Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

รีวิว การขับขี่ Kawasaki Z300 (First Ride)

kawasaki-z300-2015_07

สำหรับเจ้าบิ๊กไบค์ Kawasaki Z300 นั้นจะต้องบอกว่าเป็นรถทรงเนกเกตในคลาส 300cc ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรากันอย่างมาก แม้ว่ามันเพิ่งจะเปิดตัวไปได้ไม่นานแต่ว่ายอดจองก็ยังยาวเหยียด ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดุดันและขนาดเครื่องกำลังดี บวกกับราคาที่พอจับต้องได้ ทำให้ไบค์เกอร์ชาวไทยหลายๆ คนนั้นให้ความสนใจกับเจ้ารถคันนี้เป็นพิเศษ วันนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ทาง GreatBiker จะได้ทำการรีวิวการขับขี่กัน

สำหรับรถ Z300 นี้เป็นการต่อยอดมาจากรุ่น Z250 ที่วางจำหน่ายกันไปกอ่นแล้ว โดยนอกจากขนาดเครื่องที่เพิ่มความจุมาเป็น 296cc ก็จะได้เบรก ABS และ สลิปเปอร์คลัทช์มาด้วย ซึ่งถือว่าเรือ่งระบบความปลอดภัยนั้นดูดีกว่าตัว Z250 แบบผิดหูผิดหา ในส่วของสเปคคร่าวๆ นั้น เครืองยนต์เป็นแบบหัวฉีด 4 จังหวะ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด DOHC 2 สูบเรียง ให้แรงม้าอยู่ที่ 29.0 kW (39 PS) @ 11,000 rpm ส่วนทอร์คนั้นอยู่ที่ 27.0 N.m (2.8 kgf.m) @ 10,000 rpm กำลังอัดมีค่าเท่ากับ 10.6:1 และขนาดกระบอกสูบกับระยะช่วงชักอยู่ที่ 62mm x 49 mm

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาดูในส่วนของอัตราเร่งและการควบคมรถกันก่อนเลย สำหรับรถในคลาส 300cc นั้นถือว่าอัตราเร่งจะต้องหวังผลได้ จากการทดสอบก็ว่ากำลังในช่วงต้นค่อนข้างที่จะทำได้ดีทีเดียว การเปิดเกียร์หนึ่งเพื่อออกตัวนั้นดูแรงกว่าตัว Z250 แบบรู้สึกได้ ส่วนอัตราเร่งในช่วงกลางนั้นก็ถือว่ามาได้เรื่อยๆ แต่ปลายอาจจะไม่ค่อยไหลมากนัก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะทรงของรถเป็นแบบเนกเกตด้วย ทำให้ตัวรถและคนค่อนข้างที่จะต้านลม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก เพราะความเร็วต้นและกลางทำได้ค่อนข้างดี การจะแซงก็ทำได้ขาด (หากว่ารอบได้) แต่ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่าหากใครที่ชอบความเร็วความแรงแบบจัดจ้านเจ้า Z300 อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ เพราะดูแล้วรถคันนี้มันถูกเซ็ทมาให้มีนิสัยที่ขับขี่ได้แบบไปเรื่อยๆ มากกว่าจะเอามาแข่ง drag หรือทำความเร็วแบบสุดขีดในระยะสั้นๆ

ด้วยลักษณะการขับขี่นั้นเจ้า Z300 เป็นรถแบบทรงเนกเกต แฮนเป็นลักษณะบาร์ที่ทำให้เราขี่ได้ด้วยท่าทางธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องก้มหรือยกสูงเกินไป การใช้งานในเมืองจึงสามารถมุดและซอกแซกในการจราจรที่คับคั่งได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าขนาดตัวของรถมันจะใหญ่กว่ารถทั่วไปก็ตาม ในส่วนของการวิ่งทางไกลนั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แม้ว่าในย่านความเร็วสูงลมจะตีตัวตามสไตล์รถแนวนี้ เราก็สามารถหาชิลด์สั้นมาติดที่ด้านหน้า ก็พอจะช่วยได้บ้างทีเดียว การเข้าโค้งนั้น หากว่าคนเคยเล่นรถแนวสปอร์ตมาก่อน แน่นอนว่าองศาและการวางแขนในจังหวะเข้าโค้ง ย่อมที่จะแตกต่างกันออกไป แต่หากว่าขี่ไปสักพักจนชินแล้วก็สามารถเข้าโค้งได้อย่างนิ่มนวล เพราะว่าแฮนด์บาร์ของเจ้า Z300 นั้นก็ถือว่าไม่กว้างหรือยาวมากเกินไป เราสามารถงอแขนหรือข้อมือเพื่อเข้าโค้งได้อย่างธรรมชาติเช่นกัน

ในส่วนของการทดสอบระบบช่วงล่างนั้น บอกตามตรงว่าตัว Z300 นั้นเซ็ทมาค่อนข้างที่จะแข็งพอสมควร ซึ่งการใช้งานในเมืองคงไม่มีปัญหา แต่สำหรับการเดินทางไกลๆ แล้วอาจจะเจอหลุมหรือถนนไม่เรียบ น่าจะรู้สึกพอสมควร แต่ด้วยรถแนวนี้ในคลาสเดียวกัน มองๆ ดูแล้วก็ไม่มีใครทำช่วงล่างได้ดีกว่านี้เท่าไหร่ มันจึงไม่ถือว่าเป็นข้อด้อยเสียทีเดียว อีกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นรถทรงทัวร์ริ่งอยู่แล้ว ที่จะปรับโช๊คมาให้เหมาะสมกับทุกสภาวะ


ขยับมาดูกันต่อในส่วนของระบบความปลอดภัย อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าเจ้า Z300 คันนี้ให้ทั้ง ABS และ Slipper Clutch มา โดยเมื่อเราทำการทดสอบระบบ ABS นั้นจะพบว่ามันทำงานได้เป็นอย่างดี การเบรกหนักๆ ถือว่าเอาอยู่และ ABS ทำงานตอบสนองได้ทันที ตรงนี้เหล่านักบิดที่ชื่นชอบในการใช้ความเร็วน่าจะมั่นใจกันได้ดีเลยทีเดียว ส่วน Slipper Clutch นั้นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มันทำงานได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็นอยู่แล้ว

แต่ปัญหาเดิมๆ อย่างหนึ่งยังคงมีอยู่ นั่นก็คือในเรื่องของยางติดรถนั่นเอง โดยจากการทดสอบจะพบว่ามันไม่ค่อยจะเกาะถนนในทางฝุ่นหรือว่าพื้นเปียกมากเท่าไหร่นัก ซึ่งเวลาเราขับขี่จริงๆ เราก็ไม่สามารถไปกำหนดได้ว่าจะต้องเจอกับถนนอย่างไรบ้าง ดังนั้นแล้วหากว่าพอเหลืองบประมาณก็น่าจะเปลี่ยนยางกันดีกว่า เพื่อให้มีความมั่นใจเวลาวิ่งบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ถังน้ำมันของ Z300 นั้นมีความจุมากถึง 17 ลิตร ทำให้วิ่งกันได้ยาวๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเติมน้ำมันกันเลยทีเดียว

สรุปโดยรวมแล้วเจ้า Kawasaki Z300 นั้นถือว่าเป็นรถที่ทำออกมาได้ดีสมราคา 172,000 บาท ด้วยหน้าตาที่ดูดีเป็นทุนอยู่แล้ว รถขี่สนุกพอตัว บวกกับเรื่องระบบความปลอดภัยที่ถือว่าให้มาครบ หากเทียบกับคู่แข่งในคลาสใกล้เคียงกันมันก็ยังดูโดดเด่นอยู่แถวหน้าอยู่ดี และเหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรือออกทริปบ้างก็ยังทำได้ดีไม่ขี้เหร่อะไร (เว้นแต่ช่วงล่างที่เซ็ทแข็งไป และอาจจะต้องหาอุปกรณ์มาช่วยเล็กน้อย) หากคุณจะเลือกมันมาครอบครองก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมือนกัน

เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 296cc 4 จังหวะ, 2 สูบเรียง
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 62mm x 49 mm
กำลังอัด 10.6:1
ระบวาล์ว DOHC, 8 valves
แรงม้า 29.0 kW (39 PS) @ 11,000 rpm
ทอร์ค 27.0 N.m (2.8 kgf.m) @ 10,000 rpm

การขับเคลื่อน
ระบบเกียร์ Six-speed

ช่วงล่าง
โช๊คหน้า 37 mm telescopic fork
โช๊คหลัง Uni Trak with gas charged shock and 5-way preload
เบรกหน้า Type Single 290 mm petal disc
เบรกหลัง Type Single 220 mm petal disc
ยางหน้า 110/70-17 M/C 54S
ยางหลัง 140/70-17 M/C 66S

มิติ
ระยะห่างระหว่างล้อ 1,405 mm
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 785 mm
น้ำหนักรวมของเหลวแล้ว 170 kg
ความจุถังน้ำมัน 17 L

ขอบคุณภาพจาก therideadvice.com masmoto.net morebikes.co.uk ultimatemotorbikes.com.au kawasaki
ข้อมูลอ้างอิงจาก therideadvice.com