Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

KTM เปลี่ยนโลกด้วยการใส่ระบบหัวฉีดในเครื่องยนต์ 2 จังหวะบนรถมอเตอร์ไซค์วิบาก

KTM-250-EXC-TPI-MY-2018_02-1024x781

นานมาแล้วที่รถมอเตอร์ไซค์วิบากนั้นนิยมใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะและมีระบบหัวฉีดเพื่อทำการควบคุมและจ่ายน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่มันก็ขาดเสน่ห์บางอย่างไป นั้นคือคืออัตราเร่งในทุกย่านความเร็วที่ลดลงไป ได้ความคงทนของตัวเครื่องยนต์และระบบภายในมาแทน

blank

โดยล่าสุดทาง KTM ที่นับได้ว่าเป็นค่ายรถมอเตอร์ไซค์ค่ายแรกของโลกที่นะเอาระบบหัวฉีดเข้ามาใส่ในรถมอเตอร์ไซค์วิบาก 2 จังหวะในรุ่น KTM 250 EXC TPI และ KTM 300 EXC TPI ด้วยระบบ TPI ที่พัฒนามาใหม่นั้นใช้ระบบพื้นฐานเดียวกับระบบ EFI โดยใช้ระบบ 2 หัวฉีดส่งน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ส่งผลให้ได้พลังกำลังที่สมบูรณ์แบบและยังได้ความนุ่มนวลในการขับขี่

blank

ด้วยการออกแบบตัวเรือนลิ้นเร่งหรือ throttle body และระบบจัดการเครื่องยนต์ EMS (Engine Management System) รวมไปถึงการออกแบบระบบสมองกล ECU ที่มีเซนเซอร์หลายตัวทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ค่าประมวลผลที่สมบูรณ์แบบในการจ่ายเชื้อเพลิง และยังมีกระบอกสูบที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ ไส้กรองอากาศ ปั้มของเหลว และถังน้ำมันเอง ก็ได้รับการออกแบบใหม่หมด โครงสร้างตัวถัง  high-tech chromoly steel frame ที่เหมือนจะมาแทนที่โครงสร้างเดิมในตระกูล EXC ของทางค่ายก็ดูเข้าท่ากว่าโครงสร้างอันเดิม

blank

Joachim Sauer ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ Off-Road ของทาง KTM ได้กล่าวไว้ว่า “มันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจมากๆ เลย ที่เราเป็นค่ายรถมอเตอร์ไซค์ค่ายแรกที่ริเริ่มนวัตกรรมนี้ในเครื่องยนต์ 2 จังหวะ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบากที่จะใช้สำหรับการแข่งขัน และเราก็จะยังไม่หยุดพัฒนา ถึงแม้ว่าเจ้า 2 โมเดลล่าสุดที่เราเปิดตัวไปนั้นจะยังเป็นรถในโมเดลตลาดยุโรป แต่เราก็จะพัฒนาต่อไปเพื่อการเข้าสู่ตลาดโลกในอนาคต โดยเป้าหมายของเรานั้นชัดเจนมาก คือการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในเครื่องยนต์แบบสองจังหวะแก่ผู้ขับขี่”

blank

นอกจากนี้เจ้า KTM 250 EXC TPI และ 300 EXC TPI นั้นสามารถมอบพละกำลังที่มหาศาล รวดเร็ว และสม่ำเสมอ ในขณะที่อัตราบริโภคเชื้อเพลิงนั้นลดลง รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งมาให้นั้นอยู่ในระดับเกรดA เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนจาก WP ระบบเบรกจาก Brembo แบตเตอรี่แบบ extra-light lithium ion ระบบคลัทซ์แบบ hydraulic

blank

นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ในการขับขี่ในสไตล์ของ Off Road ที่จะเพิ่มเติมความสนุกสนานแต่กินพลังงานเชื้อเพลิงน้อยลง และพวกเราเหล่าไบค์เกอร์ชาวไทยต้องติดตามกันต่อไปถึงการเตรียมขยับจากตลาดยุโรปสู่ตลาดในระดับสากลว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรนอกจากนี้บ้าง  ซึ่งเพื่อนๆ สามารถติดตามได้จากพวกเรา GreatBiker ที่เดิมครับ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.morebikes.co.uk