รีวิวการขับขี่ All New Yamaha YZF-R6 2017 จาก VisorDown สื่อนอกชื่อดัง
ต้องออกตัวก่อนเลนว่า ณ ปัจจุบันนี้หลังจากเปิดตัวไปในงาน Motor Show 2017 ที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้ ยังไม่มีสื่อไทยสำนักใดได้ทำการทดสอบเจ้า All New Yamaha YZF-R6 คันนี้อย่างจริงจัง วันนี้ทีมงาน GreatBiker ได้หยิบยกการรีวิวการขับขี่จริงจากสื่อต่างประเทศที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ในการรีวิว มานำเสนอให้กับเพื่อนๆได้อ่านเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการตัดสินใจ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
สิ่งแรกที่เพื่อนๆจะต้องรู้คือสเปคพื้นฐานของเจ้า All New Yamaha YZF-R6 [Euro Specs] กันก่อน
เครื่องยนต์ : inline-four (4 สูบเรียง) 4 จังหวะ 599cc DOHC 16 วาล์ว liquid cooled
แรงม้าสูงสุด : 116.8bhp ที่14,500rpm
แรงบิดสูงสุด : 45.5lb/ft ที่ 10,500rpm
โครงสร้างตัวถัง : Aluminium twin spar
ระบบกันสะเทือน : ด้านหน้า 43mm USD KYB fully adjustable ด้านหลัง KYB monoshock fully adjustable
ระบบเบรค : ด้านหน้า Dual 320mm discs calipers 4 ลูกสูบ ด้านหลัง 220mm discs caliper 1 ลูกสูบ
ล้อและยาง : วงล้อ Cast aluminium ยาง Bridgestone S21, 120/70 17 (หน้า) 180/55 17 (หลัง)
ความจุถังน้ำมัน : 17 ลิตร
น้ำหนักด้วยรวม : 190 กิโลกรัม
โดยการทดสอบนี้ได้เลือกใช้การทดสอบในสนามแข่ง Almeria circuit ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นสนามที่มีทั้งเส้นทางที่ตรงและโค้งซ้ายขวาสลับกันทำให้ได้อารมณ์ในการทดสอบในแบบสปอร์ตที่มากขึ้นกว่าทดสอบบนท้องถนนที่ใช้จริง ในในที่ทำการทดสอบนั้นอากาศปลอดโปร่งมีสภาพความชื้นที่พอดีเหมาะกับการทดสอบเป็นอย่างมาก อันดับแรกเลยเรามาดูที่ตัวรถกันก่อน รูปลักษณะภายนอกจัดว่าสวยเอาการอยู่ด้วยการออกแบบที่ถูกถอดแบบมาจากสปอร์ตรุ่นใหญ่ของค่ายอย่างเจ้า Yamaha YZF-R1 ที่ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มขั้น ดุดัน และเกรี้ยวกราด ตัวเบาะนั่งมีความบาง แต่ยังมีความนุ่มนวล และความกว้างของมันก็ทำให้ท่วงท่าในการขับขี่นั้นง่ายดายและคล่องตัวมากๆ แน่นอนว่าการได้มาตรฐาน EURO4 นั้นทาง Yamaha ต้องตัดทอนพลังสูงสุดให้ลดลงเพื่อให้การวางขายในยูโรปนั้นมีมาตรฐานที่เท่ากัน กับการอ้างถึงแรงม้าสูงสุดที่ 116.8 BHP นั้นเป็นตัวเลขที่ทางค่ายอ้างถึงในรุ่นตั้งแต่ปี 2004 และลดลงไปอีก 5-10 BHP ในรุ่นปี 2006 แต่ในรุ่น 2017 นั้นก็ได้กลับมาใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงสุดที่ 116.8 BHP เช่นเดิม
ถึงแม้ว่าจะถูกตัดทอนแรงม้าลงไปจากสเปคของฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น ก็ยังส่งผลให้เจ้า R6 คันนี้มีแรงม้าที่เหลือกว่าทุกๆรุ่นในคลาส 600 cc โดยได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Tarran Mackenzie แชมป์เปี้ยนจากรายการ BSS champion ที่ได้ลงทำการทดสอบเจ้า YZF-R6 ในครั้งนี้ โดยในการทดสอบแรกเริ่มนั้นเราได้ทดสอบแบบวิ่งปกติก่อนสาม-สี่รอบสนามเพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถก่อนที่จะอัดกันเต็ม ซึ่งในรอบการขับขี่แบบบ้านๆนี้ก็ทำให้เรารู้ได้ว่าการเข้าโค้งของเจ้า R6 นั้นมีความจะเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้ทักษะที่ผ่านการฝึกฝนช่วยในการเข้าโค้ง อาจจะเป็นด้วยตำแหน่งของแฮนด์ที่อยู่ใต้แผงคอทำให้วงเลี้ยวนั้นค่อนข้างแคบ การเลี้ยวแบบปกติอาจจะต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างกว่าปกติ แต่สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งนั้นต้องบอกเลยว่าสอบผ่านสบาย ระบบกันสะเทือนช่วยให้การเข้าโค้งทำได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงระบบเบรกที่ตั้งค่ามาจากโรงงานแบบพอดีไม่ช้าและไม่ไวจนเกินไปเพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้งให้เราได้มากๆ
มาถึงอัตราการเร่งกันบ้าง ในจังหวะที่รอบต่ำนั้นแรงบิดจะค่อยๆมาไม่ได้มาแบบทีเดียวโครมครามนัก แต่ได้รอบที่มาแบบสม่ำเสมอ โดย Red Line ที่ผู้ทดสอบทำได้จะอยู่ที่ 16,000 รอบต่อนาที และระบบ Quickshifter ที่ติดตั้งมาให้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการเพอ่มเกียร์ทำได้อย่างฉับไว และการลดเกียร์ก็ทำได้ดี เสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่คุณอาจจะนึกไม่ถึงในรุ่น 600 cc จะคุณอาจจะแปลกใจว่านี้มันตัว 1000 ชัดๆ
ระบบเบรกด้วยดิสก์เบรกที่มีขนาดใหญ่กว่าโมเดลก่อนหน้านี้และการทำงานของปั้มเบรกหน้าแบบ 4 ลูกสูบนั้นทำให้ระยะของการเบรคค่อนข้างจะสั้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ และยังมีระบบ ABS ที่ช่วยในการผ้องกันล้อล็อกตายนั้นก็ทำงานได้อย่างดี แต่สำหรับนักแข่งแล้วระบบ ABS ของ R6 เป็นอะไรที่น่าเสียดายมากที่เราไม่สามารถจะเลือกเปิดหรือปิดมันได้ ก่อนการเข้าโค้งเรามีความจำเป็นในการลดความเร็วแต่ระบบ ABS จะทำให้เกิดระยะในการเบรกที่ยาวขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเวลาในการเข้าโค้งเราจะต้องใช้เวลามากกว่าในคันที่ไม่มีระบบนี้ แต่ถ้าวัดกันจริงๆแล้วการใช้งานบนท้องถนน ระบบ ABS ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราจะได้ข้อสรุปกันว่า มันเป็นระบบเบรกที่ดีซึ่งจะเป็นการตั้งค่าจากโรงงานให้เหมาะสมกับการใช้บนถนนจริงๆมากกว่าในสนามแข่ง
มาถึงเรื่องยางกันบ้าง ยางที่ติดตัวเจ้า R6 มาจากโรงงานจะเป็น Bridgestone S21 ซึ่งในวันทดสอบนั้นเป็นวันที่มีแดดจัดและอากาศค่อนข้างจะร้อน และเราไม่ได้ทำการวอร์มยางให้อุ่นก่อนการขี่ผลปรากฏว่า มันให้ความหนึบที่พอดีๆ ไม่มากและไม่น้อยจนเกิดไป และเราได้ลองเปลี่ยนมาใช้ยาง BATTLAX RACING R10 ก็ได้ผลลัพทธ์ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นยางที่ติดมาจากโรงงานก็สอบผ่านแบบสบายๆ
สำหรับ Yamaha YRF-R6 นั้นมีกล่อง ECU หรือสมองกลอัจฉริยะ ที่ทำงานร่วมกับ Quickshifter ในจังหวะที่เราลดเกียร์ลงนั้นจะมีระบบ auto-blipping ทำให้มีอาการสะบัดของตัวรถที่ไม่มากนัก ซึ่งมะนทำให้การขับขี่ของเราง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
ในการทดสอบสุดท้ายเรียกได้คราวนี้เราอัดกันเต็มๆ กำลังของเครื่องยนต์เรียกได้ว่ามาอย่างต่อเนื่องยิ่งเร่ง ก็ยิ่งมา จนบางครั้งเราเผลอคิดว่าเจ้า R6 คันนี้มันใช่รถ SportBike จริงๆเหรอ ด้วยพละกำลังที่มาเต็มการควบคุมที่ง่ายดายจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ไหลลื่น และการเข้าออกโค้งที่ทรงพลัง ต้องบอกเลยว่า เจ้า R6 นั้น ให้ความดุดัน เกรี้ยวกราดแต่ยังมีความเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก
สิ่งเล็กๆน้อยที่น่าสนใจ อย่างเช่นระบบไฟส่องสว่าง LED และไฟท้ายที่ให้ความสว่างเป็นอย่างมาก รวมไปถึงพักเท้าที่ออกแบบมาได้ดีและตำแหน่งของมันก็ทำให้ท่าทางของผู้ขับขี่ดูเหมือนนักแข่งในสนาม การออกแบบที่ทันสมัยซึ่งอาจจะทำให้เจ้า R6 คันนี้อยู่กับคุณไปยาว ซึ่งทางทีมงานคิดกันว่ามันน่าจะอยู่ได้ราวๆ10 กว่าปีเลยทีเดียว
ที่น่าประทับใจเป็นที่สุดคือการเข้าโค้งในรูปแบบของสปอร์ต ที่เราสามารถทิ้งโค้งได้อย่างมั่นใจ ระบบท่อไอเสียจากโรงงานที่อาจจะทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มแต่มันก็ทำงานได้อย่างดี รวมไปถึงระบบเบรกที่เหมาะสมกับการใช้งานบนท้องถนน ให้อารมณ์แบบสปอร์ตเต็มขั้นสมกับรูปลักษณะภายนอกของมัน และต้องบอกเลยว่าหากคุณยังมองหารถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งคลาส 600 cc นั้น Yamaha YZF-R6 ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้
สนนราคาของเจ้า All New Yamaha YZF-R6 ในบ้านเราจะอยู่ที่ 549,000 บาทซึ่งเพื่อนๆสามารถจองรถได้ที่ Yamaha Rider Club ทั่วประเทศแล้ว ย้ำกันอีกครั้งนะครับว่านี้เป็นการทดสอบจากสื่อต่างประเทศทางฝั่งยุโรปที่สเปคของรถอาจจะไม่เหมือนกันของที่นำมาวางขาย ในประเทศไทย 100% หากทีมงาน GreatBiker ได้มีโอกาสทดสอบเจ้า R6 คันนี้ เราจะนำมาเสนอเพื่อนๆอย่างแน่นอนครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.