Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

ไม่อ่านระวังคุยกับเพื่อนไม่เก็ท!!! กับวิธีการดู MotoGP ยังไงให้สนุก กับการแข่งขันครั้งแรกในประเทศไทยก่อน Winter Test เร็วๆ นี้

สุดยอดการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ที่จัดมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 80 ปี โดยเริ่มต้นการแข่งขันในฤดูกาลแรกในปี 1949 ภายใต้รายการ World Champion Motorcycles Grand Prix และได้เปลี่ยนมาเป็น MotoGP ในปี 2002 เนื่องในการแข่งขันปี 2018 นี้ประเทศไทยได้ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในสนามการแข่งขันของรายการนี้ด้วย วันนี้ทาง GreatBiker ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับความเป็นมาและกฏกติกาในการแข่งขันกัน เพื่อที่จะทำให้เราได้เข้าใจและดูการแข่งขันได้สนุกแบบสุดขีดนั่นเอง

ประวัติศาสตร์ของ MotoGP แบบสรุปอย่างย่อ
โดยในปี 1949 ปีแรกของการแข่งขันนั้นมีถึง 5 ระดับในการแข่งขัน ประกอบไปด้วย 125 ซีซี 250 ซีซี  350 ซีซี 500 ซีซี และ Sidecar โดยใช้เครื่องยนต์แบบ สองจังหวะ และมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับนวัตกรรมของเครื่องยนต์รุ่นใหม่ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 2002 ในการเปลี่ยนชื่อรายการแข่งขันจากเดิมมาเป็น MotoGP และได้ปรับเรื่องของเครื่องยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน และจำแนกประเภทออกมาได้ 3 รุ่น ประกอบไปด้วย MotoGP ที่มาทดแทนระดับ 500 ซีซี โดยมีการวางกฎกติกาที่ชัดเจนว่าจะต้องใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ และเครื่องยนต์จะต้องมีขนาดความจุของกระบอกซีซีตั้งแต่ 800 – 1000 ซีซี หรือหากเป็นเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะจะต้องมีขนาดความจุไม่เกิน 500 ซีซี  โดยยังคงระดับ 125 ซีซี และ 250 ซีซี ไว้เช่นเดิม ซึ่ง ในปี 2010 ก็มีการออกกฎใหม่ บังคับให้ทีมแข่งขันนั้นจะต้องใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะเท่านั้น โดยขนาดความจุจะต้องอยู่ที่ 800 – 1000 ซีซี และจะต้องมีน้ำหนักตัวรถที่ไม่ต่ำกว่า 160 กิโลกรัมขึ้นไป ห้ามใช้ชิ้นส่วนแฟร์ริ่งหรือโครงสร้างที่ผลิตจากไทเทเนียม รวมไปถึงห้ามติดตั้งระบบ Super Charger หรือระบบ Turbo เข้ามาช่วยเพิ่มความแรงของตัวรถ


Valentino Rossi หมายเลข 46 ผู้ครองแชมป์สูงสุด 9 สมัย กับปีสุดท้ายของการแข่งขัน MotoGP

นี่เป็นประวัติแบบคร่าวๆ ของการแข่งขัน MotoGP ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรให้เราสามารถซึมซับความสนุกสนานของกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้นั้นจะต้องมีความเข้าใจในกติกาและการให้คะแนนเสียก่อน โดยเราจะมาดูการให้คะแนนของแต่ล่ะสนามการแข่งขัน และกติกาของการแข่งขันที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆได้ทราบโดยทั่วกันนะครับ

 กติกาการแข่งขันโดยสังเขป

  • นักแข่งจะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปี และไม่เกิน 50 ปี
  • รถที่ใช้ในการแข่งขันจะต้องมีขนาดเครื่องยนต์ไม่ต่ำกว่า 800 ซีซี และไม่เกิน 1000 ซีซี
  • ห้ามติดตั้งระบบ Super Charger หรือ Turbo หรือระบบแปรผันของการอัดอากาศมาใช้ในการแข่งขันโดยเด็ดขาด
  • ห้ามให้ทีมแข่งขันใช้ชิ้นส่วนแฟร์ริ่งและตัวถังรถที่ผลิตจากวัสดุ ไทเทเนียม
  • ห้ามใช้หัวหรือกระบอกลูกสูบที่ผลิตจาก คาร์บอน
  • น้ำหนักของตัวรถเมื่อรวมกับของเหลวแล้วจะต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 157 กิโลกรัมขึ้นไป
  • เครื่องยนต์ต่อ 1 นักแข่งสามารถใช้ได้สูงสุด 5 เครื่องต่อหนึ่งฤดูกาลเท่านั้น หากใช้เกินจะต้องถูกลงโทษด้วยการออกสตาร์ทจาก Pit Lane หลังจากนักแข่งทั่วไป ออกสตาร็ทไปแล้ว 10 วินาที
  • กติกา Flag To Flag นักแข่งสามารถเข้ามาเปลี่ยนรถคันใหม่ได้ โดยรถคันที่สองจะต้องเซ็ทอัพไว้ก่อนที่จะออกสตาร์ท ซึ่งกติกานี้เป็นกติกาที่เริ่มใช้ในปี 2017 เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุใน Pit Lane
  • กติกา Green Zone กติกานี้เกิดขึ้นเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในการแข่งขัน โดยขอบสนามที่ทาสีเขียวไว้นั้นจะเป็นพื้นที่ห้ามข้าวของนักแข่ง หากใครเผลอหรือจงใจเข้าสู่ Green Zone นั้นจะถูกปรับให้คืนอันดับ หรือเพิ่มเวลาแล้วแต่กรณี
  •  กติกาการใช้ยาง ยางของการแข่งขันในระดับ MotoGP นั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ก็คือ ยางแห้ง และยางเปียก โดยยางแห้งนั้นจะมีการแบ่งประเภทตามความหนาของผิวยางแบ่งออกได้ 3 แบบ Hard Medium และ Soft ส่วนยางเปียกนั้นจะมีระดับความแข็งเพียง 2 ระดับคือ ยาง  Hard และ Medium
  • จำนวนยางที่สามารถใช้ได้สูงสุดในการทดสอบ 1 ฤดูกาลอยู่ที่ 120 ชุด ไม่รวมยางที่ใช้แข่งจริง


การลงโทษนักแข่งเมื่อละเมิดกติกา
MotoGP ใช้ระบบการสะสมคะแนนจากความประพฤติในสนามการแข่งขัน ซึ่งจะว่ากันไปเป็นกรณี เช่นการขับขี่หวาดเสียวเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ พฤติกรรมก้าวร้าวในสนามการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งการไม่เคารพเพื่อนนักแข่งด้วยกันเอง โดยมีการวางโทษ ไว้ ด้วยกัน 3 ระดับ เมื่อสะสมครบ 4 คะแนนจะถูกลงโทษให้ออกสตาร์ทจากแถวหลังสุด เมื่อสะสมครบ 7 คะแนนจะได้ออกสตาร์ทจาก Pit Lane ซึ่งมีการจำกัดความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สะสมครบ 10 คะแนนรับโบนัสถูกสั่งห้ามแข่งในสนามต่อไปทันทีโดยไม่ต้องขออุทธรณ์ โดยการลงโทษนั้นจะมีอายุ 1 ปี หลังจากการรับโทษ ซึ่งหากมีการพฤติผิดซ้ำจะมีการสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 1 ปี ยกตัวอย่างเช่น นักแข่งทำกิริยาก้าวร้าวในสนามการแข่งขัน คณะกรรมการลงโทษปรับ 1 คะแนนในวันที่ 1 ตุลาคม 2017 อายุของคะแนนที่สะสมจะหมดลงในวันที่ 1 ตุลาคม 2018 แต่ถ้าหากนักแข่งไปทำผิดในช่วงเวลาของอายุบทลงโทษเช่น ทำผิดซ้ำในวันที่ 3 มีนาคม 2018 โดนปรับ 2 คะแนน ตัวนักแข่งจะมีคะแนนสะสมที่ 3 คะแนนละจะหมดอายุใน วันที่ 3 มีนาคม 2019 เป็นต้น

ทำความเข้าใจการแข่งขัน
โดยทั่วไปแล้วส่วนใหญ่จะชื่นชอบรับชมการแข่งขันในวันจริง ซึ่งจะตรงกับวันอาทิตย์ในการแข่งรายการต่างๆ แต่มีไม่มากเท่าไหร่นักที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว MotoGP เค้าเริ่มแข่งกัน 3 วันนะจ๊ะ โดยแบ่งออกเป็น วันที่ 1 : Practice Day ที่จะเป็นวันซ้อมก่อนการแข่งขันจะมีรอบ FFP1 – 2 โดยแต่ล่ะรอบนั้นจะมีการจับเวลา 45 นาที ต่อการซ้อม 1 รอบ วันที่ 2 : Qualifying Day โดยจะมีการฝึกซ้อมทั้งสิ้น 2 รอบ ในรอบ FFP3-4 ซึ่งในรอบ FFP3 นั้นจะใช้เวลาทั้งสิ้น 45 นาที และ 30 นาที ใน FFP4 โดยในรอบ FFP3 จะมีการจับเวลาหา 10 นักแข่งที่ทำเวลาในแต่ Sector ได้ดีที่สุด เข้าสู่รอบ Q2 (Qualify 2) โดยในรอบ Q2 นั้นถือว่าเป็นการผู้ที่จะได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งต่างๆ และหากใครสามารถเข้าไปในรอบ Q2 ได้จะการันตีการออกสตาร์ทที่เส้นที่ 12 เป็นอย่างต่ำ (หากไม่ทำผิดกฎและสะสมคะแนนครบตาม มาตราที่ตกลงกันไว้) โดยนักแข่งที่ไม่ได้ไปรอในรอบ Q2 นั้นจะต้องผ่านการ Q1 (Qualify 1) โดยจะหา 2 นักแข่งที่ทำเวลาได้ดีที่สุดเข้าไปยังรอบ Q2 สมทบกับนักแข่ง 10 คนที่ผ่านเข้ารอบไปก่อนหน้านี้  โดยกำหนดเวลาของ Q1 นั้นจะอยู่ที่ 15 นาที และ Q2 อีก 15 นาที โดยนักแข่งจะออกมาวิ่งในช่วงเวลาใดก็ได้ภายใน 15 นาที ที่กำหนดไว้ โดยสามารถกลับเข้าไปพัก และออกมาวิ่งใหม่ โดยห้ามให้มีการปรับแต่งตัวรถในขณะที่เข้าไปพักใน Pit  วันที่ 3 : Race Day จะมีการออกไปวิ่ง 2 รอบ คือ Warm Up จะเป็นการออกวิ่งครั้งสุดท้ายและทำการเซ็ทอัพรถเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการแข่งขันจริง และในรอบ Race เข้าสู่การแข่งขันที่จะเป็นการแข่งขันจริง ซึ่งการชมแบบต่อเนื่องทั้ง 3 วันในการแข่งขันนั้นจะทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของบรรดานักแข่งและทีมแข่งอย่างชัดเจน และจะได้เห็นการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ทางทีมงานและนักแข่งนั้นจะแก้ไขเพื่อให้ตัวเองไปได้เร็วที่สุดในสนามการแข่งขันนั่นเอง


Johan Zarco เจ้าของตำแหน่ง Rookies of The Year เมื่อฤดูกาล 2017

การให้คะแนนหลังจบการแข่งขัน
คะแนนการแข่งขันนั้นถูกวางระบบไว้โดยผู้ชนะในแต่ล่ะสนามจะได้รับ 25 คะแนน อันดับที่สอง 20 คะแนน และอันดับที่สาม 16 คะแนน โดยจะลดระดับของคะแนนลงไปเรื่อยจนถึงผู้เข้าเส้นชัยที่อันดับ 15 จะได้ 1 คะแนน หากใครเข้าเส้นชัยต่ำกว่าหรือไม่จบการแข่งขันไม่ว่ากรณีใดจะไม่ได้รับคะแนนแม้นแต่คะแนนเดียว

การให้คะแนนหลังจากการแข่งขัน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่กำลังให้ความสนใจใน MotoGP กีฬามอเตอร์สปอร์ตที่เรียกได้ว่าเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดของวงการกีฬาเลยก็ว่าได้ หากเพื่อนๆ ทำความเข้าใจและศึกษามันให้ลึกลงไปจะรู้ว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่เราไม่ได้ลงลึกไว้ให้ (คิดว่าแค่นี้ก็ดูจะหนักเกินไปล่ะ ฮ่าๆ ) โดยทั้งหมดนี้เป็นกฎกติกาเฉพาะของการแข่งขันนี้เท่านั้น โดยในรายการอื่นๆ อย่าง WSBK, British Motorcycles Grand Prix หรือ AMA ของฝั่งอเมริกานั้นจะมีกติกาที่แตกต่างกันออกไป  โดยฤดูกาล 2018 ของ MotoGP นั้นจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 18 มีนาคม 2018 ที่ประเทศการตาร์ในรายการ Grand Prix of Qatar ที่สนาม Losail International Circuit โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของการแข่งขันและผลการแข่งขันได้ที่ GreatBiker.com เช่นเคยครับ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com  www.motorsport.com