เปิดตัว Royal Enfield Scram 440 เรโทร-ทัวร์ริ่ง รุ่นใหม่ปี 2025
Royal Enfield Scram 440 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศอินเดีย นับเป็นการเข้าสู่กลุ่มรถจักรยานยนต์ครอสโอเวอร์ที่มีการแข่งขันสูง โดยตัวรถ Scram 440 จะเข้ามารับไม้ต่อจาก Scram 411 ที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้
ในด้านการออกแบบ Scram 440 ยังคงสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Scram 411 ไว้เป็นส่วนใหญ่ แต่มีการอัปเกรดที่สำคัญ Scram 440 สร้างขึ้นบนแชสซีเดียวกัน โดยมีขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตัวรถจะมีให้เลือก 2 รุ่น ประกอบด้วย Trail และ Force ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของรูปแบบการใช้งาน
คุณสมบัติที่ได้รับการอัปเกรด Scram 440 มาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะสำหรับการขับขี่แบบท่องเที่ยวผจญภัย เพื่อเพิ่มความสามารถในการขับขี่ทุกสภาพภูมิประเทศ จุดเด่นที่สำคัญ ได้แก่ ไฟหน้า LED ใหม่เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขึ้น หน้าจอแสดงผลแบบไฮบริด อะนาล็อกผสมดิจิตอล ที่มีระบบนำทาง Tripper Navigation ถังน้ำมันขนาด 15 ลิตรสำหรับการขับขี่ระยะไกล ล้อซี่ลวดพร้อมยางแบบมียางในสำหรับรุ่น Trail และล้ออัลลอยด์แบบไม่มียางในสำหรับรุ่น Force โดยทั้งสองแบบจะมีขนาดล้อหน้า 19 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้ว และมีระบบ ABS ที่ามารถปิดการทำงานระบบที่ล้อหลังได้
ในส่วนของขุมกำลังนั้น Scram 440 จะมีความต่างจาก Himalayan 450 อยู่พอสมควร หัวใจหลักของ Scram 440 คือเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 443 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ+น้ำมัน จะมีกำลังสูงสุด 25.4 แรงม้า (hp) ที่ 6,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 34 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ 24.3 แรงม้า (hp) 32 นิวตันเมตร แต่ก็ยังแตกต่างจาก Himalayan 450 ที่ทำได้ 40 แรงม้า (hp) ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 40 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที
ระบบเบรกและระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับปรุง หน้าที่ในการเบรกได้รับการจัดการโดยดิสก์เบรกหน้าขนาด 300 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์ลูกสูบขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้น และดิสก์เบรกหลังขนาด 240 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนจะยังคงใช้แบบเดิมจาก Scram 411 ซึ่งมีโช้คอัพหน้าแบบ Telescopic ขนาด 41 มิลลิเมตร มีระยะยุบตัว 190 มิลลิเมตร และโช้คหลังแบบโมโนที่มีระยะยุบตัวที่ 180 มิลลิเมตร
ในส่วนของการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศอินเดียนั้น Royal Enfield Scram 440 2025 จะเริ่มต้นด้วยรุ่น Trail โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 208,000 รูปี หรือประมาณ 81,230 บาท ในขณะที่รุ่น Force จะมีราคาเริ่มต้นที่ 215,000 รูปี หรือประมาณ 83,965 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rushlane.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.