ทำความรู้จัก Malaguti Drakon 125 ที่อาจจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
Malaguti แบรนด์จากอิตาลี ที่ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว 1 รุ่น ก็คือ Madison150 สกู๊ตเตอร์ที่เน้นงานออกแบบและประสิทธิภาพของการใช้งานที่สอดคล้องกับราคาค่าตัว ซึ่งก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนจะได้รับกระแสตอบรับที่ออกไปในเชิงบวก และดูทรงแล้ว Malaguti ต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวแบรนด์
ถ้ามองไปที่ไลน์อัพผลิตภัณฑ์ในปัจุจบันของแบรนด์ ในประเทศบ้านเกิดนั้น เรียกได้ว่าครอบคลุมการใช้งานสำหรับผู้ขับขี่ที่ถือครองใบอนุญาตขับขี่แบบ A1 ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 125 ซีซี ซึ่งมีครอบคลุมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ในแนวสตรีทอย่าง Drakon 125 สกู๊ตเตอร์อย่าง Madison ที่อาจจะแตกต่างไปจากบ้านเรา ที่มีตัวเลือกเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี และ 200 ซีซี อีกทั้งยังมีโมเดลในแนวทางแอดแวนเจอร์ขนานแท้อย่าง Dune125 หรือจะเป็นแนวออฟโรดอย่าง XTM125 รวมไปถึงซุปเปอร์โมโต XSM125 หรือจะข้ามไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่าง XAN L1E หรือ XAM Offroad ก็มีให้เลือกใช้งาน
แต่ถ้าให้มองว่าผลิตภัณฑ์ใดที่จะมีโอกาสเข้าสู่ตลาดประเทศไทย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ที่กำลังมีทิศทางในการเติบโตในอนาคต ทางเลือกที่ดูจะเพลย์เซฟที่สุด ก็คงไม่พ้นการนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ที่เน้นการใช้งานจริง และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้างได้มากที่สุด ก็คงไม่พ้น Drakon 125 รถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับแนวทางของสตรีทไบค์เต็มรูปแบบ
Malaguti Drakon 125 มาพร้อมกับงานออกแบบที่เรียกได้ว่า เกินตัวไปมาก ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ของรถในแนวสตรีทไบค์ที่มีกลิ่นอายของสตรีทไฟท์เตอร์ งานออกแบบเฉียบคม น้อยแต่มาก ถ้าจะให้เทียบก็จะทรงๆเดียวกับ KTM Duke 125 หรือประมาณ Yamaha MSlaz ที่เคยโด่งดังในช่วง 5-8 ปีที่ผ่านมา ด้วยการออกแบบตัวถังที่บึกบึน ซับเฟรมท้ายแบบลอยตัว ไม่มีบังโคลนหลัง แต่ติดกันดีดที่ล้อหลังแทน ทำให้ตัวรถดูมีลักษณะที่คล่องตัว ถึงจะมีรูปร่างที่บึกบึนเกินกว่าขนาดเครื่องยนต์ก็ตาม
ในแง่ของขุมกำลังนั้น Malaguti Drakon 125 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1 ลูกสูบ ขนาด 124.8 ซีซี 4 จังหวะ DOHC ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลัง 13.6 แรงม้า (BHP) ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิด 10.5 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์มาตรฐาน 6 สปีด ระบบคลัตซ์มือแบบ Wet Multi-Plate ส่งกำลังสุดท้ายไปยังล้อหลังด้วยชุดโซ่
ในขณะที่โครงสร้างของตัวรถนั้นจะมาพร้อมกับโครงสร้างแบบ Tabular Frame ระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับขนาด 37 มิลลิเมตร จากแบรนด์ KYB โช้คอัพหลังแบบ Monoshock ปรับพรีโหลดได้ 3 ระดับ ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 300 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียลเม้าท์ 2 พอร์ต ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 218 มิลลิเมตร พร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel ขอบล้อขนาด 17 นิ้วหน้าหลัง สวมด้วยยางขนาด 100/80-17 และ130/70-17
ในส่วนของอุปกรณ์บนตัวรถนั้น จะมาพร้อมกับระบบไฟ LED รอบคัน หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 6 นิ้วที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการแสดงผลได้ ในขณะที่ตัวรถจะมีถังน้ำมันความจุ 10.5 ลิตร รองรับการเดินทางในระยะไกล
นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก หากแต่การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น อาจจะมีการขยับความจุเครื่องยนต์ไปเป็น 150 ซีซี เหมือนกับที่ทำกับ Madison150 หรือจะเป็นการดึงเอาผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในประเทศจีนอย่าง Malaguti Drakon 250 ที่พัฒนาโดย Zongshen มาวางจำหน่ายและตั้งราคาในเกณฑ์ที่เข้าถึงได้ง่าย ก็น่าจะสร้างกระแสในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ประเทศไทยได้ไม่น้อย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก warungasep.net
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.