วิเคราะห์สนาม Autodromo Termas de Rio Hondo สนามที่สอง MotoGP 2018
พักกันไปเกือบหนึ่งเดือนเต็มก่อนที่จะกลับมาทำการแข่งขันกันต่อ กับรายการมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ประจำฤดูกาล 2018 สนามลำดับที่สอง ที่จะจัดขึ้นที่สนาม Autodromo Termas de Rio Hondo ที่ประเทศอาร์เจนติน่า ในค่ำคืนวันอาทิตย์รุ่งเช้าของวันจันทร์ตามเวลาประเทศไทย และเช่นเคยที่พวกเราทีมงาน GreatBiker จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับสนาม Autodromo Termas de Rio Hondo สนามที่มีชื่อยาวแห่งนี้ให้ละเอียดตามสไตล์ของพวกเรากันครับ
โดนสนาม Autodromo Termas de Rio Hondo ได้เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1960 โดยใช้ชื่อสนามว่า Autodromo Juan Oscar Galvez โดยการตั้งชื่อสนามนั้นได้ถือเป็นการให้เกียรติกับสองพี่น้องนักแข่งรถชาวอาร์เจนไตน์นามว่า Juan Galvez และ Oscar Alfredo Galvez ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจากผลงานการคว้าแชมป์โลกรถฟอร์มูล่าวันในปี 1953 ของ Oscar Alfredo Galvez พี่ชาย และผลงานแชมป์ 9 สมัยของน้องชายในรายการ Turismo Carmetera Championship ตั้งแต่ปี 1959 จนถึงปี 1961 โดยได้ใช้ชื่อนี้ยาวนานกว่า 36 ปีก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อในปัจจุบัน
สองพี่น้อง Juan และ Oscar Alfredo Galvez
Layout ล่าสุดของสนาม Autodromo Termas de Rio Hondo จะประกอบไปด้วย ความยาวหนึ่งรอบสนามเท่ากับ 4.8 กิโลเมตร มีจำนวนโค้งทั้งสิ้น 14 โค้ง ประกอบไปด้วย โค้งซ้าย 5 และโค้งขวา 9 ตัวสนามมีความกว้าง 16 เมตร และมีทางตรงยาวที่สุด 1.075 กิโลเมตร ในระดับ MotoGP จะลงทำการแข่งขันกันทั้งสิ้น 25 รอบสนาม สถิติของสนาม มีการใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 172.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Top Speed 334.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากการลงทำการขับขี่ของ Hector Barbera ในปี 2017 ที่ผ่านมา เวลาของ Circuit Record 1ง396.019 นาที ซึ่งเป็นผลงานของ Valentino Rossi ที่ทำได้ในปี 2015 บนรถ Yamaha YZR-M1 สถิติการคว้าแชมป์สูงสุด Marc Marquez 2 ครั้ง (MotoGP 2014.2016) Valentino Rossi 2 ครั้ง (MotoGP 2015 และ 250 cc 1998 ) และ Johan Zarco 2 ครั้งเช่นเดียวกัน (Moto2 2015,2016)
จุดอันตรายของสนาม Autodromo Termas de Rio Hondo
สิ่งแรกที่บรรดานักแข่งจะต้องจัดการให้ได้ก็คือการที่สนามแห่งนี้มีจำนวนโค้งซ้ายและขวาที่ไม่เท่ากัน ซึ่งนั้นจะต้องมีการจัดการบริหารการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด ซึ่งด้านที่มีการใช้งานที่หนักกว่านั้นจะมีการยึดเกาะของพื้นผิวสนามที่ลดน้อยลง ต้องคำนวนการใช้งานตามจำนวนรอบของการแข่งขันให้เหมาะสมที่สุด ส่วนในเรื่องของจุดอันตรายต่างๆ นั้นมีกระจายอยู่ทั่วทั้งสนาม โดยเฉพาะในโค้งแรกของสนาม ที่จะเป็นทางตรงระยะสั้นๆ ผ่านแกรนด์แสตนด์แล้วจะเจอกับโค้งขวาแบบ High Speed ที่หากไม่ได้ควบคุมความเร็วให้พอที่จะควบคุมได้ก็อาจจะหลุดออกจากแทร็กไปนอนกลิ้งได้ง่ายๆ และจุดที่พีคที่สุดของสนามแห่งนี้ก็คือโค้งที่ 8 ที่จะเป็นโค้งต่อเนื่องจากทางตรงยาวที่สุดของสนาม ซึ่งแน่นอนว่าบรรดานักแข่งจะกระแทกคันเร่งจากทางตรงกันอย่างเต็มที่แล้วจะเจอโค้งที่ 8 ซึ่งเป็นโค้งขวาแคบลงเนินเล็กน้อย ซึ่งจะต้องมีการใช้เบรกที่หนักมากๆ ซึ่งอาจจะมีการเกิดอาการควบคุมรถไม่อยู่ได้
สำหรับการแข่งขันสนามที่สองนี้ จะถูกจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 เมษายนนี้ เวลา 01.00 น. (คืนวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน รุ่งเช้าวันจันทร์ที่ 9 เมษายน) ตามเวลาประเทศไทย โดยจะมีการฝึกซ้อมในรอบ FFP1 ในค่ำคืนของวันศุกร์ และการฝึกซ้อม FFP2-4 รวมไปถึงการ Qualify หาผู้ออกสตาร์ทในตำแหน่งที่ดีที่สุดของสนามในคืนวันเสาร์ที่ 7 เมษายน นี้ โดยเพื่อนๆสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันในรอบจริงได้ที่ PPTV HD หมายเลข 36 หรือสามารถติดตามผลการแข่งขันได้ที่ GreatBiker.com ที่เดิมครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.