Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Kawasaki Z H2 2020!!!

gzQplW.jpg
Kawasaki ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับงาน Tokyo Motor Show ปีนี้เป็นอย่างมาก ด้วยการเปิดตัวรถที่บ้าบิ่นถึงสองคันได้แก่จิ๋วจี้ด ZX-25R และพี่เบิ้ม Z H2 คันนี้ทีจะขึ้นมาเป็นรถผู้นำแห่งตระกูล Z คันใหม่แทนที่ Z1000 ที่เคยเป็นพี่ใหญ่มาอย่างยาวนาน

โดยรายละเอียดของมันนั้นน่าสนใจเอามากๆ เพราะมันเป็นรถที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคันหนึ่งในกลุ่มรถเนกเก็ตเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะจุดเด่นของมันก็คือเครื่งยนต์ที่ติดตั้งระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จเข้าไปเช่นเดียวกับ Ninja H2 

gzUqog.jpg

ซึ่งในทางเทคนิคแล้วการจะเปลี่ยนรถแนวสปอร์ตฟูลแฟริ่งให้มาเป็นรถเนกเก็ตมันจะต้องมีขั้นตอนมากกว่าแค่ถอดเอาชุดแฟริ่งออกไป โดยเจ้า Z H2 ก็ได้มีจุดที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายๆจุดจากรุ่นพี่ของมัน ตั้งแต่โครงสร้างหลัก หรือ Main Frame ก็แต่กต่างไป โดยยังคงใช้เฟรมท่อเหล็กสานไขว้ หรือ Trellis frame เคลือบด้วยสีเขียวโลหะอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ แต่โครงนี้จะมีลักษณะ ตำแหน่งท่านั่ง จุดยึด และมุมองศาต่างๆเปลี่ยนไปจากเฟรมของรุ่น Ninja เล็กน้อย

g3sMtI.jpg

ในส่วนของช่วงล่างนั้นก็ต่างไป โดย Z H2 จะเป็นสวิงอาร์มแขนคู่ ซึ่งจะต่างจากตัวสปอร์ต Ninja ที่ชุดเดิมจะเป็นสวิงอาร์มแขนเดี่ยว ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ลดให้ต้นทุนของ Z H2 ต่ำลงมาได้อีกพอสมควร

gzQvv2.jpg

การออกแบบมุมและเส้นสายต่างๆของตัวรถก็ยังครักษาความคล้ายคลึงกับ Ninja H2 เอาไว้ และนำมาผสมผสานกับความดุดันสไตล์รถตระกูล Z ที่เรียกว่า Sugomi ซึ่งหมายถึง จิตวิญญาณของนักล่า

g327fe.jpg

ถึงแม้ว่า Z H2 จะดูแตกต่างไปจากรถที่เคยมีของ Kawasaki พอสมควร แต่มันก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 998 cc พร้อมระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จ ตัวเดิมที่ยกมาจาก Ninja H2 รุ่นมาตรฐาน โดยมันยังคงให้แรงมาสูงสุดที่ 197 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 137 นิวตันเมตร (Nm) จับคู่กับเกียร์ 6 สปีด มีระบบ Quick Shifter และ Z H2 จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 239 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่าตัวสปอร์ต

g32WoP.jpg
ในส่วนของช่วงล่างนั้นให้โช้คหน้าหัวกลับจาก Showa แบบ SFF-BP และโช้คหลังเดี่ยว ใช้ชุดเบรกจาก Brembo แบบ 4 ลูกสูบ จับคู่กับดิสก์เบรกขนาด 290 mm พร้อมกับล้อแม็กซ์ขนาด 17 นิ้ว

gzUh2I.jpg

ในส่วนของระบบไฟฟ้าและแผงหน้าปัด Z H2 จะติดตั้งหน้าจอ TFT แบบใหม่มาพร้อมระบบ Kawasaki Rideology ที่สามารถเชื่อมต่อสาร์มโฟนเข้ากับหน้าปัดนี้ได้ โดยมันจะสามารถบันทึกช้อมูลการใช้งาน และสามารถตั้งค่าการทำงานบางอย่างได้ นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ เช่น IMU แบบ 6 แกน โหมดการขับขี่, 3 โหมดคันเร่ง, cruise control, assist และ slipper clutch, launch และ wheelie control เป็นต้น

ส่วนราคา มันจะวางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น $17,000 (ดอลล่าร์) หรือราว 510,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 62) และยังไม่มีการประกาศวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก www.rideapart.com