เผยโฉม Jawa 42 2025 คู่ปรับคนสำคัญของครุยเซอร์ขนาดเล็ก
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ครุยเซอร์ขนาดเล็กนั้น ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามีเจ้าตลาดอยู่ 2 โมเดลที่ประกอบด้วย Honda Rebel 300 และ Royal Enfield Meteor 350 ที่แข่งขันกกันเองในระดับสากล แต่หากมองไปยังตลาดยุโรปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโมเดลที่แข่งขันกับสองโมเดลข้างต้น ได้อย่างสูสี นั่นก็คือ Jawa 42 ที่ล่าสุดได้เปิดตัวรุ่นใหม่ สำหรับปี 2025 อย่างเป็นทางการ
Jawa เป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์จากสาธารณรัฐเช็ก ที่มีประวัติศาสตร์ในวงการสองล้อยุโรป มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 19 แม้ว่าปัจจุบันจะถูกครอบครองโดยกลุ่มธรุกิจจากประเทศอินเดีย ที่เข้ามาถือหุ้นส่วนใหญ่ขององค์กร แต่บริษัทเองยังคงผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในแนวทางคลาสสิกเหมือนที่ผ่านมา และกลายเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของวงการสองล้อจากฝั่งยุโรป ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน Jawa มีผลิตภัณฑ์จำนวนมากครอบคลุมทั้งผู้ถือครองใบอนุญาตแบบ A1 และ A2 โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้งานที่หลากหลายทั้งแบบคลาสสิกและสมัยใหม่ โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ Jawa 42 ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ของรถครุยเซอร์ขนาดเล็ก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรุ่นปี 2024 ต่อเนื่องมาจนถึงรุ่นปี 2025 ที่พึ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้
Jawa 42 ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อปี 2024 โดยเฉพาะในส่วนเทคนิคเครื่องยนต์ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ซึ่งพวกเขาเรียกว่า J-panther เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและความสะดวกสบายมากขึ้น เป็นเครื่องยนต์ DOHC สูบเดียวระบายความร้อนด้วยของเหลว ความจุขนาด 294 ซีซี ให้กำลัง 27.32 แรงม้า (hp) พร้อมกับแรงบิด 26.84 นิวตันเมตร ซึ่งให้กำลังที่มากกว่า Meteor 350 ที่ทำได้ 20.2 แรงม้า (hp) และยังเหนือกว่า Rebel 300 ที่มีกำลัง 21.2 แรงม้า (hp)
ในระบบช่วยเหลือพื้นฐานนั้น Jawa 42 จะมีการติดตั้งระบบ Assisted and Slipper Clutches จับคู่กับเกียร์หกสปีด ซึ่งรับประกันการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลขึ้น และรวมกับการปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ที่กระฉับกว่าเดิม และยังมีการติดตั้ง Balancer Bushing เพื่อลดการสั่นของเครื่องยนต์เมื่อรอบเครื่องยนต์ลดเร็วกว่าปกติ ซึ่งดูจะเหนือกว่าคู่แข่งโดยตรงทั้งสองรุ่น
ในส่วนของโครงสร้างและระบบช่วงล่างนั้น ยังคงเหมือนเดิมจากรุ่นปี 2023 และ 2024 โดยใช้โครงสร้างแบบ Double-Cradle Frame ที่เชื่อมต่อกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic มาตรฐาน และโช้คอัพหลังแบบสปริงคู่ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการปรับคั้งค่าการคืนตัวได้แบบระดับ ในขณะที่ ระบบเบรกนั้น จะมาพร้อมกับดิสก์เดี่ยวทั้งหน้าและหลัง โดยมีระบบ ABS เป็นมาตรฐานเฉพาะล้อหน้า ในขณะที่รุ่นท๊อปจะเป็นแบบสองล้ออีกทั้งยังมีตัวเลือกทั้งขอบล้อแบบอัลลอยด์และแบบซี่ลวดให้ได้เลือกใช้งานแบบตรงรุ่นอีกด้วย
ในส่วนของอุปกรณ์บนตัวรถอื่นๆ นั้น จะมีระบบไฟ LED ที่ไฟท้ายและสัญญาณไฟเลี้ยว โดยไฟหน้ายังคงใช้งานหลอดไฟแบบฮาโลเจนทรงกลมที่แสนจะคลาสสิก หน้าจอแสดงผลแบบทรงกระปุก LCD แบบวางเยื้อง แฮนด์บาร์แบบ Trapper ถังน้ำมันทรงหยดน้ำและบังโคลนหลังโค้ง
Jawa 42 มาพร้อมรูปแบบสีใหม่ โดยมีรูปแบบสีให้เลือกสูงสุดถึง 6 แบบ ได้แก่ Vega White, Voyager Red, Asteroid Grey, Odyssey Black, Nebula Blue และ Celestial Copper Matte โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่เพียง 2,061 ดอลลาร์ หรือประมาณ 71,515 บาทเท่านั้น ในขณะที่รุ่นท๊อปสุดจะเปิดราคาอยู่ที่ 2,360 ดอลลาร์ หรือประมาณ 81,880 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก lamoto.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.