Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-1150x250.gif
Banner-Yamaha-Fazzio-X-Fila-2024-400x300.gif

Yamah MT-10 พี่ใหญ่สุดแห่งตระกูล MT

mt-10

สำหรับปีนี้นับว่าเป็นปีทองของทางค่ายยามาฮ่าเป็นอย่างมาก นอกจากการปล่อยโมเดลรถมอเตอร์ไซค์ออกมามากมายหลายรุ่นหลายสไตล์แล้ว ยังกวาดยอดขายไปได้เป็นอย่างดีด้วย และในช่วงปลายปีอย่างนี้ก็ได้ทำการเซอร์ไพร์สแบบสุดๆ กับการปล่อยรุ่นใหญ่ในแนวเนกเกตไบค์อย่าง Yamaha MT-10 ออกมา ซึ่งยอมรับเลยว่าไม่มีภาพหลุดหรือข้อมูลหลุดมาก่อนเลย นอกเหนือไปจากวิดีโอทีเซอร์สั้นๆ ที่ไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นไหนจากทางยามาฮ่าเอง ในคำโปรยว่า “Ray of Darkness”

MT-10 นั้นเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน EICMA Show ที่เมืองมิลานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ โดยทางค่ายยามาฮ่าหมายมั่นปั้นมือให้มันเป็นรถบิ๊กไบค์รุ่นเรือธงคันใหม่ของทางค่าย โดยนับว่าเจ้า MT-10 นั้นเป็นคันล่าสุดและใหญ่ที่สุดในตระกูล MT-series แต่ในรายละเอียดนั้นถือว่ามีความแตกต่างกันกับ MT คันอื่นๆ ในตระกูลมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นรถในแนวเนกเกตเหมือนกันแล้วนั้น ที่เหลืออย่างเครื่องยนต์ก็มีการใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงจากรถตระกูล Racing อย่าง R1 นั่นเอง กับเครื่อง CP4 แบบครอสเพลนขนาด 998 cc รวมไปถึงแชสซีและระบบกันสะเทือนที่ยกมาจากของ R1 ด้วย

http://i1.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_1.jpg

 

ซึ่งจุดเด่นของเครื่องยนต์ CP4 นั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยการที่มันสามารถรีดทอร์คออกมาได้อย่างมหาศาล ตั้งแต่ความเร็วในช่วงต้นไปจนถึงปลาย หรือในทุกย่านความเร็วนั่นเอง โดยที่เมื่อเราเอาเอกลักษณ์นี้มาใช้กับรถแนวเนกเกตอย่าง MT-10 ที่มีน้ำหนักเบากว่า ไม่แน่ว่าเวลาใช้งานจริงๆ ทอร์ตมันอาจจะมีมากกว่า R1 ด้วยซ้ำ งานนี้คอรถแนวเนกเกตที่ต้องการเสพความแรงแบบถึงขีดสุด เจ้า MT-10 นั้นน่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

http://i1.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_EU_BNS4DSJ_DET_001.jpg

http://i1.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_EU_BNS4DSJ_DET_006.jpg

ไฮไลท์ต่อมาที่น่าสนใจก็คือ MT-10 นั้นมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกด้วย โดยสามารถเลือกได้อยู่ด้วยกัน 3 โหมด อย่างโหมด Standard ที่จะให้ความรู้สึกสมูธ นุ่มนวล กลางๆ เป็นมิตรกับผู้ขี่มากที่สุด โหมดต่อมาก็คือโหมด A โหมดนี้จะให้อารมณ์แบบสปอร์ตสะใจตั้งแต่ในช่วงความเร็วต่ำเลย เรียกได้ว่าบิดนิดๆ นี่มียกหน้ากันได้ง่ายๆ ในอักนัยหนึ่งโหมดนี้ก็คือโหมดที่โหดที่สุดสำหรับ MT-10 นั่นเอง และโหมดสุดท้ายหรือโหมด B นั้นก็คือโหมดที่เซฟในการขับขี่ โดยมันจะเหมาะกับการขี่ในช่วงที่ถนนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน หรือเส้นทางที่มีความเซนซิทีฟสูง โดยทางเทคนิคแล้วทั้งสามโหมดนี้จะแตกต่างกันในเรื่องของระดับการปล่อยน้ำมันจากหัวฉีด, การกำหนดแรงม้าที่ใช้ และความไวในการทำงานของ ABS ซึ่งจะเซ็ทให้มีลักษณะแตกต่างกันตามการใช้งานในแต่ละโหมด

http://i0.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_EU_BNS4DSJ_DET_002.jpg

http://i0.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_EU_BNS4DSJ_DET_009.jpg

อีกอย่างหนึ่งเลยที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือเจ้า Yamaha MT-10 นั้นมีระบบครูซคอนโทรลมาให้ด้วย ซึ่งออพชั่นนี้แม้แต่ R1 ยังไม่มีมาให้ โดยลักษณะการทำงานของครูซคอนโทรลใน MT-10 นั้นก็คล้ายๆ กับรถยนต์ โดยเมื่อเราวิ่งไปถึงความเร็วที่ต้องการแล้ว ก็สามารถกดปุ่มครูซคอนโทรลที่สวิทซ์ด้านซ้ายมือ เพื่อทำการล็อกความเร็วให้วิ่งคงที่ตามนั้นได้ โดยไม่ต้องบิดคันเร่งแล้วแต่อย่างใด ดูจากตรงนี้แล้วมันเหมาะกับการเดินทางออกทริปไกลๆ เป็นอย่างมาก

http://i1.wp.com/tmcblog.com/wp-content/uploads/2015/11/2016_YAM_MT10_EU_BNS4DSJ_DET_003.jpg

ทั้งนี้ราคาของ MT-10 ยังไม่ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าอีกไม่นานนี้แล้วก็จะได้รู้กัน และแน่นอนว่ามันจะนำเข้ามาขายกันในบ้านเราด้วย โดยคู่แข่งในตลาดตอนนี้ก็หนีไม่พ้น Kawasaki Z1000, BMW S1000R ฯลฯ หากว่า MT-10 สามารถทำราคามาสู้ได้ งานนี้สามารถแย่งฐานลูกค้าที่ชื่นชอบรถแนวเนกเกตคลาส 1000 ได้สนุกแน่ๆ

blank

ขอบคุณภาพจาก TMCblog.com

อัพเดทข่าวสารในวงการบิ๊กไบค์ล่าสุด คลิกที่นี่