รีวิวแบบเจาะลึกกับ New Honda FORZA 300 2015
พูดถึงรถแนว BIG SCOOTER แล้วในบ้านเราเองนั้นก็ยังถือว่ามีตัวเลือกไม่มากเท่าไหร่นัก และบางกลุ่มอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับมันเหมือนกับพวกรถแนวออโตเมติกทั่วไป แต่ว่าในประเทศอย่างญี่ปุ่นนั้นถือว่าได้รับความนิยมกันอย่างมาก เพราะว่ามันถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งที่สามารถใช้งานมันได้ในชีวิตประจำวันและขี่ท่องเที่ยวกันเป็นกลุ่มในวันหยุด อีกทั้งยังมีการตกแต่ง Custom รถแนวนี้กันอย่างหนักหน่วงตามแต่ความชอบของแต่ละคนด้วย ดังนั้นแล้ววันนี้เราจะมาเจาะลึกการรีวิวเจ้า New Honda FORZA 300 2015 ที่เพิ่งจะเปิดตัวกันในบ้านเราไปไม่นานนี้
ภาพบรรยากาศงานเปิดตัว NEW FORZA 300 ที่เปิดให้สื่อและกลุ่ม FORZA SIAM, PCX SIAM ยักษ์ รวมไปถึงผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมทดสอบเจ้า NEW FORZA 300 กัน
ย้อนกลับไปสำหรับเจ้า Honda FORZA 300 โฉมแรกนั้น ก็ถือว่าได้เริ่มวางจำหน่ายกันในบ้านเราได้ประมาณ 2 ปีกว่าๆ แล้ว โดยเมื่อครั้งที่มันออกวางจำหน่ายในช่วงนั้นก็ได้รับความสนใจกันพอสมควรเลยทีเดียว เพราะว่าในบ้านเราก็มีกลุ่มที่ขี่รถแนว BIG SCOOTER กันอยู่แล้ว แต่เป็นรูปแบบของรถที่นำเข้ามาจดประกอบ และอาจจะไม่มีทะเบียนกัน ดังนั้นแล้วเมื่อได้ข่าวว่าทางค่ายใหญ่อย่าง Honda เตรียมจะนำเจ้า FORZA มาขายกันในบ้านเราก็เกิดความตื่นตัวและเฝ้ารอกัน (แม้ว่าก่อนหน้านั้นอาจจะมีค่ายรองบางค่ายนำรถแนวนี้เข้ามาขายแบบมีทะเบียน แต่ก็ยังไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากเท่าไหร่) โดยในครั้งนั้นได้เปิดตัวกันไป 3 สีก็คือสีดำ, แดง และ ขาว
ซึ่งหากว่านับกันตามเซอร์เคิลไลฟ์ของโปรดักซ์แล้วก็ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่ทางฮอนด้าจะเข็นเจ้า FORZA 300 โฉมใหม่ออกมาในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2015 นี้ และทาง GreatBiker.com ก็ได้เข้าร่วมทำการทดสอบรีวิวแบบเจาะลึกกันกับเจ้ารถ BIG SCOOTER คันนี้ด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทใหญ่ๆ ก็คือการทดสอบขับขี่กันในสนามและทดสอบขับขี่กันในลักษณะของการออกทริปนั่นเอง
คุณ ณัฐชัย ศรีโสวรรณา ผู้จัดการทั่วไป กล่าวเปิดงาน
คุณ สุพจน์ พนธ์พงษ์ขจร ผู้จัดการฝ่ายขายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล กล่าวบรรยายรถ New Forza300 และกิจกรรม
มารู้จักกับเจ้า NEW Honda FORZA 300 กันก่อน
สำหรับเจ้า FORZA 300 ตัวใหม่นี้หากจะว่ากันตามจริงตามคำศัพท์สมัยนิยมมันก็คือการ Minor Change นั่นเอง ที่มีการทำสีใหม่ออกมาด้วยกันทั้งหมด 5 สีก็คือ เหลือง : YEL, ส้ม : ORG, น้ำเงิน : BLU, ขาว : WHT, ดำ (ด้ำน) : BLK โดยในครั้งนี้ตามคอนเซ็ปท์ของทางค่ายก็ยังจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อยจากทั้งหมด 5 สี ก็คือ 3 สีแรกอย่าง เหลือง, ส้ม และ น้ำเงินนั้นจะเป็นกลุ่มสีที่เรียกว่า OUT STANDING ที่เป็นสีสันแนวสดใสเฟี้ยวฟ้าวแบบการ CUSTOM ของทาง BIG SCOOTER ในประเทศแม่อย่างญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งตรงนี้ทางเราเห็นว่ามันจะเรียกความสนใจจากกลุ่มผู้ใช้งานได้กว้างมากขึ้นกว่าแต่เดิมที่เหมือนกับสินค้าถูกวางไว้ในระดับพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับโมเดลใหม่นี้ก็ยังคงมีกลุ่มสีที่เป็น PREMIUM IMAGE อยู่ดีสำหรับสีขาว และ ดำด้านนั่นเอง
มาว่ากันต่อในเรื่องของสเปคขุมกำลังของมันกัน เจ้า FORZA 300 นั้นใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุขนาด 279 cc จำนวน 1 ลูกสูบ แบบ 4 จังหวะ ทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-Fi Fuel Injection คลัทช์เป็นคลัทช์แห้งอัตโนมัติแบบแรงเหวี่ยง สตาร์ทมือเท่านั้น ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน (V Matic Belt) ซึ่งหากดูตามสเปคแล้วก็ถือว่าเป็นรถที่แรงพอตัวเลยทีเดียว เพราะการทำงานด้วยลูกสูบแค่ 1 ลูกกับ cc ที่เกือบๆ 300 แบบนี้ แต่การใช้งานจริงๆ จะเป็นอย่างไรเราจะไปว่ากันในส่วนของการทดสอบขับขี่จริงด้านล่างอีกที โดยที่ตัวโครงรถนั้นเป็นเฟรมแบบแบคโบน ล้อหน้ามีขนาด 120/70-14 M/C 55P ส่วนล้อหลังเท่ากับ 140/70-13 M/C 61P ในขณะที่ถังน้ำมันนั้นจุอยู่ที่ 11.5 ลิตร
ท่านั่งที่สบายอันเป็นเอกลักษณ์ของรถทรง BIG SCOOTER (ที่ทางฮอนด้าเรียกมันว่า Sit in Seat)
เชื่อเหลือเกินว่าหากใครที่ไม่เคยขี่รถแนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์มาก่อนแล้วได้มาลองคร่อมมันเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าเบาะมันค่อนข้างใหญ่จนทำให้มีอาการเกร็งกันบ้าง แต่หากเรานั่งให้มันถูกต้องตามทรงของมันโดยการดันสะโพกของเราไปให้ชิดกับตรงพนักแล้วล่ะก็ เจ้า FORZA 300 คันนี้มันก็คือโซฟาที่สามารถวิ่งได้ดีๆ นี่เอง อีกทั้งองศาในการวางขาของเราที่สามารถวางได้หลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการวางในลักษณะเอาปลายเท้าวางราบไปกับพื้นเหมือนกับรถทรงอื่นๆ ทั่วไป หรือไม่ก็วางเหยียดออกไปด้านหน้าให้สุดขาซึ่งท่านี้จะเหมาะสำหรับการเดินทางไกล เพราะการที่เราดันขาไปข้างหน้าและด้านหลังเรามีพนักของเบาะดันและโอบล้อมเราไว้อยู่ มันจะเป็นจุดสมดุลย์ที่ทำให้เกิดความสบายสูงสุดและร่างกายไม่เมื่อยล้า ตรงจุดนี้ถือว่าเจ้า FORZA 300 ทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ทีเดียว
ฟังก์ชั่นติดรถที่หลากหลาย
ด้วยความที่เป็นรถรูปทรงแบบนี้มันก็เอื้ออำนวยให้สามารถสร้างลูกเล่นและฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งในรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์แต่ละรุ่นก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งเจ้า FORZA 300 นั้นจุดแรกที่เราจะไปพูดถึงกันก็คือเรื่องของที่จุของใต้เบาะ ตรงนี้เวลาเราเปิดเบาะขึ้นมาให้สุดมันจะสามารถคาเบาะไว้อย่างนั้นได้ ทำให้เราไม่ต้องคอยเอามือข้างหนึ่งดันไปและอีกข้างหนึ่งหยิบของไปให้ยุ่งยาก และความจุใต้เบาะ UBOX ที่ให้มามากถึง 62 ลิตรก็เพียงพอให้เราเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้สบายๆ รวมไปถึงพวกอุปกรณ์อย่างอื่นด้วย อย่างวันที่ทางทีมงาน GreatBiker.com ไปถ่ายทำกันนั้นพวกอุปกรณ์ในการถ่ายทำต่างๆ เช่นกล้อง, ขาตั้งกล้อง ไมค์ กระเป๋า เสบียง ฯลฯ ก็ยัดกันลงไปใต้เบาะได้หมด ไม่ต้องสะพายเป้ด้านหลังให้เหนื่อยเหมือนกับรถแนวอื่น อันนี้จัดว่าเด็ด
ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของช่องชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือ 12 V (หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ไฟเท่ากัน) ตรงแก๊ะด้านหน้ารถ ก็จะมีประโยชน์สำหรับการเดินทางไกลๆ ที่เราอาจจะต้องเปิดระบบ GPS ของมือถือเพื่อนำทางแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องแบตฯ จะหมดกลางทาง และก็พวกแก๊ะกับ BOX เก็บของด้านหน้าก็พอที่จะให้ใส่พวกถุงมือ แว่นกันแดด อะไรพวกนี้ได้สบาย โดยรวมแล้วถือว่า FORZA 300 เป็นรถที่จุของสัมภาระได้เป็นที่น่าพอใจ
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดก็คือแบบอนาล็อคที่เอาไว้ใช้วัดความเร็ว, วัดรอบ, วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและก็วัดความร้อน ส่วนของดิจิตอลนั้นจะแสดงเรื่องของจำนวนกิโลเมตรที่รถวิ่ง, เวลา และวัดทริป รวมไปถึงพวกอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วย
การขับขี่ในสนามและโค้งแคบๆ จะทำได้ดีขนาดไหน
เริ่มแรกเลยการทดสอบของทางเราก็คือในสนามของฮอนด้า (ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า) จากการกะเกณฑ์ด้วยสายตาเจ้ารถ FORZA 300 นี่น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยเลยทีเดียว และด้วยรูปทรงของมันที่ค่อนข้างจะใหญ่และบึกบึน ดูแล้วเหมือนกับจะคอนโทรลลำบาก ทีนี้เมื่อได้ลองคร่อมครั้งแรกพบว่าความสูงเบาะจากพื้นมันเตี้ยกว่าที่เราคิดไว้เยอะทีเดียว สามารถวางเท้าได้เต็มทั้งสองข้างสำหรับทีมงานที่ทดสอบสูง 178 cm และ วางเท้าได้เกือบเต็มสำหรับทีมงานที่สูง 168 cm ทำให้การเข็นรถในท่านั่งคร่อมไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด แต่แน่นอนว่าตัวรถตอนที่ต้องเข็นกันขณะดับเครื่องนั้นก็ต้องถือว่าไม่เบา (192 กก.) ต้องออกแรงกันนิดนึง แต่ความสูงของรถที่ไม่มากนักก็ช่วยได้เยอะเลยทีเดียว
การเซ็ทเส้นทางในสนามจากทางเจ้าหน้าที่ฮอนด้านั้นทำออกมาได้ค่อนข้างแคบและกระชั้นชิดในหลายๆ จุด เรียกได้ว่ากะให้ทดสอบกันเต็มที่ในเรื่องของความคล่องตัว (ที่บางคนอาจจะยังกังขา) กันเลยทีเดียว ซึ่งในชีวิตจริงเราไม่มีทางได้เจอกับโค้งแคบๆ ที่ติดๆ กันขนาดนี้แน่ๆ จากการทดสอบที่ทีมงานเราวิ่งกันประมาณเกือบ 10 รอบสนามได้พบว่า เห็น FORZA มันคันใหญ่อวบๆ แบบนี้แต่เวลาวิ่งและพลิกโค้งกลับเบาอย่างไม่น่าเชื่อ แค่เอียงตัวนิดนึงรถมันก็พลิกไปตามเราแล้ว ทำให้รอบที่สองที่สามเป็นต้นไปเราสามารถสนุกกับการเข้าโค้งแคบๆ โดยรถที่คันใหญ่แบบนี้ได้ดี แต่สังเกตได้ชัดเจนว่าท่านั่งหากเราไม่ดันหลังเราไปชิดกับพนักพิงและไม่ได้เหยียดเท้าให้สุด เวลาเข้าโค้งจะรู้สึกว่าฝืนธรรมชาติ ซึ่งท่าในการเข้าโค้งที่ดีที่สุดของ FORZA สำหรับทางทีมงานแล้วเราลงความเห็นว่าต้องเหยียดเท้าไปข้างหน้าให้สุด และดันสะโพกให้ชิดกับพนักพิงเลย
และเมื่อออกทริปล่ะ จะเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากที่ทำการทดสอบกันในสนามฝึกไปแล้ว ก็ถึงคราวที่เราจะต้องลองทำการวิ่งกันไกลๆ ดู เพื่อทดสอบอะไรหลายๆ อย่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเราใช้ระยะทางทดสอบไป-กลับรวมกันอยู่ประมาณ 200 กว่ากิโล ทั้งวิ่งกลางวันและกลางคืน โดยผ่านสภาพการขับขี่ที่แตกต่างกันอย่างทั้งในเมือง, ชานเมือง, ทางหลวง และเส้นทางที่กำลังทำถนน (ในบางช่วง) โดยเราจะเจาะรายละเอียดไปทีละจุดดังนี้
อัตราเร่งและ TOP SPEED
มาว่ากันถึงอัตราเร่งเป็นอันดับแรกก่อนเลย ต้องยอมรับว่าถึงแม้เจ้า FORZA 300 นั้นจะให้ cc มามากถึง 279 cc แต่ด้วยความที่ตัวมันค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักรถเยอะพอสมควรทำให้อัตราเร่งในช่วง 0 – 60 กม./ชม. ดูจะไม่กระชากหรือแรงแบบเห็นได้ชัดมากนัก ออกแนวไปเนิบๆ มากกว่า (แต่ก็ไม่อืด) แต่ว่าเมื่อเราใช้ความเร็วที่ย่าน 70 กม./ชม. ขึ้นไปเหมือนกับว่ารอบเครื่องมันได้ที่แล้ว ทีนี้ก็จะบิดติดมือได้มากขึ้น การไต่ความเร็วในย่านนี้เป็นต้นไปก็จะสนุกแบบรู้สึกได้ และการแซงในช่วงจังหวะนี้ถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ ส่วนเรื่องของ TOP SPEED ที่ทดสอบนั้นทำได้อยู่ประมาณ 138 กม./ชม. ความจริงมันอาจจะไปได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ขี่และปัจจัยเรื่องทิศทางลม ณ ขณะนั้นอีกทีหนึ่ง
ความคล่องตัวและการคอนโทรล
ความคล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรแออัดพบว่ามันก็สามารถมุดและเปลี่ยนช่องได้ดีไม่ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่หากว่ารถจอดกันสนิทแบบติด 4 แยกไฟแดง แล้วเราคิดจะมุดช่องรถยนต์ไปเพื่อรอด้านหน้า ก็อาจจะทำได้ลำบากกว่ารถเล็กแน่นอน ด้วยสรีระของมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากนักในภาพรวมของการใช้งานในชั่วโมงเร่งด่วน แต่เจ้า FORZA นั้นจะให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับผู้ขับขี่ยามที่ออกวิ่งกันในถนนที่การจราจรที่ไม่ติดขัดมากและก็เมื่อออกทริปแบบซัดกันยาวๆ
ในส่วนของการคอนโทรลนั้นด้วยท่านั่งที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และตำแหน่งของแฮนด์รถที่ตั้งขึ้นมา ทำให้เราสามารถขี่ได้ในลักษณะพิงไปด้านหลัง (โดยไม่ต้องก้ม) ซึ่งในตอนแรกหากว่าคนที่คุ้นเคยกับแนวสปอร์ตมาก่อนอาจจะรู้สึกแปลกๆ นิดๆ เวลาจะแบนโค้งเพราะตัวเราไม่ได้โน้มไปข้างหน้า และขาไม่ได้หนีบถังน้ำมัน แต่หากว่าลองใช้งานเจ้า FORZA ไปสักพักแล้วจะเห็นได้ว่าด้วยท่าทางที่หลังพิงและขาเหยียดไปข้างหน้าแบบนี้ก็สามารถแบนโค้งและพลิกรถได้ดีไปอีกแบบ แต่ถ้าเรื่องการขี่ทางตรงยาวๆ ต้องยกให้เจ้า FORZA ว่าทำออกมาได้สะดวกสบายมากที่สุดในบรรดารถทุกแนวจริงๆ
ช่วงล่าง
ช่วงล่างของรถคันนี้นั้นใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Unit Swing จากการคาดเดาในตอนแรกก่อนจะได้ลองขี่จริงๆ เดาว่ามันน่าจะถูกเซ็ทมาให้ค่อนข้างย้วยๆ นิ่มๆ แต่ความจริงแล้วกลับรู้สึกว่ามันแข็งกว่าที่คิดนิดนึง แต่ตรงนี้กลับเป็นข้อดีเวลาที่เราเข้าโค้งด้วยความเร็วจะได้อารมณ์สปอร์ตและเกาะถนนมากกว่า แต่ช่วงที่เจอถนนกำลังสร้างหรือทางขรุขระนั้นก็ยังเอาอยู่ และอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ FORZA 300 นั้นมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและกองรวมกันอยู่ที่ด้านล่าง (บริเวณใกล้ๆ กับเท้าของเรา) ตรงนี้ทำให้เราสามารถขับขี่และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
ระบบเบรก C-ABS นั้นเวลาใช้งานจริงๆ มันจะเป็นอย่างไรล่ะ
คุณสมบัติของระบบเบรก C-ABS หรือ Combine-ABS ของเจ้า FORZA นั้นก็คือมันจะทำงานพื้นฐานเหมือนกับระบบ ABS ทั่วไปทั้งด้านหน้าและหลัง แต่ระบบ Combine นั้นมันจะกระจายแรงเบรกทั้งหน้าและหลังให้สมดุลย์ กล่าวคืออย่างเช่นปกติเวลาเราต้องเบรกกระทันหันเราอาจจะต้องใช้ทฤษฎีที่ว่ากำเบรกหน้า 70% เบรกหลัง 30% เพื่อให้การหยุดรถนั้นมีประสิทธิภาพดีที่สุด แต่เจ้า Combine-ABS นั้นเราจะสามารถกดเบรกแบบแรงเท่าๆ กันทั้งหน้าและหลังได้เลยโดยไม่ต้องกังวล เพราะมันจะทำการเฉลี่ยแรงเบรกทั้งหน้าและหลังให้ออกมาเหมาะสมที่สุดนั่นเอง
ดังนั้นเราจึงทำการทดสอบเจ้า C-ABS นี้อย่างจริงๆ จังๆ ว่าผลมันจะออกมาเหมือนกับคุณสมบัติของมันหรือไม่ โดยในเส้นทางตรงยาวๆ ช่วงสนามบินสุวรรณภูมิ เราลองอัดมาด้วยความเร็วสูง แล้วลองกำเบรกแบบเต็มๆ ทั้งหน้าและหลัง ผลออกมาคือตัวรถยังคงทรงตัวได้ดีอยู่ ระบบเบรก ABS ช่วยให้ล้อไม่ล็อคสนิท และน้ำหนักไม่ตกไปที่ด้านหน้ารถมากเกินไป ทำให้หน้ารถไม่จิก เพราะระบบ C-ABS นั้นได้กระจายและเกลี่ยแรงเบรกให้สมดุลย์ทั้งหน้าและหลังนั่นเอง ซึ่งมันจะช่วยให้เราทรงตัวและควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงหากเราต้องการเบรกกระทันหันในสภาพถนนที่เป็นคลื่นเป็นหลุม หรือถนนที่ลื่นจากน้ำฝน ก็สามารถทำงานได้ดีไม่ต่างกันกับถนนปกติ สรุปแล้วเจ้าระบบเบรก C-ABS นี้ตอบสนองได้ดีมากและช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการเบรกกระทันหันอีกต่อไป
การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ด้วยรถที่ CC ขนาดนี้ปกติแล้วเราอาจจะไม่คาดหวังการประหยัดจากมันเท่าไหร่ แต่เจ้า FORZA 300 เมื่อวิ่งในทางโล่งๆ นั้นก็สามารถทำได้มากสุด (จับตามที่หน้าจอดิจิตอลแสดง) อยู่ที่ราวๆ 29 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะความเร็วเฉลี่ยในการออกทริปก็อยู่ที่ประมาณ 110 – 120 กม./ชม. ส่วนการใช้งานในเมืองนั้นก็จะได้อยู่ที่ประมาณ 25-26 กม./ลิตร
ภาพรวมและบทสรุปของเจ้า NEW Honda FORZA 300
FORZA 300 นั้นจะต้องถือว่าเป็นรถที่ค่อนข้างเอนกประสงค์ จากการออกแบบของมันที่ให้เราสามารถจุสัมภาระได้หลากหลาย และขี่กันง่ายๆ ท่านั่งสบายๆ ตามแนวของรถ BIG SCOOTER แต่ก็มีกำลังที่เพียงพอต่อการเดินทางไกล ซึ่งหากจะหามาใช้กันเป็นรถคันเดียวจบเลยก็สามารถทำได้ หรือหากว่ามีรถยนต์อยู่แล้ว แต่ช่วงวันหยุดอยากจะเปลี่ยนฟีลลิ่งมาขี่ท่องเที่ยวกันในแบบสองล้อเจ้า FORZA ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี กับราคาแสนกลางๆ ที่ถือว่าไม่แพงเกินไปนักเมื่อเทียบกับความหรูหราและความสะดวกสบายที่ได้รับมา ประกอบกับความเป็นแบรนด์ใหญ่อย่าง Honda ที่มีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศก็อุ่นใจได้เวลาเดินทางข้ามจังหวัดกัน และรอพบกับรีวิวรถมอเตอร์ไซค์คันต่อไปแบบเจาะลึกอย่างนี้จากทาง GreatBiker.com กันได้เร็วๆ นี้เช่นเคย
“วิดีโอรีวิว New Honda FORZA 300 แบบเต็มรูปแบบ”
อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์ล่าสุดจากทางฮอนด้า คลิกที่นี่
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience