Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

รีวิว MV Agusta F4 RR 2016 (Specs Review)

2016-MV-Agusta-F4RR1-small

สำหรับ MV AGUSTA F4 RR ถือว่าเป็นรถแนวซุปเปอร์สปอร์ตที่มีประสิทธิสูงมากๆ ในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์ไซค์กันเลยก็ว่าได้ มันไม่ได้เป็นแค่รถที่ทำออกมาสำหรับการแข่งขัน แต่ว่ามันคือจิตวิญญาณ ความรู้สึก ความเร็ว และการออกแบบที่ยอดเยี่ยม วันนี้ทางเรามีสเปครีวิวของเจ้าสุดยอดบิ๊กไบค์คันนี้มาฝากกัน

ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงในแต่ละส่วน ลองมาดูไฮไลท์เด่นๆ ของเข้า F4 RR กันก่อน อย่างแรกเลยก็คือการออกแบบตัวรถที่ได้ตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือแอร์โรได้นามิก อย่างเต็มรูปแบบ เวลาที่เราจะบิดทำความเร็วนั้นแทบจะไม่ต้องกังวลในเรื่องของลมที่ต้านตัวรถเลย รวมไปถึงเครื่องยนต์ของตัวรถที่ปรับแต่งมาให้รีดพละกำลังออกมาได้อย่างจัดจ้านในช่วงความเร็วกลางถึงปลาย ตามสไตล์ของรถแข่งในสนามนั่นเอง ที่สำคัญการคอนโทรลรถนั้นก็ถือว่าทางค่ายไม่ได้ละเลยตรงนี้ ออกแบบมาให้มีการควบคุมตัวรถที่คล่องแคล่วและแม่นยำในโค้งมากๆ ด้วยการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เวลาเราแบนโค้งมาให้ด้วย เพื่อให้ได้องศาที่เหมาะสมมากที่สุด รวมไปถึงท่านั่งในการขับขี่ที่ออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ตเต็มตัว คันเร่งเป็นแบบไฟฟ้าหรือ Ride-By-Wire โช๊คอัพนั้นเป็นของ Öhlins แบบอิเล็คทรอนิก ส่วนสเตอร์ริงแดมป์เปอร์นั้นเป็น GP-spec แบบไทเทเนี่ยม ดูกันไปคร่าวตรงนี้ก็น่าจะพอเข้าใจกันแล้วว่าทำไมเจ้าโมเดลคันนี้มันน่าสนใจเอามากๆ

เครื่องยนต์
ด้านเครื่องยนต์นั้นมีขนาด 998cc 4 สูบ 4 จังหวะ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลังอัดมาที่ 13.4:1 สตาร์ทไฟฟ้า ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 79 mm x 50.9 mm ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 201 ตัวที่ 13,600 รอบต่อนาที และทอร์คนั้นให้มาสูงสุดที่ 111 Nm ที่ 9,600 รอบต่อนาที ตรงนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตัวรถนั้นเน้นการทำความเร็วปลายที่ทรงพลังเป็นหลัก การระบายความร้อนนั้นเป็นแบบหม้อน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดไฟฟ้า ในส่วนของออพชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจนั้นก็จะมีในเรื่องของ Traction Control ที่สามารถปรับได้ถึง 8 ระดับ, เซ็นเซอร์ช่วยวัดในตอนแบนโค้ง, Torque control ที่จะช่วยควบคุมแรงบิด รวมไปถึงโหมดในการขับขี่ที่สามารถเลือกได้หลากหลาย ทั้งเลือกเอง หรือจะตั้งแบบอัตโนมัติตามสภาพท้องถนนหรือดินฟ้าอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะช่วยให้การขี่นั้นออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด คัลทช์นั้นเป็นแบบเปียก multi-disc ขับเคลื่อนด้วยเกียร์แมนนวล 6 สปีด จากข้อมูลการเทสท์บนไดโนนั้น เจ้า F4RR คันนี้สามารถทำ TOP SPEED ได้สูงสุดที่ประมาณ 300 กม./ชม.

โครงสร้างและช่วงล่าง
ตัวเฟรมรถนั้นเป็นแบบ CrMo Steel tubular trellis โช๊คอัพหน้านั้นเป็นแบบ UPSIDE DOWN ไฮดรอลิกของ Öhlins ปรับระยะการยุบตัวและคืนตัวควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนโช๊คอัพหลังเป็นแบบ Progressive โช๊คเดี่ยวของ Öhlins TTX และแน่นอนว่ามันควบคุมการปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกัน ในส่วนของสวิงอาร์มนั้นเป็นแบบโปร์อาร์ม หรือว่าอาร์มเดี่ยวนั่นเอง ที่ผลิตมาจากอลูมิเนียมอัลลอย มาต่อกันที่ระบบเบรกกันเลย ด้านหน้าเป็นเบรกแบบดิสก์คู่โฟลตติ้งขนาด 320 mm เรเดียลปั๊มของ Brembo 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 210 mm ของ Nissin แบบ 4 ลูกสูบเช่นเดียวกัน ทำงานร่วมกันกับระบบเบบรก ABS ของ Bosh ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อหน้านั้นมีขนาด 120/70 – ZR 17 M/C (58 W) ส่วนล้อหลังมีขนาด 200/55 – ZR 17 M/C (78 W) ระยะห่างระหว่งาล้อหน้าและหลังเท่ากับ 1430 mm ความยาว 2155 mm กว้าง 750 mm และสูง 830 mm ถือว่ามีขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป น้ำหนักตัวนั้นอยู่ที่ 190 กก. ส่วนถังน้ำมันนั้นจุมาให้ที่ 17 ลิตร

โดยรวมแล้วมันเป็นอีกหนึ่งรถซุปเปอร์สปอร์ตในคลาส 1000 ที่น่าเล่นเอามากๆ แม้ว่าราคามันอาจจะค่อนข้างแรง (อยู่ราวๆ 1,024,000 บาท) แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบอารมณ์แบบรถแข่งในสนามแบบเต็มพิกัด อย่างรหัส RR ที่พ่วงมากับชื่อรุ่นนี้ก็การันตีความคุ้มค่าได้แน่ๆ กับเจ้า MV AGUSTA F4 RR

ขอบคุณภาพจาก totalmotorcycle.com