สิทธิบัตรใหม่จาก Honda ที่จะเปลี่ยนรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งให้กลายเป็นสปอร์ตทัวร์ริ่ง
สำหรับผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์แล้วการเปลี่ยนท่านั่งใหม่บนรถคันเดิมนั้น แทบจะเรียกได้ว่าได้รถใหม่อีกคันเลยก็ว่าได้ และผู้ที่ขับขี่รถในแนวสปอร์ตเมื่อต้องขับขี่ในระยะทางไกลๆ แล้วอาจจะประสบกับปัญหาของความเมื่อยล้าจากท่านั่งที่ไม่ค่อยจะสบายนั้น แต่ทาง Honda ได้ยื่นเอกสารสำหรับการเปลี่ยนแปลงท่านั่งของตัวรถเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
แนวคิดนี้นับว่าเป็นเรื่องราวของความชาญฉลาดของค่ายปีกนก ที่จะสามารถส่งเสริมให้ผู้บริโภคนั้นสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบท่านั่งในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้หลากหลายมากขึ้น เพราะแนวคิดนี้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งและความสูงของแฮนด์ควบคุม รวมไปถึงชิลด์หน้าและหน้าจอแสดงผลที่สามารถยืดตัวขึ้นเพื่อป้องกันลมที่จะเข้าปะทะกับตัวผู้ขับขี่ได้ แต่จากเอกสารที่เผยแผร่มาในตอนนี้ไม่ได้บอกว่า การปรับแต่งตำแหน่งของอุปกรณ์ชิ้นนี้จะถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือต้องให้ผู้ขับขี่ลงมือทำด้วยตัวเอง
แนวคิดนี้ไม่เรียกว่าใหม่ซะทีเดียว เพราะถ้าเราย้อนกลับไปในปี 1992 Yamaha ก็ได้มีรถต้นแบบแนวคิดประมาณนี้มาก่อน โดยโมเดลที่ว่าก็คือ Yamaha Morpho II รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของแฮนด์และพักเท้าได้ เพื่อสร้างบุคลิกในการขับขี่ที่หลากหลาย แต่ในท้ายที่สุด เจ้าโมเดลหรือแนวคิดนี้ก็ยังไม่มีการพัฒนาจนถึงขั้นผลิตออกมาจำหน่ายจริงแต่อย่างใด
1992 Yamaha Morpho “Concept”
หากเรามองไปที่ภาพประกอบสำหรับการจดสิทธิบัตรของ Honda ในครั้งนี้ ชัดเจนว่าตัวรถที่นำมาประกอบนั้นจะเป็น Honda CBR1000RR ตัวเดิม ซึ่งต้องบอกว่าหากทางผู้ผลิตได้นำเอานวัตกรรมที่พึ่งยื่นจดไปนั้น ใส่ใน Honda CBR1000RR เวอร์ชั่นปกติคงจะพิลึกไม่น้อย เพราะชัดเจนว่าในตระกูล CBR นั้นจะเป็นรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง ที่ถึงว่าในอดีตจะเคยมี CBR650F ที่เป็นสปอร์ตกึ่งทัวร์ริ่ง ไม่ใช่สปอร์ตจ๋าๆ แบบในยุคปัจจุบันก็ตาม แต่มันคงแปลกน่าดูหากรถในตระกูลนี้จะถูกปรับรูปแบบไปมากมายขนาดนี้ ซึ่งทำให้เรานึกถึงอีกหนึ่งตระกูลที่ดูจะเงียบๆไปในช่วง 5-6 ปีนี้ นั่นก็คือรถในตระกูล VFR ซึ่งมันค่อนข้างชัดเจนว่าตัวรูปแบบของรถนั้นเน้นไปที่สปอร์ตทัวร์ริ่ง ทำความเร็วในระดับหนึ่ง ถ้านำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใส่ ก็คงจะดูเหมาะสมกว่านำมาใส่ในตระกูล CBR
ต้องติดตามกันต่อไปครับว่าทางค่ายปีกนกนั้นจะนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใส่ในโมเดลไหน และเมื่อไหร่ ชัดเจนว่าในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ เราคงจะยังไม่ได้เห็นมันถูกพัฒนาจนผลิตออกมาเป็นชิ้นงานต้นแบบอย่างแน่นอน อย่างไวที่สุด คงต้องรอไปจนถึง 2022 เป็นอย่างช้า หรือถ้าเกินกว่านั้นสิทธิบัตรนี้คงถูกจดเอาไว้เพื่อครอบครองเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.morebikes.co.uk
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.