“บิ๊กไบค์”….ขี่ได้….กับขี่เป็น เส้นแบ่งบางๆ ที่ไม่ควรจะมองข้าม (ตอนที่ 2)
เรียนให้ดี ขับขี่ให้เป็น ไม่ใช่ ขี่ได้ !!!
แน่นอนว่า จุดมุ่งหมายหลักของบรรดาเหล่าสิงห์นักบิดทั้งหลาย ที่กลับเข้ามาเรียนรู้ในการขับขี่บิ๊กไบค์อย่างจริงจังและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก็เพื่อความปลอดภัยเพียงสิ่งเดียว
สำหรับดาราคนหนึ่งที่ต้องบอกเลยว่ามีความชื่นชอบบิ๊กไบค์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนเริ่มที่จะเปลี่ยนจากความชอบจับธุรกิจตัวหนึ่งที่ชื่นชอบ นั่นก็คือ การนำเข้ารถบิ๊กไบค์ยี่ห้อ ไทรอัมพ์ คุณดอม เหตระกูล ยืนยันได้เลยว่า เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องป้องกันอุบัติเหตุให้น้อยลง สำหรับผมเองคิดว่า คนที่เดินมาซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องให้ความปลอดภัยด้วยการสร้างทักษะการขับขี่ให้ถูกต้อง
ถ้าจะมองในแง่ดี ก็คือ คนที่ขับขี่บิ๊กไบค์ส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการขับขี่ กลุ่มต่างๆ เนื่องจากต้องการออกทริปหรือขับขี่ให้สนุกสนานและปลอดภัย ไม่อยากให้มีอุบัติเหตุ คนใหม่ในกลุ่มก็ถูกสอนโดยมือาชีพ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ในกลุ่มแต่ละกลุ่ม หรือมีการแนะนำให้ไปเรียนด้วยซ้ำซึ่งนั่นทำให้ 80% เข้าใจและรู้ถึงทักษะต่างๆ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการขับขี่ และนำไปต่อยอดฝึกฝน เรียนรู้จนชำนาญ
คุณศุภฤกษ์ คูณเสวก เผยกับเราว่า “หลังจากที่ผมได้ซื้อรถบิ๊กไบค์มาได้ไม่นาน ก็ได้ตัดสินใจที่จะซื้อหมวกกันน็อก กางเกงการ์ดป้องกัน ถุงเมือ รวมไปถึงรองเท้าป้องกัน ซึ่งรวมๆ แล้วงบที่ตั้งไว้ สูงถึง 4 หมื่นบาท ให้เพียงเหตุผลเดียว คือ มันคุ้มค่ากับการลงทุนเมื่อเทียบกับชีวิตของเราทุกครั้งที่ต้องขับขี่บิ๊กไบค์นั่นเอง”
ในปัจจุบันนี้มีโรงเรียนหลายแห่งที่เปิดอบรม สอนเกี่ยวกับทักษะการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็น Honda ขับขี่ปลอดภัย ที่สอนให้เรา 4 ครั้งแล้วพร้อมที่จะพาไปสอบใบขับขี่ (เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ไม่เป็นเลยและยังไม่มีใบขับขี่) เพราะเขาจะสอนเราตั้งแต่รถแบบออโต้เมติก รถแม่บ้าน รถแบบมีคลัช รวมไปจนถึงรถบิ๊กไบค์ ถัดมาก็จะเป็นค่ายรถยุโรป แบรนด์ดังอย่างดูคาติ ที่มีการสอนถึง 4 ระดับ Beginner , Basic , Intermediate , Advance…. ตั้งแต่การจูงรถ ก็เพื่อต้องการให้ผู้ขับขี่เข้าใจถึงสรีระในตัวรถ เรื่องของระบบเกียร์ การวิ่งทางตรง การเทโค้ง หรืออาจจะเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การขับขี่ด้วยเทคนิคชั้นสูงแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นเทพ อดีตนักแข่งมืออาชีพ ที่ผันตัวมาถ่ายทอดทักษะและประสบการณ์ต่างๆ ให้กับผู้ที่ต้องการขับขี่อย่างปลอดภัย
เกรินมาได้สักพักเชื่อกันว่าตอนนี้หลายๆ คนก็คงจะเกิดคำถามในใจว่า จะเรียนไปทำไม เรียนแล้วได้อะไร ขับขี่ก็ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามองย้อนกลับไป เริ่มกลับมาเรียนเพราะไปเจอกับอุบัติเหตุด้วยตัวเอง หรือแม้แต่คนใกล้ตัว ก็เริ่มที่จะตระหนักถึงความสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นพวกรุ่นใหญ่บางคนก็มีอีโก้เยอะ ก็แทบจะไม่มาเรียนเลยก็ว่าได้ แต่ในปัจจุบันนี้ ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ๆที่บิ๊กไบค์ในบ้านเราเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมกับการรณรงค์ในเรื่องของการขับขี่ที่ปลอดภัย บวกกับดารานักแสดงต่างๆ ก็ช่วยกันโปรโมทและให้ความสำคัญกันมากขึ้น คนทั่วไปจึงเริ่มที่จะเรียนรู้การขับขี่บิ๊กไบค์ที่ถูกวิธีจากผู้สอนการขับขี่ที่ถูกต้องและเชี่ยวชาญนั่นเอง……อย่างน้อย ๆ ถ้าคุณเอง คือไบค์เกอร์มือใหม่ ที่อยากจะเป็นผู้ขับขี่ที่ดี ควรจะใส่ใจสักนิดเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง…..
สำหรับการจัดระเบียบบิ๊กไบค์
มีหลายคนถามมาว่า เมื่อไรจะถึงเวลาที่จะต้องมีการจัดระเบียบรถบิ๊กไบค์ที่จริงๆ จังๆ เสียที จากปัญหาของอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เกิดจากการที่ผู้ขับขี่เองไม่ได้รับการอบรมให้มีความรู้ในเรื่องของการขับขี่ที่ถูกต้องและเหมาะสมที่เพียงพอต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการขับขี่บนท้องถนนจริง
สำหรับการอบรมในประเทศไทยนั้น ถ้าผู้ที่ต้องการที่จะมีใบอนุญาตในเรื่องของการขับขี่รถจักรยานยนต์ เพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ก็สามารถที่จะได้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์มา ซึ่งแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่นที่จะมีการเรียนรู้ในเรื่องของการขับขี่ ก่อนทำการลงสอบ ทั้งภาคทฤษฎี 26 ชั่วโมงและการอบรมทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จะแยกออกไปอีกตามประเภทของซีซีรถ เช่น ถ้ามีขนาดไม่เกิน 125 ซีซี จะต้องมีการผึกขับขี่ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง หรือถ้าเป็นรถตั้งแต่ขนาด 125 – 400 ซีซีจะต้องได้รับการฝึกขับขี่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 19 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นรถที่มีขนาดตั้งแต่ 400 ซีซี ขึ้นไปจะต้องได้รับการฝึกขับขี่อย่างน้อย 36 ชั่วโมงถึงจะได้รับใบอนุญาตขับขี่รถออกมาได้นั่นเอง….
ในประเทศไทยนั้น นักวิชาการหลายท่าน เสนอว่า ให้กรมการขนส่งทางบก ปรับปรุงในเรื่องของการออกใบอนุญาตการขับขี่ โดยให้สอดคล้องกับสมรรถนะที่ผู้ขับขี่พึงมี เพื่อป้องกันความสูญเสียและผลกระทบอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเสนอให้มีการแยกใบอนุญาตการขับขี่ออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วยระดับ A รถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่ไม่เกิน 125 ซีซี ระดับ A1 ให้เป็นรถที่มีขนาดกลางไม่เกิน 400 ซีซี และรถขนาดใหญ่ ที่มีขนาด 400 ซีซีขึ้นไป โดยในรถดับ A นั้น ควรจะมีการฝึกทักษะการขับขี่และอบรมอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 19 ชั่วโมง และถ้าเป็นรถที่มากกว่า 125 ซีซี ก็ควรที่จะมีการอบรมเพิ่มจำนวนขึ้นไปตามความเหมาะสม
ขอบขอบคุณภาพประกอบจาก : car250.com, youtube.com, thairpm.com
ขอขอบคุณข้อมูลเบื้องต้นจาก : posttoday.com
“บิ๊กไบค์”….ขี่ได้….กับขี่เป็น เส้นแบ่งบางๆ ที่ไม่ควรจะมองข้าม (ตอนที่ 1)
เนื่องด้วยในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในบ้านเรา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด….และด้วยเหตุนี้ ทำให้ทีมงาน Greatbiker เกิดความห่วงใยกับเพื่อนๆ แฟนๆ ที่กำลังอาจจะเลือกซื้อบิ๊กไบค์สักคัน เพื่อเข้ามาเป็นไบค์เกอร์มือใหม่ เพราะแน่นอนว่า ทุกเสี้ยววินาทีที่คุณเองอยู่บนเบาะรถบิ๊กไบค์ ทุกการขับขี่ถ้าประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาที อาจจะนำมาซึ่งชีวิตที่อาจจะไม่คุ้มค่าก็เป็นได้….
ด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุของซีซีที่ค่อนข้างมากบวกกับเสียงท่อที่ดังกระหึ่ม สร้างความเร้าใจทุกครั้งที่ได้ยิน ฟิลลิ่งการขับขี่ที่ได้ทุกการบิดคันเร่ง กับมอเตอร์ไซค์คันโตที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ทำเอาผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมืออาชีพ รับรู้ได้ถึงความเร็วความแรงที่สั่งได้ดังใจ แต่ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณ อาจจะมีความกังวลและอาจจะหวาดกลัว….
มันเป็นเรื่องยากที่จะปฎิเสธได้ว่า ทัศนิคติของคนจำนวนหนึ่งที่มีต่อรถบิ๊กไบค์ในขณะนี้ พบว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 39% ของอุบัติเหตุผลท้องถนนของรถมอเตอร์ไซค์ แม้ว่าจะไม่ได้มีการจำแนกที่ชัดเจน ตามประเภทของรถแต่อย่างใด ทว่าการขับขี่รถที่มีสมรรถนะความเร็วสูงๆ ย่อมที่จะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงเพิ่มขึ้นได้ในยามที่รถเกิดการพลิกคว่ำ เฉี่ยวชน หรือประสานงานกันนั่นเอง
จะต้องบอกว่า ไม่น่าเชื่อ ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วเกิดมาจาก “การขับขี่ที่ไม่เป็น” ล้วนๆ
สาเหตุประกอบที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นก็คือ การเมา ซ่า บ้าพลัง โชว์พาวเวอร์ มูลเหตุของความตายแทบทั้งสิ้น ในวันที่กระแสนิยมกำลังมาแรง รถบิ๊กไบค์ถือเป็นหนึ่งในของเล่นที่น่าซื้อมาไว้ครอบครอง ตลาดการซื้อขายเบ่งบานสุดขีด วัยรุ่น คนหนุ่มคนสาว ตามพากันไปถอยมาขับขี่ และเนื่องจากเครื่องยนต์และรูปโฉมที่สุดเท่ห์เกินจะบรรยาย เครื่องยนต์ที่แรงสะใจ หารู้ไหมว่านั่น จะนำมาซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่กลับไม่มีทักษะการขับขี่ ที่ถูกต้องและปลอดภัย ผลที่ตามมาคือปัญหามากมายที่เกิดขึ้นบนท้องถนน
ทุกวันนี้คนจำนวนไม่น้อยที่เป็นกลุ่มนักขี่หน้าใหม่ๆ ที่เข้ามา คือพวกที่ขับรถยนต์ได้ หรือเป็นแล้ว แล้วเคยขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขนาดทั่วไป ขนาดเล็ก ที่ ณ เวลาพอมีกำลังซื้อ เห็นคนที่ขับขี่บิ๊กไบค์ ดูแล้วเท่ห์ ดูแล้วน่าขับขี่น่าสนใจ บวกกับความคิดที่ว่า ตัวเองขับรถยนต์เป็นอยู่แล้ว ก็น่าจะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ได้ แต่หารู้ไม่ว่า เมื่อเจอรถมอเตอร์ไซค์ที่คันใหญ่กว่า ความเร็วสูงกว่า ถ้าหากเกิดอันตรายขึ้นมา เพราะความคิดที่ว่า ขับขี่ได้ กับ ขับขี่เป็น มันแตกต่างกันนั่นเอง
“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เกิดจากความเข้าใจของชาวบ้านที่ยังมีความคิดเห็นที่มองว่ารถใหญ่เหมือนรถเล็ก เมื่อก่อนถ้าเป็นรถเล็ก เห็นไฟจากข้างหลังปุ๊บ เขาจะเลี้ยวได้เลยทันที เพราะนานกว่ารถจะมาถึง แต่เดียวนี้สมรรถนะของรถที่ดีขึ้น ความเร็วสูงขึ้นเป็นสามเท่า คนที่ขับรถยนต์ที่ยังไม่รู้จักบิ๊กไบค์ดีพอ พอเห็นไฟปุ๊บ ก็กลายเป็นว่า ไม่กี่วินาทีที่รถจะเข้ามาถึง รู้ตัวอีกทีก็ชนเข้า ตูม !!!!”
สำหรับในวงการบิ๊กไบค์ จะรู้จักกันดีกับ อาจารย์โฮ่ อาจารย์ ชาติชาย แซ่ลิ้ม จากอดีตผู้ที่เคยเป็นนักแข่งชื่อดัง ผู้ที่ก่อตั้ง โรงเรียนสอนทักษะสำหรับการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนตั้งแต่ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพ นอกจากนี้อาจารย์โฮ่ยังบอกว่า “ถ้าสำหรับนิยามของคำว่าบิ๊กไบค์ หากเป็นในมุมมองในระดับสากลแล้วมันจะต้องเป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 650 ซีซี ขึ้นไป แต่ในบ้านเรา รถที่มีขนาดเครื่องยนต์ที่ 200 ซีซี ด้วยรูปร่างที่ดูใหญ่โต ก็ถูกเหมารวมไปว่าเป็นรถบิ๊กไบค์ ทำให้เวลาเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ก็จะเหมาไปกันว่า “ไอ่พวกบิ๊กไบค์เอาอีกแล้ว”
“ในวงการสมัยก่อน คนที่จะขับขี่รถบิ๊กไบค์ได้นั้น จะต้องมีกำลังทรัพย์ที่สูงพอตัวเอาเรื่อง เพราะเป็นรถที่จะต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ และที่สำคัญต้องซื้อเงินสดเท่านั้น แต่เดียวนี้ในทางกลับกัน มีเงินแค่ ไม่กี่พันบาทก็สามารถที่จะขับขี่มันได้แล้ว บวกกับค่ายแบรนด์ดังต่างๆ ก็ออกโปรโมชั่นต่างๆ ยั่วใจกันจริงๆ แบบว่าผ่อนกันไปยาวๆ กันได้เลยทีเดียว และนี่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ เพราะเด็กบางคนอายุยังไม่ถึง 18 ที่ความคิดความอ่านต่างๆ ยังไม่ถึง ภาวการณ์ตัดสินใจไม่มี คิดเร็วทำเร็ว พ่อแม่บางคนก็อาจจะคิดไม่ถึงกับสิ่งที่ไม่ได้อยากจะให้เกิดขึ้น อย่างเคสหนึ่งที่แม่ซื้อรถฮายาบูสะให้ลูก ซึ่งมีขนาดความจุที่ 1300 ซีซี ให้กับลูกชายวัยเพียง 16 ปี ยังไม่ทันจะได้ผ่อนจ่าย ลูกก็เอาไปซัดท้ายรถเก๋งตายคาที่ไปเสียแล้ว….ที่ยกตัวอย่างไม่ได้มีเจตนาที่จะซ้ำเติมแต่อย่างใด แต่อยากให้ตระหนักถึงความอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันคาดคิดนั่นเอง
อีกกลุ่มหนึ่งคือพวกที่ชอบสร้างปัญหา อยากจะแรง อยากจะหล่อ ชอบโชว์ความเร็ว ในเวลาที่เจอถนนโล่งๆ จะชอบขับช้าๆ เรื่อย แต่ถ้าพอรถติด กลับชอบขับรถเร็ว หรือบางคนเวลาไปออกทริปต่างจังหวัดชอบที่จะชัดอย่างเดียว หรือพวกที่ชอบความคะนอง ได้รถมาใหม่ๆ แต่ยังไม่ทันจะรู้จักที่จะเรียนรู้รถของตัวเอง เรียกรอบไม่ถูก เบรกไม่เป็น ชัดบนถนนใหญ่ตั้งตัวไม่ทันพลิกคว่ำตาย ก็มีให้เห็นไม่น้อย หรือพวกที่ชอบประลองความเร็วกัน ต่างค่าย ต่างแบรนด์อยากที่จะวัดกันบนท้องถนน สุดท้ายต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อชีวิตที่มีค่าก่อนหน้านี้กลับมาไม่ได้….
“ก่อนที่ผมจะสอน….ผมจะบอกเลยว่า สิ่งที่ต้องห้ามสำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ห้ามโดยเด็ดขาด ก็คือ ทะเลาะกับแฟน ตกงาน กินเหล้า เพราะทุกอย่างที่กล่าวมานี้จะทำให้เราขาดสติทุกครั้งที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั่นเอง และทุกครั้งก่อนการขับขี่ เซฟตี้จะมีความสำคัญที่สุด แม้ว่ามันจะร้อน ก็ต้องทน แม้ใครจะว่าเราบ้าก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาและสามารถป้องกันการบาดเจ็บได้เกือบ 100%
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : happykorat.com, naewna.com
ขอขอบคุณข้อมูลเบื้องต้นจาก : posttoday.com