถนนจริงก็น่าจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ส่วนในเรื่องการเบรกนั้นทำระยะได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเอนจิ้นเบรกและเบรกปกติของตัวรถ ทำให้มั่นใจในการหยุดรถ ซึ่งยังคงมีตัวช่วยอย่าง ABS อีกด้วย

บทสรุปของ All New Yamaha YZF-R6

มันเป็นรถซุปเปอรสปอร์ตเรพลิก้าในคลาส 600cc แท้ๆ ที่จะตอบสนองความต้องการในการขับขี่ลงสนามอย่างมากที่สุดเท่าที่รถสปอร์ตคันหนึ่งในคลาสนี้จะทำได้ โดยถ่ายทอดความสามารถมาจากรุ่นพี่อย่าง R1 ได้อย่างเต็มตัว แต่ทีนี้คำถามที่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่ามันจะเหมาะสมกับการใช้งานขนาดไหนอันนี้ก็ต้องอยู่ที่ความชื่นชอบของเราอีกที เพราะตัวรถมัน “หล่อ” ในแบบฉบับของมันอยู่แล้ว รับรองว่าแค่ขี่ไปจอดตามสี่แยก ก็ต้องมีคนมองแน่นอน แต่ด้วยท่าทางขับขี่ที่ “หมอบ” เอามากๆ ก็อาจจะมีอาการเมื่อยล้าบ้างในกรณีที่ขับขี่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งในท่าขี่ที่ไม่เหมาะสมกับตัวรถหรือ อย่างไรก็ตามมันก็มีความคล่องตัวสูงมากๆ สำหรับการใช้งานในเมือง ที่บางจังหวะจะเจอการจราจรที่ติดขัดได้เป็นอย่างดี และในการออกทริปที่ไม่ได้เป็นระยะไกลมากๆ จนเกินไป มันก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ด้วย กับตัวแฟร์ริ่งและชิลด์หน้าที่จะช่วยเราในการแหวกลมได้เป็นอย่างดี สุดท้ายแม้ว่ามันจะเป็นรถสปอร์ตเต็มรูปแบบ ที่เกิดมาเพื่อลั่นในสนามอย่างเต็มตัว แต่แน่นอนว่าบางครั้งอารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล สำหรับคนที่โดนใจแบบสุดๆ กับการออกแบบและสเปคต่างๆ ของมัน และตั้งใจจะนำมันมาขี่ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ก็สามารถคว้ามันมาครอบครองได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ ที่สำคัญกับราคาค่าตัวที่ถือว่ากำลังพอดีๆ ที่ 549,000 บาท กับงานนำเข้าจากญี่ปุ่นแท้ๆ ทั้งคัน ก็ทำให้มันน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก และทางทีมงานของเราก็ชอบมันเอามากๆ กับเจ้า R6 คันนี้

ต้องขอขอบคุณทางบริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์อย่างเป็นทางการมา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับความเอื้อเฟื้อในการทดสอบรถครั้งนี้ โอกาสหน้าพวกเราจะมีรีวิวโมเดลที่น่าสนใจมากฝากกันอีกอย่างแน่นอน

Banner-Yamaha-Safe--Save-2024-400x300.jpeg