รายละเอียดเพิ่มเติมของ New Honda CB1000 Hornet
เรียกได้ว่าเป็นการรีเบรนด์โมเดลใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับ New Honda CB1000 Hornet ซุปเปอร์เนกเกตไบค์จากค่ายปีกนก ที่พึ่งเปิดตัวในงาน EICMA 2023 ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งจะเข้ามาทำตลาดแทนที่โมเดลที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอดอย่าง CB1000R
CB1000R รุ่นเก่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในคลาสซุปเปอร์เนกเกต ที่มาพร้อมกับรูปแบบของสไตล์ที่แตกต่างอย่าง Neo-Sport Cafe ที่ทางค่ายปีกนกต้องการนำเสนอผ่านแนวคิดของรถมอเตอร์ไซค์ร่วมสมัยที่เป็นการผสมผสานความลงตัวของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับรูปแบบงานดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา แต่ถ้าให้มองในภาพรวมแล้ว ตัวรถประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นปรากฎการณ์ ตามที่ผู้พัฒนาได้ตั้งใจไว้ เพราะด้วยข้อจำกัดที่ไม่อาจจะต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดได้เลยในเชิงประสิทธิภาพ
การยกเครื่องใหม่ พร้อมกับการรีแบรนด์ในครั้งนี้ Honda ได้ตัดสินใจเอาชื่อเก่าที่เคยสร้างตำนานอย่าง Hornet กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกแต่อย่างใด เพราะหากเราจะย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา ทางค่ายปีกนกเองก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ 750 Serie ที่มีรถเนกเกตอยู่หนึ่งรุ่นที่ใช้ชื่อ CB750 Hornet มาแล้ว และดูเหมือนว่าการนำเอาชื่อเก่ามาผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ส่งผลให้ตัวรถนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ และสร้างกระแสในแวดวงสองล้อได้เป็นอย่างดี
โดยพื้นฐานแล้ว CB1000 Hornet มีรูปแบบหลายๆ อย่างที่ใกล้เคียงกับ CB1000R โดยสิ่งแรกก็คือพื้นฐานของเครื่องยนต์ ที่ยังคงใช้งานเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบเรียงขนาด 998 ซีซี 4 จังหวะ DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เพียงแต่ว่าเครื่องยนต์ใหม่ของ Hornet นั้นจะถูกปรับจูนใหม่ทำให้มีกำลังสูงสุด 147.5 แรงม้า (bhp) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 73.8 lb-ft ซึ่งมากกว่า CB1000R อยู่เพียงเล็กน้อย
หากมองในแง่ของประสิทธิภาพนั้น แน่นอนว่า CB1000 Hornet ค่อนข้างเป็นรองคู่แข่งในท้องตลาด หากลองเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Ducati Streetfighter V4 S จะมีกำลังที่มากถึง 205 แรงม้า (bhp) หรือ Z H2.จากค่ายยักษ์เขียว ก็มีกำลังสูงสุด 197 แรงม้า (bhp)ซึ่งตัวรถ Hornet อาจจะพอต่อสู้ได้กับ BMW S1000R รุ่นล่าสุด ที่มีกำลังมองว่าราวๆ 20 แรงม้า (bhp) แต่ถ้าจะเทียบกับรุ่นประสิทธิภาพ ก็ยังคงห่างจาก M1000R ของค่ายใบพัดสีน้ำเงินอยู่พอสมควร
กลับมาที่รูปแบบของ CB1000 Hornet มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจาก CB1000R ด้วยการยึดเอาสไตล์ของรถ Streetfighter ที่ดุดันมาใช้งาน และที่แตกต่างกันสุดๆ ก็คือเรื่องของโครงสร้าง เพราะตัวรถใหม่จะใช้โครงสร้างแบบ Twin Spar ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างแบบเดิมที่ใช้งานโครงสร้าง Steel Backbone ซึ่งส่งผลให้ตัวรถมีความเรียวที่มากกว่า รวมไปถึงมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ระบบกันสะเทือนจะเหมือนกับ CB1000R รุ่นเก่า โดยมีโช๊คหัวกลับ Showa SFF-BP ขนาด 41 มิลลิเมตร ที่ปรับได้เต็มที่ และโช๊คหลังของ Showa และด้วยการเลือกใช้โครงสร้างแบบใหม่ ทำให้สวิงอาร์มด้านหลัง ที่เคยใช้งานสวิงอาร์มแบบ Single Side ถูกแทนที่ด้วยสวิงอาร์มแบบเหล็กท่อ รวมไปถึงระบบเบรกก็ยกมาจากรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด ด้วยคาลิปเปอร์หน้าแบบ radial พร้อมจานดิสก์คู่ขนาด 310 มิลลิเมตร ไล่มาที่ขอบล้อจะใช้ขอบล้อฟอร์จขนาด 17 นิ้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ยางหลัง จะปรับจากขนาด 190 มาใช้งานบางขนาด 180 ซึ่งจะให้ความคล่องตัวที่มากกว่า
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีโหมดการขับขี่ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า 3 โหมด ระบบ traction control ที่ปรับระดับได้ และแผงหน้าปัด TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบไฟ LED รอบคัน
Honda ยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายของ CB1000 Hornet รวมไปถึงกรอบเวลาในการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คาดว่าทางค่ายปีกนกเองจะพร้อมจำหน่ายตัวรถอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2024 นี้ และคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorcyclenews.com
‘
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.