รีวิว CB400 SUPER FOUR (Specs Review)
ถ้าเราจะมาพูดถึงรถที่มีตำนานและถือว่าคลาสสิคดูแล้วยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดและพูดถึงมาจนปัจจุบัน นั่นก็คงจะหนีไปจากค่ายปีกนกไปไม่ได้อย่างแน่นอน และหนึ่งในรุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมไม่น้อยนั่นก็คือ เจ้า Honda CB400 SUPER FOUR (ฮอนด้า ซีบี400 ซุปเปอร์โฟร์) รถรุ่นนี้ใครหลายๆ คนอาจจะได้เคยได้ลองขับขี่มันดูแล้ว…ถือว่าได้ทั้งความเร็ว ความแรงในทุกเส้นทางการขับขี่ที่คุณได้พามันไป
ไม่รอช้าอยู่ใย เราไปดูกันในเรื่องของดีไซน์การออกแบบของเจ้าCB400 SUPER FOURคันนี้กันเลย
อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรกว่า ด้วยดีไซน์ที่สุดหรูในสไตล์ความคลาสสิคที่เติมเต็มความสมบรูณ์แบบให้กับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ยังคงได้กลิ่นอายความเป็นสปอร์ต แค่เริ่มต้นสตาร์ทเครื่องก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและความแข็งแรงของตัวโช้คอัพ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพถนนดีไซน์ภายนอกของเจ้า CB400 SUPER FOUR เท่ดุดันตั้งแต่ไฟหน้าที่ให้ความเป็นคลาสสิคแบบทรงกลม ตัดรับกับไปเลี้ยวสีส้มขนาดเล็ก พร้อมบังโคลนหน้าที่ออกแบบมาดูเรียบๆ ถัดลงมาที่ตัวล้อแม็กซ์นั้นให้มาแบบสามก้านสไตล์สปอร์ตขนาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีความโดดเด่นด้วยตัวกระจกมองข้างดีไซน์เก๋ ตัวมาตราวัดที่ให้มามีความเป็นรถแบบคลาสสิค อ่านข้อมูลได้ง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ตัวแฮนด์บาร์โค้งรับกับท่านั่งให้การขับขี่ที่แสนจะสบาย ถังมาที่ตัวถังมีการออกแบบที่ทันสมัย การเดินเส้นสายรอบตัวถังทำได้ลงตัว เบาะนั่งที่ให้มาเป็นแบบยาวสไตล์สปอร์ต นั่งได้สบายทั้งตัวของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย ไฟท้ายก็ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว พร้อมกับไฟเลี้ยวแบบก้านยิ่นทรางคลาสสิค มาต่อกันที่การออกแบบวางตำแหน่งของท่อไอเสียก็ดูเรียบหรูมีระดับ
สำหรับเฉดสีของเจ้า CB400 SUPER FOUR รุ่นใหม่นี้จะมีเฉดสีมาให้เลือก 2 สีด้วยกัน นั่นก็คือ สีเทาเงิน ที่ออกแบบมาให้ตัวถังนั้นดูสง่างาม พร้อมตัวโลโก้ฮอนด้าสีดำข้างตัวถัง ดูแล้วล้ำสมัยผสานความคลาสสิค ตัวครอบไฟท้ายของส่วนท้ายเป็นสีเทาเงิน บังโคลนหน้าสีเงิน ตัดกับบอดี้สีดำส่วนกลาง นอกจากนี้แล้วยังมีการออกสีล้อแม็กซ์ซึ่งเป็นสีพิเศษ ที่จะออกสีแดงอมม่วงคล้ายๆ สีมังคุด เพิ่มความหรูหราคลาสสิค ส่วนของสีแดง ก็เป็นอีกสีหนึ่งที่มีความโดดเด่นได้ไม่น้อย ตัวบังโคลนนั้นได้เลือกใช้เป็นสีแดงล้วน ครอบไฟท้ายและบอดี้ส่วนหลัง ได้เลือกใช้สีแดง ขาว ดำ และเครื่องยนต์ ล้อแม็กซ์ เลือกใช้สีโครเมียม ซึ่งดูแล้ว ก็ทำให้เข้ากันได้อย่างสวยงาม
มาดูกันต่อในเรื่องของสมรรถนะและความปลอดภัยของเจ้า CB400 SUPER FOUR คันนี้กันต่อ
ทราบกันหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเจ้า CB400 SUPER FOUR ถึงได้ครองใจคนไทยและเอเชียกันอยู่อย่างยาวนาน เพราะด้วยความที่มันเป็นรถที่สามารถตอบโจทย์ความสนุกทุกการขับขี่ด้วยขุมกำลังของเครื่องยนต์แบบ Liquid cooled, transverse four cylinders, four stroke, DOHC ที่มาพร้อมความจุของกระบอกสูบที่ 399 ซี หลายคนบอกว่า มันมีเครื่องยนต์ที่ขนาดเล็ก แต่ด้วยความจิ๋วแต่แจ๋ว สามารถตอบสนองทุกแรงบิต ซึ่งมีระยะช่วงชักของกระบอกสูบอยู่ที่ 55 x 42 mm ประสานแรงอัดที่ 11.3:1 สามารถที่จะสร้างกำลังแรงม้าสูงสุดได้ที่ 53 แรงม้า 38.6 kW @ 11000 rpm มีแรงบิดที่ 40.18 Nm @ 7500 rpm พร้อมระบบเกียร์แบบ 5 สปีด ที่ตอบสนองความว่องไว และมีความแม่นยำสูง ให้คุณสนุกทุกจังหวะการเล่นรอบและเข้าเกียร์
สำหรับทางด้านระบบความปลอดภัยเจ้า CB400 SUPER FOUR คันนี้จะเน้นตัวโครงสร้างที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบหัวฉีด พร้อมระบบเซฟตี้ในการจัดส่งน้ำมันไม่ให้มีการไหลย้อนกลับหรือรั่วไหล ระบบกันสะเทือนหน้าให้มามีขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังนั้นก็ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ทรงตัวได้ดีแม้จะเจอสภาพถนนหนทางที่แย่ๆ ก็ตาม ระบบเบรกห้ามล้อ ด้านหน้าเป็นแบบ 2x 296mm discs 4 piston calipers บรคหลังก็มั่นใจได้ ด้วยความนุ่มนวลปละความกระชับ และเพิ่มพลังในการเบรคด้วยระบบ Single 240mm disc 2 piston caliper ที่ตอบสนองการเบรคได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับตัวยางที่ให้มานั้น ยางหน้าเป็นแบบ 120/70 ZR17 และยางหลังแบบ 160/50 ZR17 เพิ่มการยึดเกาะถนนได้ดีเป็นเยี่ยม
กล่าวโดยภาพรวมแล้ว ใครที่เคยขับขี่เจ้า CB400 SUPER FOUR จะสามารถบอกถึงความรู้สึกได้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วถ้าอยากจะสอยรุ่นนี้ ก็คงต้องรอลุ้นว่าทางฮอนด้าประเทศไทยจะนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่อย่างไร ซึ่งราคาในต่างประเทศนั้น มีราคาอยู่ที่แสนปลายๆ ถ้าจะมองว่า เครื่องยนต์แค่ 400 ซีซีกับราคาขนาดนี้ก็อาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับตำนานและความคลาสสิคก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : motorcycle.goobike.com