รีวิว 2018 Honda CB1000R [SPECS REVIEWS]
หลังจากเปิดตัวไปที่งาน Tokyo Motor Show 2017 ในฐานะของรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบภายใต้รหัส Neo Sport Café และหลังจากนั้นไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็เปิดตัวในฐานะของรถโปรดักชั่นพร้อมขายทันทีกับเจ้า 2018 Honda CB1000R
ต้องบอกเลยว่าเครื่องยนต์พื้นฐานของเจ้า Honda CB1000R คันนี้ถอดแบบมาจากรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งจากค่ายอย่างเจ้า CBR1000RR “Fireblade” ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี 4 ลูกสูบแบบ DOHC 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ X ช่วงชักอยู่ที่ 75.0 x 58.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 11.2:1 มาเป็น 11.6:1 ด้วยการปรับการไหลเวียนของวาล์วไอดี และไอเสียใหม่ทำให้โล่งขึ้นจึงได้กำลังอัดที่สูงขึ้น จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ขนาด 44 มิลลิเมตร throttle bodies ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีดที่ได้รับปรับปลี่ยนช่วงทดเกียร์ใหม่ให้เข้ากับแนวทางของรถที่เน้นเรื่องของแรงบิดเป็นหลัก ส่งกำลังสุดท้ายด้วยระบบโซ่ โดดเด่นด้วยระบบไฟ LED รอบคันพร้อมไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ให้อารมณ์ Café
โดยโครงสร้างตัวถังของเจ้า CB1000R คันนี้ไม่ใช่โครงสร้างของ CBR1000RR นำมาถอดแฟร์ริ่งออกแต่อย่างใด โดยเป็นโครงสร้างที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะโมเดลนี้ โดยผลิตในรูปแบบของ Steel Frame ระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับ Upside – Down แบบ Separate Function จาก Showa ระบบกันสะเทือนหลังจาก Showa แบบ Balance Free Rear Cushion shock ทำงานร่วมกับ Single Side Swingarm อลูมิเนียม ระบบเบรกหน้า floating discs ขนาด 310 มิลเมตร พร้อมปั้มเบรกแบบ Radical 4 พอร์ต ระบบเบรกหลังดิสก์เดี่ยวขนาด 256 มิลลิเมตร พร้อมระบบ ABS หน้าหลัง ตัวรถมีความสูงเบาะนั่งที่ 830 มิลลิเมตร ถังน้ำทันจุได้ 16.2 ลิตร น้ำหนักตัวรถ 212 กิโลกรัมไม่รวมน้ำมันและของเหลว
มาดูกันในส่วนของ Option ที่ให้มากันบ้าง โดยเจ้า CB1000R คันนี้มาพร้อมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า ซึ่งพ่วงมาด้วยโหมดในการขับขี่ 4 รูปแบบ Standard , Sport, Rain และโหมดพิเศษ User ที่จะให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้เอง ซึ่งค่าต่างๆ นั้นจะประกอบไปด้วย Engine Brake Control, Traction Control, Torque Control, Launch Control และใน CB1000R นั้นมีระบบ Slipper Clutch ป้องกันล้อหลังสับเวลาที่เราเปลี่ยนเกียร์ผิดจังหวะ
จุดเด่นของ 2018 Honda CB1000R
จุดแรกที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือรูปแบบการดีไซน์ที่สดใหม่ โดยได้แนวทางมาจากเจ้า Neo Sport Café แบบเต็มๆ โดดเด่นด้วยสวิงอาร์มแขนเดี่ยว และระบบท่อไอเสียแบบ 4:2:1 ทำให้ตัวรถดูรวมๆ แล้วดุดันขึ้นมาอย่างชัดเจน รวมไปถึงระบบเครื่องยนต์และระบบช่วยเหลือที่เรียกได้ว่าจัดเต็มมากๆ ทั้งระบบ Traction Control ที่ถอดมาจาก CBR1000RR ที่ใช้งาน IMU แบบ 5 แกน ทำให้การปรับค่านั้นทำได้อย่างละเอียด รวมไปถึงโหมดการขับขี่ที่ให้มานั้นมีโหมดอิสระที่เราสามารถปรับค่าได้ด้วยตัวเอง มาดูด้านของสมรรถนะการขับขี่ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์จาก Honda ที่มีความเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ที่สูง ใครๆ ก็สามารถขับขี่รถตัวพันได้ง่ายๆ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดขายสำคัญของ Honda
แน่นอนว่าการเปิดตัวที่งาน Eicma Show นั้นเป็นการประกาศแบบเปลือยๆ ว่าทาง Honda เองจะผลิตโมเดลนี้แบบวางขายทั่วโลก ไม่เฉพาะในบางประเทศอย่างเช่นที่เคยทำมา ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยก็ไม่น่าจะพลาดการทำตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าทาง A.P.Honda ประเทศไทย จะเปิดตัวมันในช่วงเวลาใด หากไวที่สุดก็จะเปิดที่งาน Motor Expo ที่กำลังจะมาถึงในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ หรืออาจจะไปเปิดในช่วงต้นปีหน้าในงาน Motor Show เดือนมีนาคม หรืออาจจะไม่พึ่งพางานแสดงยานยนต์ใดๆ แต่จัดงานเปิดตัวด้วยตัวเองอย่างที่เคยๆ ทำมา สำหรับแฟนๆ ค่ายปีกนก ก็เก็บเงินรอได้เลยครับผม
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก ultimatemotorcycling.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.