รีวิว GPX Legend Gentleman 200 2019
หลังจากที่ทางค่าย GPX เองนั้นประสบความสำเร็จกับรถในตระกูล Legend Gentleman กันไปอย่างล้นหลาม ก็ได้ทำการเปิดตัวโมเดลล่าสุดในตระกูลนี้อย่าง GPX Legend Gentleman BLACK ที่มาในคอนเซ็ปท์ “Black Immortal” เผยภาพลักษณ์ใหม่ในแบบฉบับดุดัน ตามสไลต์สายดาร์กมาดเข้ม ซึ่งถือเป็นการปรับโฉมครั้งแรกตั้งแต่ถือกำเนิดรุ่นนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว
มารู้จักกันกับ GPX Legend Gentleman 200 2019 กันก่อน
Legend Gentleman 200 โฉมใหม่ ปี 2019 รถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์น คาเฟ่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง มาใน Mood & Tone ที่ดุดันมากขึ้นจากตัวก่อน โดยเพิ่มความพิเศษในเรื่องของสี ที่ครีเอทขึ้นมาใหม่รอบคันเฉพาะสายโมเดิร์นคาเฟ่อย่างแท้ทรู มีให้เลือกถึง 2 สี คือ สีดำ (Black Burn) และ สีเทาอมฟ้า (Blue Gravity) กับการวาดลวดลายบนตัวถังใหม่ ที่ตอบโจทย์ความเป็น Gentleman มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในพิกัด 200 ซีซี 4 จังหวะ เกียร์ 6 สปีด ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า Daytime Running Light ดีไซน์กลม หรือ LED Ring Light ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED พร้อมติดตั้งไฟฉุกเฉินหรือไฟผ่าหมากมาให้จากโรงงาน สามารถปรับสีสันหน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอลได้ตามสไตล์ มีให้เลือกมากถึง 7 เฉดสี
ตัวรถนั้นมีการปรับลุคให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น กับชุดครอบท้ายแบบตูดมดดีไซน์ใหม่ ซึ่งสามารถถอดชุดครอบท้ายออก ให้เป็นเบาะนั่งซ้อนท้ายได้ สะดวกสบายกับการใช้งาน พร้อมออฟชั่นแบบจัดเต็มทั้งโช๊คอัพหน้าแบบ Up Side Down และโช๊คอัพหลังจากแบรนด์ดัง YSS สามารถปรับระดับได้ เพิ่มความมั่นใจทุกการขับขี่ด้วยดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ และดิสก์เบรกหลัง พร้อมติด Oil Cooler มาให้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสูบมากยิ่งขึ้น ในขณะที่แนวทางของตัวรถนั้นจะเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอามากๆ สำหรับตำแหน่งของการวางแฮนด์รถนั้นค่อนข้างต่ำกว่ารถในแนวเนกเกตทั่วไป ตามแบบฉบับของรถในทรงคาเฟ่เรซเซอร์อย่างเต็มตัว ถังน้ำมันนั้นให้ความจุมามากถึง 12 ลิตรซึ่งถือว่าสบายๆ สำหรับการเดินทางของรถในคลาสนี้ ส่วนล้อนั้นแน่นอนว่าเมื่อมาในแนวคลาสสิกอย่างนี้ จะต้องเลือกใช้ล้อแบบซี่ลวดขนาด 17 นิ้วทั้งหน้าและหลัง ส่วนยางที่ให้มาของ Pirelli นั้นด้านหน้าอยู่ที่ 110/70 ส่วนหลังอยู่ที่ 140/70
ทดสอบขับขี่ GPX Legend Gentleman 200 2019
สำหรับการทดลองขับขี่ครั้งแรกนั้น ตัวรถถือว่ามีท่านั่งในการขับขี่ที่มาในแนวคาเฟ่เรซเซอร์แบบเต็มตัว นั่นก็คือตำแหน่งของการวางแขนนั้นจะกดลงต่ำบนแฮนด์บาร์ด้านหน้า ซึ่งทำให้คนที่ยังไม่ชิน หรือยังไม่เคยขี่รถในแนวนี้มาก่อน อาจจะต้องปรับตัวตรงนี้กันบ้างเล็กน้อย แต่ด้วยมิติของรถที่ถือว่าไม่สูงมากนัก ก็ช่วยให้เราคุ้นเคยในการคอนโทรลรถได้ไม่ยาก ถือว่าค่อนข้างพอดีกับสรีระคนไทย คือไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ดังนั้นหากปรับท่าวางแขนให้ชินแล้ว ก็สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะการซอกแซกในพื้นที่แคบๆ ส่วนครอบเบาะท้ายนั้นติดมาให้จากโรงงานเลย ให้ความสวยงามตามสไตล์รถในแนวนี้ แต่หากว่าใครอยากมีคนซ้อนก็สามารถไปถอดครอบหลังออกได้
ทีนี้เราจะนำมันมาซัดกันแบบยาวๆ เพื่อทดสอบสมรรถะอย่างเต็มตัว ในด้านแรงบิดหรือว่าทอร์คนั้น ถือว่าแรงต้นทำได้ดี แต่ไม่ถึงกับกระชากหรือบิดเป็นมาแบบหนักๆ มากนัก เหมือนกับพวกรถในแนวสปอร์ต 1 สูบ ซึ่งเข้าใจว่าด้วยแนวทางของตัวรถที่ออกแนวมีกลิ่นอายคลาสสิกๆ อย่างนี้อยู่ ก็เลยไม่เน้นการออกตัวที่ต้องแรงจัดจ้านอะไรมากนัก จะออกแนวนุ่มนวลมากกว่า แต่หากเราเริ่มคุ้นเคยกับนิสัยและรอบของเครื่องยนต์แล้ว จังหวะจะเร่งแซงนั้นถือว่าหายห่วง สามารถทำได้อย่างใจคิด โดยเฉพาะในย่านความเร็วช่วงกลางๆ แต่แน่นอนว่าในการไต่ความเร็วจากกลางถึงปลายนั้นค่อนข้างใช้เวลานิดนึง ซึ่งตรงนี้ยังคงเป็นข้อจำกัดของรถแบบสูบเดียวนั่นเอง ที่ทำให้ปลายไม่ไหลลื่นมากนัก
สำหรับการทดสอบในเรื่องของการควบคุมตัวรถนั้น ด้วยน้ำหนักรถที่ค่อนข้างเบาทำให้การขยับตัวรถไปในทิศทางต่างๆ นั้นทำได้สบายๆ จะมุดหรือจะเข้าโค้งแคบๆ ถี่ๆ ก็ถือว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถพลิกรถได้รวดเร็วและแม่นยำ ขยับมาดูกันต่อที่ระบบช่วงล่างกันบ้าง อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่ายางที่ติดรถนั้นเป็นยางของ Pirelli เมื่อทดสอบวิ่งกันหนักๆ ยาวๆ ดูก็จะพบว่ายางนั้นเกาะถนนได้ดี และสำหรับระบบเบรกนั้นมาด้านหน้าเป็นแบบดิสก์คู่กันเลย ทำให้ระยะการเบรกนั้นค่อนข้างสั้น สามารถกะระยะได้ไม่ยาก มั่นใจในการเบรก ต่อมาสำหรับระบบกันสะเทือนนั้นโช้กอัพด้านหน้าที่เป็นแบบ Upside Down ก็ถือว่ามันสามารถทำหน้าที่ของมันได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ฟีลลิ่งพิเศษๆ เหมือนกับพวกโช้ค Upside Down ราคาแพงๆ หรือตัวท็อปที่ใช้กับพวกรถสปอร์ตรุ่นใหญ่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากนัก เพราะด้วยการทำราคาของทางค่ายที่จับต้องได้ง่าย ภาพรวมของระบบกันสะเทือนแล้วถือว่าเซ็ทมาแบบกลางๆ ไม่ได้แข็งหรือว่าย้วยจนเกินไปนัก ตรงนี้น่าจะเหมาะกับผู้ขับขี่ส่วนใหญ่
บทสรุปของ GPX Legend Gentleman 200 2019
สำหรับ GPX Legend Gentleman 200 2019 นั้นโดดเด่นเอามากๆ ในเรื่องของงานดีไซน์ เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถแนวคลาสสิกที่ผสมผสานความทันสมัยอย่างลงตัว คือจะไม่ได้เน้นความเร็วแรงอะไรมากมายอย่างพวกแนวสปอร์ตที่เราเห็นกันเต็มท้องตลาดในตอนนี้ แต่ภาพรวมของตัวรถเองก็ไม่ได้ย้อนยุคอะไรมากมายนัก ยังคงเรียกได้ว่ามีความร่วมสมัยแบบโมเดิร์นอยู่ มันจึงสามารถขี่ได้ตั้งแต่กลุ่มเป้าหมายไล่ไปตั้งแต่ระดับนักเรียนนักศึกษา ไปจนถึงวัยทำงานกันเลยทีเดียว แต่ต้องบอกก่อนว่าหากใครที่มองว่ารถ 200cc มันจะต้องเร็วแรงแบบเต็มข้อ อันนี้อาจจะต้องทำความเข้าใจกับแนวทางของรถคันนี้เสียใหม่ ว่ามันจะออกแนวชิลๆ สโลว์ไลฟ์ แบบขี่เอาหล่อๆ มากกว่า เน้นการดีไซน์และภาพลักษณ์ในการขับขี่มากกว่า แต่พละกำลังของมันก็ไม่ได้น้อยแต่อย่างไร หากเล่นรอบเป็นหรือคุ้นเคยกับรถแล้ว ก็เอาไปซัดกันแบบมันๆ ได้
ที่สำคัญเมื่อมันมาในสไตล์นี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับเพื่อนๆ นำไปตกแต่งคัสตอมกันต่อได้อย่างหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นการบ่งบอกความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนความคุ้มค่าของตัวรถที่เราจะต้องมองภาพรวมในท้องตลาด ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย ซึ่งผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาอย่างยาวนาน ในราคาเพียง 69,800 บาทเท่านั้น เทียบกับสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมาก็ถือว่าน่าซื้อเอามากๆ หากใครที่อยากจะมองหาแนวทางใหม่ๆ ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ราคาไม่แรง เจ้า Gentleman 200 2019 คันนี้นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง GPX สำหรับรถในการทดสอบครั้งนี้ และในโอกาสหน้าทางทีมงาน GreatBiker จะมารีวิวรถรุ่นไหนยังไงนั้น รอติดตามกันได้ครับ รับรองว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience