Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

Taro GP2 150 คู่แข่งมาแรงของสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งคลาส 150 ซีซี

taro-gp2-150cc-ijo

Taro ค่ายรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศไต้หวัน กับการลงสู่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งคลาส 150 ซีซี ท้าชนกับค่ายรถยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น กับเจ้าโมเดลใหม่ล่าสุด Taro GP2 150 ที่ดูบึกบึนไม่ใช่น้อย

สำหรับ Taro แล้วแฟนๆ รถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ในประเทศไต้หวันแล้ว Taro นับว่าเป็นแถวหน้าของผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์ในประเทศ โดยมีโมเดลออกมาก่อนหน้านี้แล้วมากมาย โดยที่เรียกกระแสได้มากที่สุด ก็คงไม่พ้นเจ้า Taro GP One 400 Virus รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง พิกัด 400 ซีซี ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา

ล่าสุดทาง Taro ได้ลดขนาดของเครื่องยนต์เจ้า GP One 400 ลงให้เหลือเพียง 150 ซีซี และเปลี่ยนเป็นโมเดล Entry Level ที่คาดว่าจะสร้างกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่และผู้ที่มีความชื่นชอบในรถสปอร์ตโดยมีจุดแข็งที่สุดก็คือเรื่องของราคาจำหน่ายที่ถือว่าอาจจะใกล้เคียงกับรถคลาสเดียวกันจากประเทศญี่ปุ่นแต่ด้วยสเปกและอุปกรณ์นั้นจัดเต็มกว่าพอสมควร

2019 Taro GP2 มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 16 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.5 NM ที่ 7,000 รอบต่อนาที โครงสร้างตัวถังแบบ Delta Box มีชิ้นส่วนแฟร์ริ่งแบบปิดเต็มคันให้อารมณ์รถในสนามการแข่งขัน โดยจุดเด่นที่เรียกว่าเป็นจุดขายของเจ้า Taro GP2 ก็คือระบบเบรกหน้าที่เป็นดิสก์เบรกแบบคู่ให้อารมณ์ความเป็นรถ Big Bike เทียบเคียงรถในระดับ Supersport ได้เลยทีเดียว

นอกเหนือจากเครื่องยนต์แล้ว Taro GP2 ยังมีความทันสมัยด้วยระบบไฟแบบ LED รอบคัน หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic กันสะเทือนหลังแบบ Monoshock ที่สามารถปรับระดับได้ อีกทั้งวงล้อแม็กขนาด 16 นิ้วที่ไม่เหมือนใครมาพร้อมกับยางขนาด 110/70-16 และ 140/70-16 ด้วยวงล้อที่เล็กกว่าใครทำให้ความสูงเบาะนั่งของเจ้า Taro GP2 นั้นมีความสูงอยู่ที่ 785 มิลลิเมตร ถังน้ำมันจุได้ 11.5 ลิตร น้ำหนักรถโดยรวมอยู่ที่เพียง 140 กิโลกรัมเท่านั้น





สำหรับ 2019 Taro GP2 150 นั้นจะวางจำหน่ายพร้อมกัน 3 สี โดยมีสีสันที่อิงจากค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นทั้งสีขาว-แดงที่คล้ายกับ Honda CBR150 สีน้ำเงิน-ขาวที่ให้อารมณ์คล้ายกับ Yamaha YZF-R3 ตัวแรก และสีเขียว-ดำที่ดูเผินๆ แล้วกระเดียดไปทาง Kawasaki Ninja อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีสีแดง-ดำ และสีส้ม-ดำ โดยมีการวางราคาจำหน่ายในประเทศไต้หวันที่ราคาประมาณ 106,000 บาท สำหรับการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้นคงจะต้องรอกันอีกนานเพราะ Taro เองยังไม่มีแผนการณ์ในการทำตลาดในประเทศไทยในตอนนี้

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก warungasep.net