อำลา Dani “26” Pedrosa
ในฤดูกาล 2019 ของการแข่งขัน MotoGP การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่ดีที่สุดของโลกรายการหนึ่ง กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ของระดับ Moto2 การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเล็กๆ น้อย นักแข่งที่โยกย้ายทีม การเพิ่มรายการ Enal MotoE เข้ามา รวมไปถึงการขาดหายไปของ Dani Pedrosa นักบิดร่างจิ๋วชาวสเปนของ Repsol Honda ที่ประกาศอำลาอาชีพนักแข่ง MotoGP ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
กว่า 18 ปีเต็มที่ Dani Pedrosa นักบิดเจ้าของส่วนสูง 158 เซนติเมตรอยู่ร่วมการแข่งขัน GP มาโดยตลอด มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมากมาย แต่การประกาศเลิกอาชีพนักแข่งของเจ้าตัวก็สร้างเซอร์ไพร์สให้เราไม่น้อย ทั้งๆ ที่มีข่าวกับทีมอื่นที่แสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนว่าต้องการตัว “พ่อใหญ่จิ๋ว” มาเป็นนักแข่งมือหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็ตอบปฎิเสธและหันหลังให้กับวงการ MotoGP หลังจบฤดูกาล 2018 นี้
Daniel “Dani” Pedrosa Ramal เกิดวันที่ 29 กันยายน 1985 ที่เมือง Sabadell ประเทศสเปน เค้าเริ่มต้นความฝันที่จะเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์เมื่อตอน 4 ขวบหลังจากที่ได้ของขวัญวันเกิดเป็น Italjet 50 รถมอเตอร์ไซค์มินิไบค์ที่สร้างให้เค้ามีหัวใจของนักบิดที่มีความสามารถ เค้าเริ่มลงทำการแข่งขันตั้งแต่อายุ 9 ขวบลงทำการแข่งขันบนสนามดินในประเทศสเปนและได้ทั้งประสบการณ์และถ้วยรางวัล จนกระทั้งปี 2001 ขณะที่ Dani อายุได้ 16 ปีเค้าก็เริ่มลงแข่งขันในรายการ MotoGP ในพิกัด 125 cc กับทีม Telefónica Movistar Honda เลือกที่จะใช้หมายเลข 26 ลงทำการแข่งขัน โดยฤดูกาลแรก เค้าทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งเค้าเข้าเส้นชัยไปฉลองบนโพเดียม 2 ครั้งทำได้ 100 คะแนน และจบที่อันดับ 8 ในฤดูกาลถัดมา Dani ได้ชัยชนะครั้งแรกในการเป็นนักแข่งมืออาชีพที่สนาม TT Circuit Assen ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่เพียงสนามเดียว Dani ได้ที่หนึ่งไปอีก 2 สนามที่ประเทศญี่ปุ่นและสเปน รวมถึงการขึ้นไปฉลองบนแท่นอีก 9 ครั้ง ทำให้เค้ามีคะแนนรวมที่ 243 จบที่อันดับ 3 ต่อมาในปี 2003 เค้าสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเค้าชนะไป 5 สนาม และได้ตำแหน่งแชมป์โลกพิกัด 125 ไปครองได้สำเร็จ
ในปี 2004 Dani Pedrosa ได้ขยับขึ้นไปพิกัด 250cc โดยสังกัดทีมเดิม Telefónica Movistar Honda ซึ่งในฤดูกาลเดียวเท่านั้นเค้าก้าวขึ้นไปสู่การเป็นแชมป์โลก 250cc ได้สำเร็จ เค้าพลาดชัยชนะไปเพียง 3 สนามจาก 16 สนามที่ทำการลงแข่ง คว้าอันดับ 1 ไปครอง 7 สนาม และชนะไป 13 สนาม ทำคะแนนห่าง Sebastián Porto จากทีม Aprilia ที่มาเป็นอันดับ 2 อยู่ 61 คะแนน คว้าแชมป์โลก 250cc ไปครอง ในปี 2005 เค้ายังคงอยู่ในพิกัด 250cc ต่อไปด้วยเหตุผลของเรื่องอายุที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะขึ้นสู่ MotoGP โดยเค้าเปลี่ยนจากหมายเลข 26 ไปใช้หมายเลข 1 ตามธรรมเนียมของแชมป์ในยุคนั้น โดยหมายเลข 1 ที่เค้าใช้ก็ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่บ่งบอกถึงความเป็นอดีตแชมป์โลกเค้ายังคงรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่องถึงแม้นจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวลงทำการชิงชัยด้วยไม่ว่าจะเป็น Casey Stoner Jorge Lorenza Andrea Dovizioso รวมไปถึง Chaz Davies นักแข่งที่ปัจจุบันบันตัวไปอยู่ในรายการ WSBK ก็เคยโดน Dani ปราบมาหมดแล้ว Dani ชนะไป 11 สนาม และเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งไป 8 สนาม ทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่งเหนือ Casey Stoner 55 คะแนนจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์โลก 250cc สมัยที่ 2 มาครอบครองและพร้อมสู่การก้าวไปสู่ระดับ MotoGP
ในฤดูกาล 2006 Dani Pedrosa เริ่มต้นการเป็นนักแข่งในระดับพรีเมียร์คลาสเป็นครั้งแรก และกลับมาใช้หมายเลข 26 หมายเลขแห่งโชคชะตาประจำตัวอีกครั้ง กับทีม Repsol Honda สังกัดใหม่กับรถคันใหม่ Honda RC211V ในฤดูกาลนี้เค้าทำผลงานได้ดีต่อเนื่องโดยในฤดูกาลนี้ถือว่าเป็น Dream Team ของค่าย Honda เพราะมีนักแข่งดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเฉิดฉายในวงการ MotoSport หลากหลายคนไม่ว่าจะเป็น Dani Pedrosa, Casey Stonner, Marco Melandri และ Nicky Hayden ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สามารถก้าวขึ้นสู่บังลังก์แชมป์โลกทั้งระดับ MotoGP และ WSBK ยกเว้นเพียง Pedrosa เพียงคนเดียวที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในระดับสูงสุด โดยในฤดูกาลนี้ Dani ได้รับบาดเจ็บจากการลงแข่งที่สนามเซปังประเทศมาเลเซีย กระดูกนิ้วเท้าข้างซ้ายของเค้าแตกและมีรอยแผลฉีกขาดต้องเย็บถึง 5 เข็ม ซึ่งมันก็เป็นการแสดงออกถึงความเป็นนักสู้ของ Dani เค้ายังควบคุมรถและเข้าเส้นชัยต่อไปทั้งๆ ที่มีอาการบาดเจ็บถึงแม้จะไม่ชนะในการแข่งขัน เค้าก็ชนะใจผู้ชมและทีมงานได้สำเร็จ โดยในฤดูกาลนั้นเค้าจบที่อันดับที่ 5 นับว่าไม่ใช่ผลงานที่เลวร้ายสำหรับ Rookie อย่างเค้า และในปี 2007 Dani ยังคงทำผลงานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายเค้าจบที่อันดับ 2 โดยแชมป์โลกคือ Casey Stoner จากทีม Ducati และฤดูกาลถัดมา 2008 Dani Pedrosa ได้เปลี่ยนมาใช้หมายเลข 2 ตามอันดับเมื่อฤดูกาลที่แล้วโดยฤดูกาลนี้เค้าได้รับอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นด้วยอาการกระดูกนิ้วมือหักที่สนามเซปังประเทศมาเลเซีย การแตกของกระดูกข้อมือและแผลฉีกระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้าย จากการลงแข่งที่เยอรมัน และอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าซ้ายจากการลงแข่งที่ประเทศออสเตรเลีย แต่นั้นไม่ได้ทำให้ผลงานของเค้าเสื่อมถอยแต่อย่างใดเค้ายังทำผลงานได้ดี จบที่อันดับที่ 3 และไม่มีคะแนนจากการแข่งขันเพียง 3 สนามนับว่าเป็นนักแข่งกระดูกเหล็กจริงๆ
ในปี 2009 Dani Pedrosa กลับมาทำการลงแข่งอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนมาใช้หมายเลข 3 ในการลงชิงชัย โดยในฤดูกาลนี้ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ได้คู่หูคนใหม่ มาแทนที่ Nicky Hayden โดยได้นักบิดดาวรุ่งจากทีม Satellite ของ Honda อย่าง Andrea Dovizioso มาร่วมทีม ซึ่งในฤดูกาลนี้เค้ายังคงต้องพบเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม จบที่อันดับที่ 3 โดยชนะไปถึง 11 สนาม และเข้าเส้นชัยอันดับหนึ่งไป 2 สนาม ดูเหมือนว่าผลงานของเค้าไม่ได้ด้อยไปกว่านักแข่งคนไหนเลย ซึ่งในฤดูกาลต่อๆมา Dani Pedrosa ยังคงทำผลงานได้อย่างต่อเนื่องถึงแม้นจะไม่เคยได้สัมผัสแชมป์โลก MotoGP สักครั้งเดียวแต่ก็ถือว่ามีให้ลุ้นได้ทุกๆ ปี เช่นฤดูกาล 2012 เค้าเกือบที่จะคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จโดยการไล่จี้ Jorge Lorenzo มาทุกสนามจนมาถึงสนามรองสุดท้ายที่ออสเตรเลียรถของ Dani มีอาการไม่ปกติต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ทำให้เค้าต้องสตาร์ทที่เส้นหลังสุดแทนที่เค้าจะได้สตาร์ทในเส้นที่ 3 เพื่อจะไล่บี้กับ Lorenzo แต่ดูเหมือนการถูกไล่ไปสตาร์ทที่เส้นหลังกับรถคันใหม่จะไม่ตอบโจทย์ของ Dani อยู่ดี เค้าเสียหลักและล้มในโค้งที่ 4 ในการแข่งรอบแรกและไม่สามารถแข่งต่อไปได้แทบจะยกแชมป์ให้กับ Lorenzo ไปเลย นั้นนับว่าเป็นผลงานที่ใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์โลกของ Dani Pedrosa มากที่สุด โดยฤดูกาลถัดมาเค้าก็ยังคงทำผลงานได้ดีเสมอต้นเสมอปลายโดยจบที่อันดับคะแนนรวมไม่ต่ำกว่าที่ 5 มีเพียงฤดูกาล 2016 ที่เค้าทำได้เพียงอันดับที่ 6
จุดเปลี่ยนที่มีความสำคัญที่สุดของ Dani Pedrosa ก็คือการก้าวขึ้นมาสู่ระดับสูงสุดของ Marv Marquez อดีตแชมป์โลก 125 ซีซีและ Moto2 อย่าง Marc Marquez ในปี 2013 โดยทั้งคู่เป็นคนสเปนเหมือนกันทำให้ทั้งคู่มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมากทั้งในและนอกสนามการแข่งขัน และด้วยการก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ของ Marquez ตั้งแต่ปีแรกในระดับ MotoGP ก็เหมือนกับว่า Repsol Honda ได้ทรัพยากรที่เรียกได้ว่าเป็นขึ้นสุดของการแข่งขันแล้ว ซึ่งทั้งสองนักแข่งของทีมก็ให้ความเคารพต่อกัน มีครั้งหนึ่ง Marquez ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “Dani คือนักแข่งที่เก่งที่สุด และน่ากลัวที่สุดสำหรับเค้า ถือเค้าจะรูปร่างเล็ก แต่เค้าก็มีข้อได้เปรียบนักแข่งคนอื่นๆ ไม่น้อย ทักษะที่ดีในการตัดสินใจที่เด็ดขาดคือจุดเด่นของ Dani”
Dani Pedrosa ประกาศอำลา MotoGP ด้วยวัยเพียง 32 ปีหลังจากอยู่สร้างความสุขและผลงานให้กับทีม Honda มาอย่างยาวนานถึง 18 ปี มาถึงตรงนี้ ยังเหลือการแข่งขันในฤดูกาลสุดท้ายของ “พ่อใหญ่จิ๋ว” ให้เราได้ลุ้นกันอีกถึง 9 สนาม หนทางการก้าวขึ้นไปสู่แชมป์โลก MotoGP อาจจะเป็นเรื่องยากในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เชื่อว่ายังคงมีแฟนๆ หลายๆ คนอยากให้ Dani “26” Pedrosa ได้ขึ้นบัลลังก์นี้สักครั้งก่อนจบอาชีพนักแข่งของตัวเอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.hondaracingcorporation.com www.motogp.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.