6 วิธีรับมือกับการขับขี่ในยามค่ำคืน
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ประเทศไทยนั้นมีอากาศที่ร้อนจัดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางวัน ที่ในช่วงหน้าร้อนบางพื้นที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศา ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกเดินทางท่องเที่ยวนั้น เลือกที่หยุดแล้วอยู่ในห้องแอร์ แต่ก็มีบางคนที่ยังคงต้องขับขี่ต่อไป แต่เลือกที่ใช้ช่วงเวลาในตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาในการเดินทาง เพราะนอกจากอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไปแล้ว ก็ต้องการถนนที่มีความโล่งเป็นพิเศษ
แต่จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุลบนท้องถนนแล้ว มากกว่าร้อยล่ะ 60 จะเกิดขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทีมงานกู้ภัยมีงานเยอะที่สุด และในองค์ประกอบที่เราได้เกริ่นมา พวกเราทีมงาน Greatbiker อยากจะขอแชร์ 6 วิธีในการรับมือกับการขับขี่ในตอนกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
1.สร้างจุดสังเกตุให้กับตัวเอง
สิ่งที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากบุคคลอื่นก็คือ บุคคลอื่นมองไม่เห็นผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ถึงแม้ว่าตัวรถจะมีระบบไฟสำหรับส่องสว่างในยามกลางคืนก็ตาม แต่บางครั้งมันก็อาจจะไม่เพียงพอ ด้วยความที่รถมอเตอร์ไซค์นั้นจะมีลักษณะของไฟระบุตำแหน่งที่มีหน้าตัดที่สั้นกว่า และมีขนาดดวงไฟที่เล็กกว่ารถยนต์ สิ่งนี้เอง ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ตัดสินระยะของตัวรถมอเตอร์ไซค์ได้ผิดพลาด (โดยเฉพาะคนเมา) ซึ่งสิ่งนี้แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยแถบสะท้อนแสง ที่สามารถระบุตำแหน่งของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้เองจะทำให้การระบุตำแหน่งของผู้ขับขี่ง่ายขึ้น ที่สำคัญตอนนี้เราอาจจะไม่ต้องเงินจำนวนมากเพื่อหาชุดเฉพาะสำหรับขับขี่ในยามกลางคืน เพราะผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่ มักจะใส่แถบสะท้อนแสงให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานบนท้องถนนเป็นหลัก
2.สร้างมุมมองที่ชัดเจน
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การระบุตำแหน่งของตัวผู้ขับขี่เอง ก็คือระบบไฟส่องสว่างที่เป็นหัวใจหลักของการขับขี่ในยามกลางคืน สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดก็คือ หมั่นตรวจตราความสว่างของระบบไฟรอบคัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบไฟส่องสว่างด้านหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถที่ยังใช้หลอดไฟแบบฮาโลเจน เพราะสิ่งหนึ่งที่ควรระวังที่สุดก็คือ หลอดแบบนี้มีการเสื่อมสภาพได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้งานมาแค่ไม่กี่เดือนหรือเป็น 10 ปี ทั้งนี้ รถสมัยใหม่ที่ใช้หลอดแบบ LED ก็อย่างชะล่าใจไปเพราะหลอดแบบ LED ก็สามารถขาดได้เหมือนกัน ในส่วนของอุปกรณ์เสริมอย่างไฟสปอตไลท์นั้น แม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุมอยู่ และเราควรใช้งานอย่างเหมาะสม ยกตัวอย่างการขับขี่ในท้องถนนที่ไม่ไฟส่องสว่างเป็นระยะๆ การเปิดสปอตไลท์ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์มากนัก แต่ในทางกลับกันมันอาจจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
3.อย่างจ้องไฟหน้าของรถที่ขับสวนมา
ทุกวันนี้ไฟหน้ารถและมอเตอร์ไซค์บางรุ่นมีความสว่างมาก ทั้งแบบจากโรงงานเอง หรือไม่เปลี่ยนพาร์ทเพื่อความสะดวกในการขับขี่ ซึ่งบางครั้งมันก็สว่างจนเกินไป ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะในยามกลางคืน ม่านตาของเราจะเบิกกว้างกว่าปกติ และเมื่อมีแสงไฟที่สว่างจัดๆ พุ่งเข้ามา ม่านตาของเราจะหรี่ลงแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ม่านตาจะต้องปรับสมดุลใหม่ ประสิทธิภาพการมองเห็นจะลดลงชั่วขณะ และสิ่งนี้ถือว่าอันตรายมาก โดยเฉพาะในการขับขี่ในทางโค้ง
ส่วนกรณีที่รถที่ตามมานั้นมีไฟที่สว่าง จนส่องมากระทบที่กระจกมองหลังของเรา ซึ่งรบกวนสายตาในขณะขับขี่ วิธีที่ง่ายที่สุดมี 2 ทางเลือก 1.บีดกระจกมองหลังไปในมุมอื่นๆ ที่ความสว่างไม่รบกวนการมองเห็น หรือ 2. ปล่อยให้รถคันหลังแซงไปก่อน ส่วนจะตามไปเปิดไฟไล่หลังเอาคืนหรือไม่ ก็แล้วแต่เพื่อนๆ เลยครับ
4. ขับให้ช้าลงกว่าเดิม 30-40%
ว่ากันตามตรงการขับขี่ในยามค่ำคืนนั้น มีข้อจำกัดที่มากกว่าการขับขี่ตอนกลางวัน ด้วยทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจน ความเวี่ยงทั้งจากอันตรายรอบข้างและจากผู้ขับขี่เอง การขับขี่ให้ช้าลงกว่าปกติถือเป็นเรื่องที่ควรทำที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น การขับขี่ในตอนกลางคืน ทัศนวิสัยการมองเห็นจะสั้นลง ทำให้เราต้องใช้งานสายตามากกว่าปกติ จนก่อให้เกิดการเมื่อยล้าของตา และส่งผลให้การเกร็งของกล้ามเนื้อที่เกิดจากจิตใต้สำนึก การขับขี่ช้าลงจะช่วยเพื่อเวลาในการตัดสินใจ หากเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันได้
5.สังเกตสิ่งรอบข้างเสมอ
ข้อนี้ เกี่ยวเนื่องจากข้อที่ผ่านมา เมื่อเราขับขี่ช้าลงแล้ว เราควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวเสมอ ว่ามีรถตามเรามาหรือไม่ อยู่ทางซ้ายมือหรือขวามือของเรา มีรถนำหน้าเราหรือไม่ สภาพถนน ความสว่างโอเคอยู่หรือไม่ และมีสิ่งหนึ่งเราพึงระวังเสมอคือ อย่าพึ่งพาแต่กระจกมองหลัง เพราะอย่างที่เราบอกไป การขับขี่ในตอนกลางคืนนั้น ทัศนวิสัยจะสั้นลง เราจะไม่สามารถมองกระจกหลังแล้วระบุตำแหน่งรถที่ตามมาได้อย่างชัดเจน ว่าขับเร็วขนาดไหน เปิดไฟหรือไม่ การมองข้างหลังเพื่อมองด้วยตาของเราเอง จะเป็นอะไรที่ชัดเจนกว่า รวมไปถึงการมองด้านซ้ายและด้านขวาด้วยการเหลียวศรีษะก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
6.สติ
สิ่งนี้ขาดไม่ได้เลยทุกครั้งในตอนขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน การขับขี่แบบสติไม่ครบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม มักจะเป็นบ่อเกิดของอุบัติเหตุ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เฉพาะเราที่อันตราย แต่บุคคลที่ใช้เส้นทางร่วมกับเราด้วยนั้นก็อันตรายเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยเกิดกรณีของการเมาแล้วขับเยอะมาก จนแต่ล่ะปีนั้นมีผู้สูญเสียไม่ต่ำกว่า 2-3 พันคนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาว ที่เราอาจจะเจอกับคนเมา หรือคนที่ขับขี่ต่อเนื่องยาวนานจนร่างกายอ่อนล้า การมีสติในการขับขี่ถือเป็นความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ดังนั้นควรพิจารณาทุกครั้งว่าเราพร้อมจะขับขี่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม
.
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.