Vespa Primavera (Specs Review)
เดียวนี้ต้องบอกเลยว่ารถสกู๊ตเตอร์ถือว่าได้รับความนิยมในตลาดมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างมากในบ้านเรา ดูได้จากหลายๆ ค่าย เปิดตัวรถแต่ละรุ่น ล้วนแต่เป็นมอเตอร์ไซค์ AT ทั้งนั้น และอีกหนึ่งค่ายที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากคงหนีไม่พ้นค่ายเวสป้า โดยบริษัท เวสปิอาริโอ ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน Greatbiker ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับหนึ่งในรุ่นของเวสป้าอย่างเจ้า Vespa Primavera ตัวล่าสุด….สำหรับเจ้า Vespa Primavera ได้เผยโฉมครั้งแรกตั้งแต่ปี 1968 ซึ่งก็จะเกือบๆ 50 ปีมาแล้ว ที่เป็นหนึ่งในรุ่นของเวสป้าที่อยู่ในตำนานมากันเลยทีเดียว และพร้อมให้แฟนๆ สาวกคนรักเวสป้าได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้ว
เจ้า Vespa Primavera ถือเป็นหนึ่งในรถอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเลย แต่สำหรับรถสกู๊ตเตอร์ Vespa Primavera รุ่นล่าสุดนี้ ก็ยังคงได้รับการออกแบบในแนวทางความเป็นคลาสสิกอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าดวงกลมๆ ที่ออกแบบมาให้เป็นชิ้นเดียวกันกับแฮนด์รถ ตัวกระจังหน้าทรงโค้งที่มีขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่การวางพักเท้าหน้าที่มีขนาดพอเหมาะ ถัดลงมามาดูกันที่เบาะนั่ง ก็ได้มีการออกแบบไปตามหลักสรีระเพิ่อความสะดวกสบายในทุกเวลาการขับขี่นั่นเอง
มาต่อกันที่ระบบไฟหน้าเป็นแบบ ในขณะที่ไฟท้ายในรุ่นใหม่นี้ก็ได้รับการออกแบบใหม่แตกต่างจากรุ่นเดิมดูแล้วมีมิติเพิ่มมากขึ้น ให้ความสว่างโดดเด่นอย่างชัดเจนด้วยการใช้หลอดไฟแบบ LED เจ้า Vespa Primavera อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า Vespa เป็นรถที่ตัวถังผลิตด้วยวัสดุเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งขยายพื้นที่ช่องเก็บของใต้เบาะเป็น 16.6 ลิตร มาพร้อมกับมาตรวัดจอแสดงผลแบบใหม่ ผสมผสานกันทั้งอนาล็อคและดิจิตอลกันได้อย่างลงตัวและสวยงาม
มาดูกันในเรื่องของหัวใจกำลังการขับเคลื่อนกันสักหน่อย
ตัวเครื่องยนต์สำหรับเจ้า Vespa Primavera มีมาให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ทั้งในรุ่น 125 ซีซีและ 150 ซีซี เรามาเริ่มต้นกันที่รุ่น 125 ซีซี เป็นบล็อกเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 3 วาล์ว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งสามารถให้กำลังสูงสุดที่ 9.6 แรงม้า แรงบิดที่ 9.5 นิวตันเมตร และอีกตัวหนึ่งก็คือรุ่น 150 ซีซี เป็นบล็อคเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 3 วาล์ว 4 จังหวะอีกเช่นกันแต่มีความจุของกระสอบสูบที่ใหญ่ขึ้น 150 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังแรงม้าที่ 11.6 แรงม้า แรงบิดที่ 12 นิวตันเมตร ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองตัวนี้ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทำให้อัตราการประหยัดน้ำมันทำได้คุ้มค่าสูงสุดถึง 64 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมากเลยทีเดียว (ระบบการจ่ายน้ำมันเป็นแบบหัวฉีด)
นอกจากนี้แล้ว เจ้า Vespa Primavera ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามและประณีต และยังคงไว้ซึ่งกลิ่นไอความเป็นรถคลาสสิคสัญชาติอิตาลี อีกหนึ่งความภูมิใจที่ Vespa อยากจะนำเสนอ นั่นก็คือ เรื่องของการควบคุมที่ให้ความนุ่มนวล ด้วยการปรับปรุงระบบแขนยึดตัวเครื่องยนต์แบบ 2 จุด ระบบกันสะเทือนหน้าที่ให้มาเป็นแบบโช้คอัพไฮโดรลิกเดี่ยว ส่วนในระบบกันสะเทือนหลังให้มาเป็นแบบโช้คอัพที่สามารถปรับระดับความแข็งแรงได้ถึง 4 ระดับ ถัดมาที่ระบบเบรกห้ามล้อ ในส่วนของด้านหน้าให้มาเป็นแบบดิสก์เบรกและด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก อยู่คู่กับล้อขนาด 11 นิ้ว ที่รัดด้วยยางแบบ Tubeless ให้ความทนทานในการใช้งาน มิติตัวถังรถยาว 1,852 มิลลิเมตร กว้าง 680 มิลลิเมตร และสูง 1,334 มิลลิเมตร สรุปโดยภาพรวมถ้าเทียบกับความคุ้มค่าและการขับขี่ที่สนุกในการใช้งานในเมือง ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
สำหรับราคาค่าตัวของเจ้า Vespa Primavera สำหรับในรุ่น 125 ซีซี สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 95,400 บาท และในรุ่น 150 ซีซี สนราคาค่าตัวอยู่ที่ 115,900 บาท ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบความเป็นตำนานและความคลาสสิคเท่ห์อย่างมีสไตล์ ก็ถือว่าตอบสนองความคุ้มค่าของคุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว กับกลิ่นไอความเป็นรถสัญชาติอิตาลีนั่นเอง
สีในรุ่น Vespa Primavera 125 ซีซี
สีในรุ่น Vespa Primavera 150 ซีซี
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : vespa.co.th