All New Honda CBR150R 2016 VS Yamaha R15 2016

ต้องบอกเลยว่าเดียวนี้ตลาดมอเตอร์ไซค์รวมไปถึงตลาดบิ๊กไบค์ในบ้านเรา เรียกว่ากำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก  ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กไบค์รุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ก็ตาม  ซึ่งจากกระแสที่เรากำลังติดตามอยู่นี้  เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งความนิยมที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคลาสที่น่าจับตามอง เพราะกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ซึ่งรุ่นที่เรากำลังพูดถึง ก็ไม่ใช่รุ่นไหนอื่นไกล จากค่ายยักษ์ใหญ่ แบรนด์ดังในไทยสองค่าย ที่เรียกว่ากำลังเป็นที่จับตามองและต่างฟัดฟันกันสนุกสนาน โกยยอดขายกันไป  ซึ่งเดียววันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับสปอร์ตไบค์จากสองค่าย ที่เรียกว่าในคลาส 150 ซีซีคงไม่มีใครไม่รู้จัก  คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันกำลังอยู่ในกระแสตอนนี้นั่นเอง

สำหรับค่ายแรก  คันแรกที่เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จัก ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้า All New Honda CBR150R 2016 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด  เรามาดูกันที่รูปลักษณ์และดีไซน์ของมันกันก่อนเลย ซึ่งเป็นที่ถูกใจของไบค์เกอร์เริ่มต้นของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนอกจากโฉมหน้าและรูปร่างที่ดูแล้วโฉมเฉี่ยวมากขึ้นแล้ว ด้านหน้าของมันก็ดูโหดขึ้นหล่อขึ้นด้วยการเลือกใช้การปรับเปลี่ยนไฟทั้งหมดมาเป็นไฟแบบ LED twin headlight ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจากเจ้า CBR 500R ตัวใหม่จากรุ่นพี่นั่นเอง  และที่สำคัญ การอออกแบบแฟร์ริ่งต่างๆ ในตัวใหม่นี้มีการเดินเส้นสายที่เรียกว่าดูแล้วมีความต่อเนื่องกันดูแล้วทำให้มันเป็นรถสปอร์ตไบค์ที่ไม่ธรรมดาและน่าขับขี่มากขึ้น

นอกจากไฟหน้าที่ดูแล้วหล่อเท่ห์ทุกมุมแล้ว ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นรุ่นนี้เรียกว่าจัดให้มาเต็มเพราะเป็นระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ โดยจะแบ่งจอการทำงานต่างๆ ออกเป็นสองส่วนบนและล่าง โดยด้านบนนั้นจะเป็นในส่วนของการวัดรอบเครื่องยนต์ ด้านล่างจะวัดความเร็ว วัดระดับน้ำมัน วัดอัตราการสินเปลืองน้ำมัน วัดทริป นาฬิกา และที่สำคัญ ในรุ่นนี้ยังมีการบอกตำแหน่งเกียร์ด้วยซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของฮอนด้าในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนของการออกแบบและดีไซน์ตัวถังน้ำมันเอง ก็คำนึงถึงตัวของผู้ขับขี่ด้วย เพราะมีการออกแบบให้เข้ากับสรีระการขับขี่เพิ่มความกระชับในช่วงของการขับขี่ที่ง่ายขึ้น ทำให้การคอนโทรลรถทำได้ดีขึ้นอีกด้วย  ถัดมาที่ตัวท่อไอเสียก็มีการออกแบบตัวท่อใหม่หมดจด

มาดูกันต่อที่สมรรถนะขุมพลังเครื่องยนต์และความปลอดภัยกันบ้าง
สำหรับโมเดลนี้มาพร้อมกับบล็อคเครื่องยนต์ความจุที่ 149.16 ซีซี เป็นแบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ขนาดกระบอกสูบอยู่ที่ 57.3 x 57.8 มม.  สามารถให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 16.9 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที  มาพร้อมกับระบบเกียร์ 6 สปีด ส่วนในเรื่องของระบบการจ่ายน้ำมันถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของทางฮอนด้าเพราะจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-Fi พร้อมกันนั่นทางค่ายต้นสังกัดอย่างฮอนด้ายังได้เคลมไว้อีกว่าบล็อคเครื่องยนต์ตัวนี้ มีความแข็งแรงความรุ่นเดิม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสปอร์ตที่ไบค์เกอร์ที่อยากเริ่มต้นสามารถมองหามาครอบครองไว้ก็ไม่เสียหลาย

มาดูกันต่อที่ระบบช่วงล่างและระบบความปลอดภัยกันต่อ เริ่มที่ระบบเบรคกันบ้าง เป็นระบบเบรคแบบดิสก์เบรค ซึ่งด้านหน้าให้มาเป็นจานเบรคขนาด 276 มม. ส่วนด้านหลังมีขนาด 220 มม. ส่วนในเรื่องของระบบกันสะเทือนนั้น ด้านหน้าเลือกใช้เป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก  และด้านลังเป็นแบบ Pro Link ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานที่หลายๆ คนรู้กันดีอย่างแล้ว  สำหรับล้อแม็กรุ่นนี้ให้มาเป็นล้อแม็กลายใหม่ที่จะรัดด้วยยางด้านหน้าขนาด 100/80-17 52P ส่วนขนาดของยางด้านหลังก็รัดด้วยยาง Rear Tyre 130/70-17 62P  และตัวรถเองก็มีมิติที่ดูเร้าๆ มากขึ้นกว่าเดิม โดยมีมิติตัวรถอยู่ที่ ยาว x กว้าง x สูง ที่ 1983 x 694 x 1038 มม. ส่วนในเรื่องของน้ำหนักและความจุของถังน้ำมันอยู่ที่ 135 กิโลกรัมและมีความจุเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12 ลิตร ซึ่งดูแล้วก็เหมาะสมกับขนาดของตัวรถ และน้ำหนัก ถือว่ากำลังดีและไม่ได้ทำให้ยุ่งยากมากนักกับลักษณะของการควบคุมนั่นเอง

มาดูทางฝั่งของค่ายสามแฉกอย่างยามาฮ่ากันบ้าง บอกเลยว่าช่วยปีสองปีนี้ที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงปีทองของค่ายเลยก็ว่าได้ ดูอย่างล่าสุดที่ออกเจ้าสปอร์ตแนคเกตไบค์คลาส 150 ซีซีออกมาเรียกว่า ณ เวลานี้ก็ยังมียอดจองกับยอดส่งรถที่เรียกว่าแทบจะส่งมอบกันให้ไม่ทันใช้ เพราะยอดจองและยอดขายที่ถล่มทลายสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งสำคัญขึ้นมาให้อีกหน้าหนึ่งเลยทีเดียว

แต่วันนี้เราขอหยิบเอาเจ้า Yamaha R15 2016 ซึ่งตัวนี้บอกเลยว่าเป็นเวอร์ชั่นสำหรับการปรับเปลี่ยนลวดลายกราฟฟิก และดูแล้วมีความโหด ความดุดันเพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม  แต่สำหรับดีไซน์และรูปลักษณ์เอง ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด  ซึ่งความโดดเด่นของมัน  มันได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากรุ่นพี่ขาใหญ่ อย่างเจ้า Yamaha R6 ซึ่งเรียกว่าเป็น DNA ตัวเดียวกันเลยก็ว่าได้ แถมในส่วนของการดีไซน์ไฟคู่ด้านหน้าก็ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ้า Yamaha R1 ปี 2009 มาอีกด้วย ถือว่าเป็นสายพันธุ์ R Series ที่ดีไซน์ได้โดนใจ  ความโดดเด่นของมันมีอะไรกันบ้างเดียวเราไปดูกันสักหน่อย

ในเรื่องของดีไซน์ เจ้า Yamaha YZF-R15 นั้นเป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์ที่เรียกว่ามีความเร้าใจเป็นอย่างมาก เพราะดีไซน์ทุกมุมมองได้รับ DNA มาจากรุ่นพี่ทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟคู่หน้า หรือแม้แต่ปั้นท้ายที่เป็นระบบไฟชุด LED เกือบทั้งหมด  นอกจากนั้น ยังมีในส่วนของชุดเรือนไมค์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบครัน  ที่สำคัญ ความเพรียวและดูเท่ห์ตั้งแต่หัวจรดท้ายนั้นบอกเลยว่า เป็นหนึ่งในสปอร์ตไบค์คลาส 150 ซีซีในราคาที่จับต้องได้และน่าสนใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับการเปิดตัวตอนใหม่ๆ ได้รับการขนานนามว่ามันคือบิ๊กไบค์ R1 ตัวจำลองที่หากได้ขับขี่มันแล้วเหมือนได้ขับขี่เจ้ารถแข่งสนามยังไงอย่างนั้น ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ขอพูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือชุดสวิงอาร์มด้านท้ายที่ไม่ได้เป็นเพียงขาตะเกียบธรรมดาแต่เป็นชุดอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่หล่อขึ้นรูปได้อย่างสวยงาม

สำหรับขุมพลังและสมรรถนะของบล็อคเครื่องยนต์มาพร้อมกับความจุที่ 149.8 ซีซี  4 จังหวะ 4 วาล์ว  แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการได้รับการควบคุมจาก ECU  นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยท่อไอเสียที่มีความสปอร์ต เก๋ เท่และมีสไตล์มากขึ้น แต่ก็ให้เสียงที่เงียบสงบได้ดีพอสมควร  ทุกครั้งที่ได้ควบมันออกไปขับขี่ยังเส้นทางใหม่ๆ เรียกว่าเป็นการขับขี่รถที่ไม่ได้เหนื่อยหรือแย่จนเกินไป  กลับทำให้รู้สึกถึงความเป็นนักแข่งในสายเลือด

ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยต่างๆ ที่ระบบใส่มาให้ในเจ้า Yamaha R15 คันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรคหน้าและหลังที่ก็ให้มาพร้อมกับระบบดิสก์เบรค  และยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลคโคปิค  และด้วยหลังก็เป็นแบบโช้คเดียว โมโนโช๊ค ซึ่งนั่นถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เรียกว่าทางยามาฮ่าจัดมาให้แบบเต็มๆ ไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว

ส่วนในเรื่องของราคาค่าตัวของทั้งสองรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเจ้า All New CBR 150 2016 หรือจะเป็นเจ้า Yamaha YZF-R15 ที่ก็กำลังมาแรงไม่แพ้กัน คงต้องตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะเลือกและลงตัวในคำตอบสดท้ายของค่ายไหน  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รับรองว่าคุณต้องได้รับความรู้สึกในการขับขี่ได้แบบเต็มที เพราะมันได้รับความสปอร์ตไบค์ในคลาส 150 ซีซีได้แบบเต็มฟิลล์ลิ่งนั่นเอง

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : maxabout.com tmcblog.com