New Honda CBR250RR ทำมาขายใคร? ทำไมต้องราคานี้?!!
อาจจะดูว่าจั่วหัวแรงไปนิดนะครับ แต่ในฐานะที่ทางเราติดตามข่าวนี้มาตลอดอย่างยาวนาน ไล่ไปตั้งแต่รถคอนเซ็ปท์ ข่าวลือต่างๆ และการเปิดตัวกันในประเทศอินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และล่าสุดก็กับการนำเข้ามาขายกันที่ประเทศไทยเรา กับ New Honda CBR250RR รถสปอร์ตเรพลิก้าคันเก่งจากทางค่ายปีกนก ที่ถือว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 อย่างเป็นทางการ ที่มีการวางจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้กัน ก็อยากจะขอวิเคราะห์ดูกับกระแสที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ที่มีต่อการเปิดตัวโมเดลนี้แบบสดๆ ร้อนๆ กันในงานมอเตอร์โชว์ 2019
ย้อนกลับไปในครั้งแรกกับการเปิดตัวรถแบบคอนเซ็ปท์กันในงาน Tokyo Motor Show ก็ได้สร้างความฮือฮากันไปทั่วโลกในทันที เพราะในเวลานั้นทาง Honda เองยังไม่มีรถสปอร์ตแฟริ่งแบบ 2 สูบเรียงในคลาส 250 สำหรับยุคนี้เลย ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Kawasaki และ Yamaha เองนั้นก็ได้ทำตลาดกันมาอย่างเมามันครับ กับโมเดลอย่าง Ninja 250/300 และ YZF-R25/R3 และกระแสความร้อนแรงของรถคอนเซ็ปท์ต้นแบบเจ้า CBR250RR นั้น ก็สร้างความตื่นตัวให้กับไบค์เกอร์ชาวไทยส่วนมากโดยทันที แบบประมาณว่ารีบๆ เอามาเปิดตัว เอามาขายกันพรุ่งนี้เลยได้มั้ย?!
และหลังจากนั้นพักหนึ่ง ก็ได้มีการเปิดตัวเวอร์ชั่นแบบวางขายกันจริงๆ เป็นครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศแรกสุดที่มีการผลิตออกมา โดยเป็นผลงานของ ASTRA Honda หรือ AHM (Honda ประเทศอินโดนีเซีย) เพื่อการแข่งขันในสนาม และวางจำหน่ายกันในท้องตลาด และแทบจะทันทีเจ้า CBR250RR ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่าไบค์เกอร์ชาวอินโดนีเซีย รวมไปถึงได้รับรางวัล Bike of The Year และต่อจากนั้นก็เป็นคิวของประเทศแม่อย่างญี่ปุ่นกันบ้าง ที่มีการวางขายเจ้า CBR250RR กัน โดยไม่ได้เป็นการนำเข้าทั้งคันจากประเทศอินโดนีเซียอย่างที่บางคนเข้าใจแต่อย่างใดครับ แต่พวกเขาผลิตภายในประเทศกันเองเลย และมีความแตกต่างกันเล็กน้อย อย่างเช่นในเรื่องของไฟเลี้้ยวด้านข้างที่จะเป็นแบบแยกออกมาด้านข้างหน้ากาก ต่างกับของอินโดนีเซียที่จะฝังไปในไฟหน้าเลย ในส่วนที่ต้องแยกออกมานั้น ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า หากจะเอาไปแข่งในสนาม ก็แค่ถอดไฟเลี้ยว และบังโคลนท้ายออกเท่านั้นครับ ก็จะกลายเป็นรถที่พร้อมแข่งทันที
โดยที่ตัวรถ CBR250RR นั้นโดดเด่นด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside Down ครับ ซึ่งเป็นความประทับใจแรกสุดที่เราพบเจอได้จากมัน ที่จะต้องบอกว่าในช่วงเวลานั้นทั้ง Ninja 250 หรือ YZF-R25 นั้นไม่มีการใส่มาให้ (ก่อนที่ New YZF-R3 จะใส่มาในเวอร์ชั่นล่าสุด) รวมไปถึงโช้คอัพด้านหลังที่สามารถปรับได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดแรกเท่านั้น เราจะต้องไปโฟกัสกันต่อในเรื่องของตัวเครื่องยนต์ ที่เป็นเครื่องลูกใหม่เอี่ยมที่ได้รับการพัฒนามา เพื่อให้มันเป็นรถในรหัส RR กันอย่างแท้จริง
คาแรกเตอร์ของเครื่องยนต์ ที่สามารถลากรอบเรดไลน์ได้สูงสุดในแต่ละเกียร์ได้ถึง 14,000 รอบต่อนาที ตรงนี้ถือว่าไม่ธรรมดา พร้อมกับความจุกระบอกสูบขนาด 249.7 cc แบบ 2 สูบเรียง ให้แรงม้าสูงสุดที่ 38 PS และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 23 นิวตันเมตร มีการออกแบบท่อแรมแอร์ เพื่อนำอากาศเข้าสู่หม้อกรองอากาศ เพื่อทำให้เครื่องยนต์นั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีการออกแบบแคมชาฟท์ในลักษณะเดียวกันกับรถซุปเปอร์ไบค์ในคลาสใหญ่ๆ เพื่อให้อัตราเร่งและแรงม้าของตัวรถนั้น สามารถรีดออกมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับการออกแบบหัวลูกสูบและกระบอกสูบอย่างปราณีตทุกขั้นตอน เมื่อเราพิจาณาดูจากตัวเลขและรยาละเอียดต่างๆ เบื้องต้นตรงนี้ ก็จะเห็นได้ชัดเจนครับ ว่าทางผู้พัฒนานั้น ตั้งใจจะให้มันมีฟีลลิ่งแบบรถสปอร์ตอย่างเต็มตัว จากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทำตลาดกันในคลาส CBR250R และ CBR300R ที่เป็นรถแบบสูบเดียว เน้นการขับขี่แบบทั่วๆ ไปเท่านั้น และไหนๆ ครั้งนี้จะต้องเป็นรหัส RR แล้วคงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเท่านั้น
อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่นกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกันก็คือในเรื่องของคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน 3 โหมดครับ ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะทราบกันแล้วว่ามันประกอบไปด้วยโหมด Comfort, Sport และ Sport + ซึ่งคันเร่งไฟฟ้าอันนี้จะส่งสัญญาณจากคันเร่งไฟฟ้าไปยังกล่องสมองกลหรือว่า ECU เพื่อให้คำนวณอัตราการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมัน ที่แตกต่างกันในแต่ละโหมด ตรงนี้ถือว่าเป็นความชาญฉลาดอย่างหนึ่งของทางค่าย Honda ที่ตั้งใจทำโมเดลนี้มาเพื่อขายทั้งคนที่ต้องการนำไปใช้งานในสนามแข่ง และคนที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วย ตัวรถ CBR250RR ยังมาพร้อมกับโครงถักแบบ Truss Frame ที่ให้ความแข็งแรงทนทาน และก็ได้ในเรื่องของความสวยงามยามที่มันมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถด้วย
ทีนี้เมื่อมันมาขายกันในบ้านเราแล้ว ก็เรียกได้ว่าสมหวังกับคนที่เฝ้ารอรถคันนี้กันมาอย่างยาวนานเสียที เพราะเชื่อว่าในทีแรกทาง A.P. Honda เองนั้นก็ยังไม่ได้ฟันธง 100% ว่าจะเอาเข้ามาขายบ้านเรากันหรือไม่ โดยเฉพาะในทีแรกที่จะเป็นการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย แต่เมื่อมีการผลิตกันในญีปุ่นด้วย ก็พอจะมองเห็นความเป็นไปได้ในตอนนั้นอยู่เล็กๆ ครับ เพราะ Honda บ้านเราเองนั้นก็ได้นำเข้ารถในคลาสใหญ่ๆ จากทางญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพียงแต่ในคลาส 250cc นั้นยังไม่เห็นในยุคนี้ แต่ก็ได้มีผู้ใช้งานหลายต่อหลายคนในบ้านเรา ที่เรียกร้องเป็นอย่างมาก ให้ทาง A.P. Honda ขายรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้ามาหรือจะประกอบกันในบ้านเราก็ตาม
ตรงนี้เองเราอาจจะต้องจำแนกกลุ่มของผู้ที่เรียกร้องให้ CBR250RR มาขายบ้านเราออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ครับ คือกลุ่มแรกที่เข้าใจในเรื่องของคาแรกเตอร์ตัวรถ, รหัส RR ความเป็นรถสปอร์ตเรพลิก้า เช่นทำไม YZF-R6 ถึงแพงกว่า CBR650R เยอะมาก ทั้งๆ ที่มี cc น้อยกว่า และเข้าใจในเรื่องราคาขายกันในประเทศญี่ปุ่น ที่ขายรุ่น ABS กันอยู่ที่ 828,360 เยน หรือประมาณ 237,800 บาท และอีกกลุ่มที่มองว่าเป็นแค่รถ 250cc แบบ 2 สูบจากทาง Honda เท่านั้น ที่มันควรจะมีราคาพอๆ กับรถสปอร์ต 250-300cc ทั่วไปที่วางขายกันอยู่ในบ้านเรา ในประเด็นนี้ถือว่าไม่มีใครผิดใครถูกครับ อยู่ที่ว่าจะมองยังไง แต่เพราะข้อเท็จจริงข้อนี้แหละครับ ที่อาจจะเป็นส่วนให้ทาง A.P. Honda ประเทศไทยยังมีลูกลังเลในทีแรก ว่าถ้าเอามาขายแล้ว มันจะไปได้ขนาดไหน?
อย่างไรก็ตามเมื่อมันมาขายกันในประเทศไทยเราแล้ว ด้วยราคารุ่น ABS ที่ 249,000 บาท มีส่วนต่างจากราคาที่ขายในญี่ปุ่นประมาณหนึ่งหมื่นกว่าบาทนั้น ตรงนี้ว่ากันตามจริง ก็ถือว่าถูกกว่าทางที่เราคาดการณ์ไว้ตอนแรกประมาณหนึ่งเหมือนกันครับ เพราะถึงแม้ว่าภาษีนำเข้าจากญีปุ่นมาไทยนั้นจะเป็น 0% แต่ก็ต้องมีค่าขนส่ง ค่าการตลาด และค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นการที่ทาง A.P. Honda ทำขายในราคานี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการพยายามเข้าหาผู้บริโภคอย่างเต็มที่แล้ว ประกอบกับการทำเรทดอกเบี้ยมาที่ 0.99% ต่อปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเรทแบบเดียวกับรถบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่เลยก็ว่าได้ ต่างจากดอกปกติของรถเล็กที่มักจะมีเรทรายปีสูงกว่านี้เยอะหลายเท่าตัว
สำหรับผู้ที่เฝ้ารอมานานและเข้าใจในเรื่องคาแรกเตอร์ตัวรถ และโครงสร้างราคา ก็คงแทบจะไม่รอช้ารีบกำเงินไปจองเจ้า CBR250RR แทบจะในทันที แต่กับกลุ่มที่ผิดหวังเรื่องราคา มองมันว่าแพง เพิ่มเงินอีกนิดไปเอาตัว 650 ดีกว่ามั้ย ตรงนี้ก็ไม่แปลกที่จะมองแบบนี้ครับ ถ้าจะเอาจำนวน cc เป็นที่ตั้งก็ต้องมองในมุมนี้แหละ ทางเลือกก็จะมีในรุ่น CBR500R หรือ CBR650R ที่ได้ cc เยอะกว่า แต่ถ้าจะลองเปิดใจมองว่า CBR250RR นั้นเป็นรถที่นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคันตีตรา Made In Japan ที่การันตีถึงความภาคภูมิใจในควอลิตี้ของชาวญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว มีความพิเศษของรหัส RR และไม่แน่ว่าในอนาคตจะมีการนำเข้ามาขายกันอีกหรือเปล่าหลังจากล็อตนี้? จะเอามาขี่ใช้งาน ขี่ลงสนาม หรือเก็บสะสมก็แล้วแต่ เจ้า CBR250RR ก็ดูจะมีคุณค่าสมกับราคาขึ้นมาทันที เพราะต้องย้ำอีกครั้งว่าในญี่ปุ่นเองก็ขายในเรทราคาประมาณนี้เหมือนกัน
และต้องอย่าลืมอีกประเด็นนะครับ ว่านอกจากอินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และประเทศไทยเราแล้ว ยังมีไบค์เกอร์จากประเทศอื่นๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะจากทางฝั่งยุโรป ยังคงเรียกร้องให้มีการนำเข้ารถโมเดลนี้ไปขายกัน และพร้อมที่จะซื้อกันอย่างมากมาย ทั้งที่ถ้าหากนำเข้าจากฝั่งเอเชียไม่ว่าจะอินโดนีเซียหรือญี่ปุ่น จะต้องโดนภาษีนำเข้าอีกจำนวนมาก และราคามันจะต้องทะลุกว่านี้ไปอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นในเคสนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสดีของไบค์เกอร์ชาวไทย และเป็นการตอบสนองความต้องการจากทาง A.P. Honda ต่อแฟนๆ ชาวไทยที่มีการเรียกร้องเป็นจำนวนมากมายก่อนหน้านี้
เรามารอติดตามกันว่าสุดท้ายแล้ว ยอดขายของ New Honda CBR250RR ในบ้านเรานั้น จะเป็นอย่างไรบ้าง เหล่าผู้ใช้งานที่มองเรื่องของฟีเจอร์ คาแรกเตอร์ของตัวรถ และความพิเศษของมัน มากกว่าจะมองเรื่องจำนวน cc เพียงอย่างเดียว จะมีมากขนาดไหน จะไปถึงเป้าที่ทาง A.P. Honda วางไว้หรือไม่ เราจะมาอัพเดทกันในโอกาสต่อไป
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience