เปิดตัว Can-Am Spyder และ Ryker 2024 รุ่นใหม่ อย่างเป็นทางการ
เมื่อสัปดาห์ก่อนเราได้นำเสนอการทำงานในผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Can-Am ที่ให้ความสนใจในการพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไป ล่าสุดบริษัท Bombardier Recreational Products ต้นสังกัดของแบรนด์มอเตอร์ไซค์สัญชาติแคนาเดี้ยนก็ได้ประกาศการอัพเดตล่าสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์สามล้อ 2 โมเดล ประกอบด้วย Spyder และ Ryker สำหรับการจำหน่ายในตลาดช่วงปี 2023-2024
Bombardier Recreational Products (BRP) ได้ประกาศการอัพเดตครั้งใหญ่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์สามล้อสำหรับถนน Can-Am Spyder และ Ryker สำหรับโมเดลปี 2024 โดยกลุ่ม Spyder ปี 2024 จะยังคงแยกย่อยโมเดลออกเป็นหลายๆ รุ่นเหมือนเดิม โดยแต่ล่ะรุ่นนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกรุ่นจะได้รับอัพเดทที่เหมือนกัน คือการปรับเปลี่ยนระบบไฟหน้าฮาโลเจน ให้เป็นไฟ LED และการปรับหน้าจอแสดงผลดั้งเดิมให้เป็นจอแสดงผลแบบใหม่
สำหรับการปรับเปลี่ยนหน้าจอนั้น ในรุ่นมาตรฐานอย่าง F3 และ RT จะมีการปรับหน้าจอแสดงผลจาก LCD ขนาด 7.8 นิ้ว เดิมให้เป็นหน้าจอสัมผัส TFT ขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งจะมีแพลตฟอร์ม RP Connect และรองรับ Apple CarPlay เพื่อทำงานร่วมกับผู้ใช้ iPhone ส่วนผู้ใช้งาน Android ยังคงสามารถเชื่อมต่อกับระบบสาระบันเทิงผ่านบลูทูธได้ แต่จะเข้าถึงได้เฉพาะคุณสมบัติด้านเสียง เช่น เพลง หรือการนำทางแบบ turn-by-turn เท่านั้น
Can-Am Spyder F3-S รุ่นมาตรฐานจะมาพร้อมกับสี Monolith Black พร้อมล้อ 10 ก้านสีดำและเฟรมสีแดง ในขณะที่รุ่น F3-T จะมาพร้อมกับสี Petrol Metallic และ Pearl White รุ่น F3 Limited จะมาพร้อมกับตัวเลือก 4 สี ประกอบด้วย Steel Black Metallic พร้อมล้อสี Platinum, Monolith Black Satin พร้อมล้อสีเข้ม, Plasma Red พร้อมล้อสี Platinum และสี Petrol Metallic พร้อมล้อสีเข้ม สุดท้ายคือรุ่น F3 Limited Special Series ที่จะมาพร้อมกับสี Cognac Metallic พร้อมชิ้นส่วนและขอบสีดำคาร์บอน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Can-Am Spyder RT จะเป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยจะมีตัวเลือกด้วยกัน 3 รุ่นคือ RT รุ่นปกติ, RT Limited และ RT Sea-to-Sky รุ่นท็อปสุด โดยทั้งสามรุ่นจะมีการอัพเดตระบบไฟใหม่ พร้อมกับการอัพเดทระบบเครื่องเสียงใหม่ และการอัพเดทสำคัญคือการปรับรูปแบบของเสาอากาศเพื่อรับสัญญาณวิทยุนั้น จะถูกเปลี่ยนจากเสาอากาศเดิมให้กลายเป็นชุดนำสัญญาณที่มีขนาดที่เล็กลง และสามารถติดตั้งเนียนไปกับตัวรถได้ จนมองไม่เห็นเสาอากาศให้ขัดหูขัดตาอีกต่อไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการอัพเดทในครั้งนี้ก็คือ การเปลี่ยนสีตัวถังใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างของรุ่นได้อย่างชัดเจน
รุ่นพื้นฐาน 2024 Spyder RT จะมาพร้อมกับตัวเลือกสี Hyper Silver และ Petrol Metallic ส่วนรุ่น RT Limited จะมาพร้อมกับการเสริมส่วนของพนักพิงผู้โดยสารและกล่องท้ายรถ โดยมีตัวเลือกสีตัวถังด้วยกัน 4 สีประกอบด้วย Carbon Black, Hyper Silver, Petrol Metallic และ Deep Marsala Metallic ปิดท้ายที่รุ่นท๊อป RT Sea-to-Sky จะมาพร้อมกับสี Vegas White Satin และอุปกรณ์เสริมพนักพิงผู้โดยสารที่ตัดเย็บแบบพิเศษ พร้อมกับการเดินลายจะเย็บบนตัวเบาะนั่ง เพื่อความพิเศษให้กับตัวรถ
ในขณะที่โมเดล Can-Am Ryker จะยังคงใตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 ขนาด ตามลักษณะของการใช้งานของตัวรถ โดยรุ่นมาตรฐาน จะมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 600 ซีซี ส่วนรุ่น Ryker Sport และ Ryker Rally จะมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 900 ซีซีที่ใหญ่กว่าและให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่สูงกว่า ตัวรถทั้ง 3 รุ่น จะมีตัวเลือกสีร่วมกัน 4 สีประกอบด้วย Diablo Red, Blue Abyss, Goblin Green และ Purple Galaxy
ในส่วนของการจำหน่ายนั้น Can-Am Spyder F3-S มีราคาเริ่มต้นที่ 27,599 ดอลลาร์ (971,665 บาท) Spyder F3-T ราคาเริ่มต้นที่ 30,999 ดอลลาร์ (1.09 ล้านบาท) F3 Limited มีราคาเริ่มต้นที่ 34,899 ดอลล่าร์ (1.22 ล้านบาท) และ F3 Limited Special Series จะมีราคาเริ่มต้นที่ 38,099 ดอลลาร์ (1.34 ล้านบาท) ส่วนโมเดล Can-Am Ryker ระดับพื้นฐานเริ่มต้นที่ 9,499 ดอลลาร์ (334,427 บาท) สำหรับเครื่องยนต์ 600 ซีซี และราคาเริ่มต้น 11,299 ดอลลาร์ (397,799 บาท) สำหรับเครื่องยนต์ 900 ซีซี รุ่น Ryker Sport เริ่มต้นที่ 12,499 ดอลล่าร์ (440,215 บาท) และสุดท้ายรุ่น Ryker Rally ที่รองรับการขับขี่แบบออฟโรดมีราคาเริ่มต้นที่ 14,599 ดอลล่าร์ (514,177 บาท)
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorcycle.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.