ค่าย HARLEY-DAVIDSON เปิด 2 โมเดลน่าเก็บ
ถ้าจะพูดถึงมอเตอร์ไซค์แนวครุยเซอร์ ที่เป็นหนึ่งอันดับต้นๆ ของบิ๊กไบค์ที่ชายใด ๆ ก็อยากจะครอบครองแล้วละก็ คงหนีไม่พ้นเจ้า Harley-Davidson ซึ่งบอกเลยว่า นานๆ ทีจะเปิดตัวอัพเดทกันซะหน่อย กับความเคลื่อนไหวล่าสุดทางค่ายบิ๊กไบค์สำหรับแมนๆ ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่เพิ่มอีก 2 ตัว ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการอัพเดทเพิ่มเติมจากพื้นฐานเดิมนิหน่อย
สำหรับโมเดลใหม่ที่เปิดตัวใหม่นั้น ก็จะมี เจ้า 2016 Low Rider S มาเสริมไลน์ S-Series และ 2016 CVO-Special Pro Street Breakout ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบนั่นเอง
เรามาดูเจ้า ตัวแรกกันก่อนเลยสักหน่อย กับเจ้า 2016 CVO-Special Pro Street Breakout เรียกว่าเป็นรุ่นที่ถูกนำมาปรับโฉมจากพื้นฐานของ SOFTAIL Breakout ซึ่งเป็นทีมของทางบริษัท Harley เองบอกเลยสำหรับใครที่อาจจะเล็งๆ เจ้า Harley ไว้อยู่บอกได้คำเดียวว่าให้รีบกันหน่อย ถ้าหากรุ่นนี้วางจำหน่ายกันอย่างจริงๆจัง เพราะว่าเค้าจะผลิตออกมาจำหน่ายเพียงจำนวนจำกัดเท่านั้นนะคร๊าบ….
ด้วยดีไซน์และรูปโฉมของมัน ทำให้มันเป็นหนึ่งในบิ๊กไบค์แนวครุยเซอร์ที่ดูมีมัดกล้ามที่บึกบึนมากขึ้นด้วย มาพร้อมกับสองสีหลัก ก็คือสี Starfire Black and Starfire Black และ White Gold Pearl and Starfire Black สังเกตให้ดี ที่บริเวณปลอกแฮนด์ลายกราฟฟิค แถมที่บริเวณขอบล้อจะมาพร้อมล้อแม็ก 5 ก้านชุปโครเมี่ยมอีกต่างหาก เรียกว่าเป็นการบ่งบอกความโดดเด่นเฉพาะตัวประจำรุ่นน แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของไบค์เกอร์ผู้ที่มีความหลงใหลในฮาร์เลย์ เพราะมันยังมีอุปกรณ์เสริมที่พร้อมแต่งหล่อให้คุณอีกเพียบขอแค่เงินในกระเป๋าสตางค์คุณเพียงพอกับความต้องการของคุณนั่นเอง
มาดูกันต่อที่ในส่วนของพละกำลังบล็อคเครื่องยนต์และความปลอดภัยกันบ้าง ?
ในส่วนของบล็อคเครื่องยนต์นั้น ได้เปลี่ยนจากบล็อค Eagle Twin Cam 103 เป็น Eagle Twin Cam 110B V-Twin พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรความจุของตัวกระบอกสูบอยู่ที่ 1,801 ซีซี พร้อมที่จะให้พละกำลังแรงบิดสูงสุดที่ 151 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบไฮโดรลิคสลิปเปอร์คลัชพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ตัวถังน้ำมันมาพร้อมความจุที่ 18.9 ลิตร แต่เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าอัตราการรับประทานน้ำมันก็จะอยู่ที่ราว ๆ 18 กิโลเมตร / ลิตร โดยเจ้าคันนี้มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 332 กิโลกรัมนั่นเอง
ส่วนในเรื่องของระบบอื่นๆ และระบบความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบเบรกเสริมด้วย ABS และ Cruise Control รูปทรงของท่อไอเสียเป็นแบบ Blunt-Cut พร้อมกรองเปลือยขนาดใหญ่ แฮนด์บาร์ทรงแดร็ก ก็บอกแล้วว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแดร็ก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คแบบ Up side Down ตัวนี้ให้มาพร้อมวินชิลด์หน้าที่มีสีสันสีเดียวกับตัวรถ สำหรับเจ้าคันนี้สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1,013,070 บาท (สำหรับราคานี้ยังไม่รวมภาษีแต่อย่างใด) และพร้อมจะส่งมอบในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้….
ถัดมามาดูอีกหนึ่งรุ่นกันต่อกับเจ้า 2016 Low Rider S เป็นรุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพ กับ Fat Boy S และ Softail Slim S ในไลน์ S-Series ในเรื่องของตัวดีไซน์เอง ก็ไม่ต้องพูดถึงอะไรกันมากมาย เพราะด้วยชื่อชั้นและตำนานแล้วมันก็ขับขี่ได้แบบโหดๆ ไม่เท่านั้นยังหล่อเท่ห์อีกด้วย สำหรับการตกแต่งภายนอกนั้นก็มาพร้อมกับล้อแม็ก 5 ก้านสีทองด้านๆ ให้ความคลาสสิค ดูมีตำนาน คมๆ สำหรับเจ้าคันนี้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเบาะและแฮนด์บาร์ทรงใหม่ เพื่อปรับท่านั่งให้มาการวางแขนให้สามารถยืดไปข้างหน้าได้อย่างสบายๆ และการวางเท้าของผู้ขับขี่เองจะรู้สึกว่ามีตำแหน่งการวางที่ตั้งฉากมากขึ้น ตามแบบฉบับท่านั่งแบบเดิมๆ ของรถสไตล์นี้กันอยู่แล้วนั่นเอง
สำหรับบล็อคเครื่องยนต์นั้นมาพร้อมกับการปรับเป็น Eagle Twin Cam 110B เช่นเดียวกับ CVO Breakout แต่ในรุ่นนี้รู้สึกว่าจะให้แรงบิดที่มากกว่า ซึ่งแรงบิดจะอยู่ที่ราวๆ 156 นิวตัน/เมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที มาพร้อมกับถังน้ำมันตัวรถที่จุดได้ถึง 17.8 ลิตร สำหรับตัวรถเองก็มีน้ำหนักตัวรวมอยู่ที่ราวๆ 305 กิโลกรัม และอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 19.6 กิโลเมตร/ลิตร เรียกว่าประหยัดกว่ารุ่นแรกที่กล่าวไปนิดหน่อย
สำหรับระบบความปลอดภัยต่างๆ มาพร้อมกับโช้คอัพแก๊สที่บริเวณด้านหลัง โช้คหน้าก็เป็นโช้คแบบมาตรฐาน ส่วนในเรื่องของระบบเบรกนั้นมาพร้อมกับเบรค ABS และระบบ Cruise Control ในส่วนของสีตัวรถสำหรับรุ่นนี้นั้นมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือ สีดำ สนนราคาเปิดตัวที่ 759,742 บาท (ราคาเบื้องต้นนี้ยังไม่รวมภาษี) และพร้อมจะส่งมอบในเดือน มีนาคมนี้เช่นกัน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : motorcycle-usa.com
กระแสเทรนบิ๊กไบค์ 2016 ที่เดียว