รีวิว Honda CBR300R (First Ride)
อย่างที่เรารู้กันดีว่าเจ้าบิ๊กไบค์ Honda CBR300R นั้นได้เปิดตัวในบ้านเราไปตั้งแต่ปีที่แล้ว มันเป็นการต่อยอดมาจากรถรุ่นเดิมอย่าง CBR250R ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่ทั้งคันและขยายความจุของกระบอกสูบขึ้นมาจากเดิมเป็น 286cc และมันส่งผลให้ไลน์ผลิตของ CBR250R นั้นต้องเลิกการผลิตไปทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารุ่น 250 มันจะขายไม่ดี เพียงแต่ว่าเหตุผลหลักเลยก็คือทาง Honda ต้องการจะอัพซีซีเพื่อมาต่อกรกับเหล่าคู่แข่งนั่นเอง
ซึ่งโฉมนี้นั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไปเยอะพอสมควร นอกไปจากขนาดความต่างของเครื่องยนต์แล้ว ทางทีมออกแบบของฮอนด้านั้นได้ทำการดีไซน์ส่วนโค้งและมุมสำหรับตัวแฟร์ริ่งด้านนอกใหม่ ส่วนของไฟหน้าเดิมที่เป็นไฟเดี่ยวนั้นก็ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนมาใช้ไฟหน้าคู่แทนเช่นเดียวกันรุ่นพี่อย่าง CBR500R และ CBR1000RR ตรงนี้เองที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับรถในระดับ entry-class อย่างนี้ โดยภาพลักษณ์โดยรวมภายนอกของ CBR300R นั้นดูมีประสิทธิภาพสูงและออกแนวรถแข่งที่ใช้กันจริงในสนามเวลาเราเหลือบมองเห็นตามท้องถนน และผมคิดว่าเจ้าของเวลาที่ขับขี่มันจะต้องรู้สึกภูมิใจในฟีลลิ่งนี้ มันเป็นรถสปอร์ตในระดับเริ่มต้นที่ลุคส์มันดูใหญ่โตเกิน cc
เมื่อขึ้นควบมันครั้งแรกเลยนั้น ผมมีความรู้สึกว่าตัวรถค่อนข้างจะสูงไปนิดหนึ่ง ด้วยเบาะนั่งที่หนา 30.7 นิ้ว ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันควรที่จะเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ในทุกสรีระที่แตกต่างกันมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามยังดีที่ว่าทางฮอนด้านั้นมีเบาะแต่งที่บางกว่าเดิมอีก 1 นิ้วไว้เป็นทางเลือก
ในส่วนตำแหน่งของแฮนด์ CBR300R นั้นเป็นแฮนด์จับโช้คตามแบบรถแนวสปอร์ตทั่วไป แต่ว่ามันก็ไม่ได้ถูกกดให้ต่ำมากนัก ทำให้ผู้ขี่หมอบได้ไม่มากเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเพราะจุดประสงค์หลักของมันถูกออกแบบให้มาเป็นรถสำหรับสปอร์ต-ทัวร์ริ่งมากกว่ารถแนวสปอร์ตแท้ๆ แต่มันก็ไม่ได้สูงมากเกินไปจนทำให้อารมณ์อยากจะหมอบเพื่อทำความเร็วหายไป และเวลาเข้าโค้งก็ไม่ได้รู้สึกฝืนธรรมชาติแต่อย่างใดกับองศาและความสูงของแฮนด์ที่เซ็ทมา
ก่อนหน้าที่ CBR300R จะคลอดออกมา รถในคลาสนี้ของ Honda ที่วางจำหน่ายในบ้านเรามีเพียง CBR250R เท่านั้น ซึ่งเมื่อมันถูกนำไปเทียบกับคู่แข่งอย่าง Kawasaki Ninja 300 เลยดูเสียเปรียบไปเยอะ ด้วยขนาด cc ที่เล็กกว่าถึง 47cc หรือแม้กระทั่งขนาดกระบอกสูบที่เล็กกว่า รวมไปถึงเรื่องของแรงม้าด้วย ทำให้ฮอนด้าเองจะนิ่งนอนใจไม่ได้ จนทำให้เมื่อคลอดเอาตัว CBR300R ออกมามีจึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แม้ว่าขนาดของกระบอกสูบจะยังเหมือนเดิมที่ 76mm แต่ระยะช่วงชักเพิ่มขึ้นจากเดิม 55mm ไปเป็น 63mm เพื่อเพิ่มกำลังให้แรงขึ้น อีกทั้งในส่วนของระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีดของฮอนด้าอย่าง PGM-FI ก็ถูกจูนมาใหม่ให้จ่ายน้ำมันได้แม่นยำ และประหยัดมากยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องของท่อไอเสียนั้นก็เปลี่ยนใหม่ด้วย หากสังเกตุดีๆ จะพบว่าเสียงท่อมันดังขึ้นกว่าของเดิม และที่สำคัญก็คือแรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาจากตัว 250 ถึง 17% เลยทีเดียว
จากการทดสอบขับขี่ในระยะสั้นๆ บนท้องถนน เราพบว่าสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ชัดก็คือความแรงในย่านความเร็วต้น ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตัว 250cc ด้วยขนาดเครื่องยนต์, แรงม้าและทอร์คที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ด้วยความที่เป็นรถสูบเดียวทำให้มันง่ายสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่หรือแม้กระทั่งมือเก๋าก็ตาม สามารถขี่ได้สนุกตั้งแต่เกียร์แรก ไปจนถึงในช่วงความเร็วระดับกลาง เพราะไม่ต้องคอยกังวลกับการเลี้ยงรอบให้มากนัก เรียกได้ว่าแค่บิดพุ่งๆ ก็เป็นพอ
สำหรับแฮนด์ของ CBR300R นั้นค่อนข้างที่จะเบาและไว นั่นหมายความว่าคุณอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักพักหนึ่งหากว่าเคยขี่รถที่แฮนด์หนักๆ มาก่อน ไม่อย่างนั้นเวลาเลี้ยววงแคบ หรือยูเทิร์นอาจจะมีเสียหลักเพราะหน้าไปไว แต่หากว่าใช้งานจนชินแล้ว จะพบว่าเจ้าแฮนด์ที่น้ำหนักเบานี้ มันเหมาะสมกับการขับขี่บนท้องถนนจริงๆ มากทีเดียว เมื่อเวลาเราต้องคอยซอกแซกยามที่รถติด มันคล่องแคล่วและไม่ฝืนการใช้งานของข้อมือมากเกินไป และข้อดีอีกอย่างก็คือเวลาเราเข้าโค้งและต้องการที่จะพลิกรถขึ้นนั้นสามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนของยางติดรถอย่าง IRC Road Winner ถือว่าเกาะถนนได้ดีพอสมควร เรียกได้ว่าหากเป็นถนนปกตินั้นไม่ต้องกังวลอะไรเลย สามารถแบนโค้งได้เต็มหน้ายางโดยไม่มีอาการสไลด์หรือสะบัดให้เห็น แต่หากว่าเป็นน้ำหรือทรายก็ต้องระวังกันให้มากขึ้น เพราะยางติดรถนั้นยังไม่ถูกกับของแปลกปลอมมากเท่าไหร่ ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นสามารถปรับโช้คหลังได้ 5 ระดับด้วยกัน แต่ถึงแม้ว่าจะใช้งานแบบเดิมๆ ที่ถูกปรับเป็นมาตรฐานมาจากโรงงาน มันก็หนึบนุ่มเพียงพอต่อการรองรับน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่ที่มากๆ ได้แบบสบายๆ
ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้นทางฮอนด้าได้ให้ระบบ ABS มาให้ พร้อมกับดิสก์หน้าเดี่ยวขนาด 296mm แบบคาลิปเปอร์ 4 จุด ซึ่งทำได้นุ่นมนวลเวลาเราเบรกแรงๆ แต่หยุดได้ทันใจ ซึ่งสำหรับรถในคลาส entry-level นี้ไม่มีอะไรน่ากังวลนักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ขี่กันหนักหน่วงมากนักอยู่แล้ว
โดยภาพรวมแล้วมันถือว่าเป็นรถแนวสปอร์ต-ทัวร์ริ่งที่คุ้มค่าคันหนึ่ง เพราะว่าราคาไม่ได้แรงมากอยู่ที่ราวๆ 133,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละดีลเลอร์อีกที) เพราะว่าคุณสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรืออาจจะเอาไปออกทริป แม้กระทั่งลงสนามแข่ง แม้ว่ามันอาจจะได้ไม่สุดสักทาง แต่ค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านก็ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังเป็นมิตรกับมือใหม่มากๆ รวมไปถึงมือเก๋าที่ไม่ต้องการความเครียดหรือยุ่งยากซับซ้อนมากนักในการขับขี่รถบิ๊กไบค์สักคันด้วย
ค่าย | Honda |
ปี | 2014 |
รุ่น | CBR300R |
ชนิด | Sport |
ราคา | 133,000 บาท |
การรับประกัน | 1 ปี |
ชนิดเครื่องยนต์ | 4 จังหวะ |
จำนวนสูบ | 1 |
ระบวาล์ว | DOHC, 4 วาล์ว ต่อ 1 สูบ |
ระบายความร้อนด้วย | น้ำ |
ขนาดเครื่องยนต์ (cc) | 286.0 |
ขนาดกระบอกสูบ (mm) | 76.0 |
ช่วงชัก (mm) | 63.0 |
แรงอัด | 10.7:1 |
แรงม้า | 30.4 @ 8500 |
ทอร์ค | 27 @ 7,250 |
ระบบจ่ายน้ำมัน | หัวฉีดแบบ PGM-FI |
การจุดระเบิด | Digital Transistorized |
ระบบสตาร์ท | Electric |
จำนวนเกียร์ | 6 |
ประเภทเกียร์ | Manual |
ระบบขับเคลื่อน | โซ่ O-ring |
โช้คหน้า | 37 mm telescopic fork |
โช้คหลัง | โช้คเดี่ยวแบบ Pro-Link ปรับได้ 5 ระดับ |
เบรกหน้า | ดิสก์เดี่ยว 296-mm 2 piston caliper, ABS |
เบรกหลัง | ดิสก์เดี่ยว 220-mm ABS |
ความกว้างล้อหน้า | 110/70 – 17 |
ความกว้างล้อหลัง | 140/70 – 17 |
ความยาว (mm) | 2,033 |
ความกว้าง (mm) | 720 |
ความสูง (mm) | 1,119 |
ระยะฐานล้อ (mm) | 1380 |
ความสูงเบาะ (mm) | 781 |
ระยะห่างจากพื้น (mm) | 145 |
น้ำหนัก (kg) | 163 |
ความจุถังน้ำมัน (L) | 13.0 |
ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก motorcycle-usa.com
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience