10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์โคตรแพงแห่งปี 2020
ตามธรรมดาของคนทั่วๆไปอาจจะมองรถมอเตอร์ไซค์เป็นของที่ไม่น่าจะมีราคาอะไรมากมายนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์นั้นก็มีการแบ่งตลาดที่ไม่ได้แตกต่างไปจากยานพาหนะประเภทอื่นๆ สักเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าการแบ่งตลาดรถมอเตอร์ไซค์นั้นก็มีทั้งกลุ่มล่างไล่ไป กลาง บน และมีขั้นที่สูงกว่ากับพวก Luxury Bike ที่อาจะแยกตามขนาดเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์และความพิเศษที่เป็นวาระสำคัญของโมเดลนั้น วันนี้เราจะขอพาเพื่อนๆไปดู 10 รถมอเตอร์ไซค์โคตรแพงที่มีและกำลังจะวางขายในปี 2020 นี้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าการจัดอันอับในครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากโซนยุโรปและอเมริกา โดยขอใช้ค่าเงินกลางเป็นสกุล “ปอนด์” ของประเทศอังกฤษ และเราจะทำวงเล็บแปลงเป็นค่าเงินไทยไว้ให้ แต่ราคานี้ยังไม่รวมภาษีนำเข้าและค่าอื่นๆ หากต้องการนำเข้ามายังประเทศไทยนะครับ ถ้าเข้าใจตรงกันแล้วไปเริ่มกันเลยครับ
10. Kawasaki Ninja H2R £28,500 (1,159,060 บาท)
สปอร์ตตัวท๊อปจากค่ายยักษ์เขียว Kawasaki เจ้า Ninja H2R นั้นเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของรถสปอร์ตไบค์ทั้งเครื่องยนต์แบบ Supercharged ที่มีการอัดอากาศเข้าไปช่วยในการเผาไหม้ สามารถปลดปล่อยพละกำลังสูงสุดได้ถึง 326 แรงม้า (PS) โดยที่ต้องขอบคุณโครงสร้างและแฟร์ริ่งที่ผลิตจากคาร์บอน ทำให้มันมีน้ำหนักที่เบาและสามารถพุ่งทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว กว่ารุ่นปกติ ซึ่งแน่นอนว่าในบ้านเรานั้นก็มีผู้ครอบครองโมเดลนี้อยู่เหมือนกัน
9. Ariel Ace ‘Iron Horse’ £29,686 (1,207,800 บาท)
Ariel Ace ชื่อของแบรนด์ผู้ผลิตรายนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเพื่อนๆ สักเท่าไหร่ เพราะนี้คือแบรนด์สุดแสนจะอินดี้จากประเทศอังกฤษ อินดี้ขนาดไหน หากเปรียบเทียบ Norton’s ที่ว่าอินดี้แล้วเจ้าค่ายนี้เข้าไปยังต้องหลบ เพราะเจ้า Ariel Ace ‘Iron Horse’ โมเดลใหม่ของปี 2020 นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยงานอลูมิเนียมแท้ 100% ขึ้นรูปด้วยมือ เชื่อมด้วยแรงงานคน ประกอบชิ้นส่วนแบบไร้เครื่องจักร โดยที่จุดเด่นนอกเหนือจากเครื่องยนต์ V4 ขนาด 1,237 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับที่ใช้ใน Honda VFR 1200 แล้ว โครงสร้างตัวรถนั้นทาง Ariel ก็ได้ทำการออกแบบขึ้นมาเอง โดยใช้ชื่อโครงสร้างว่าแบบ Aluminium skeleton frame
8. Honda GoldWing Tour DCT £30,699 (1,248,785 บาท)
มาถึงโมเดลนี้น่าจะพอคุ้นตาคนไทยขึ้นมาบ้างกับตัวท๊อปที่สุดในตระกูล GlodWing จากค่ายปีกนก Honda ที่มีการเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา โดยในเวอร์ชั่นนี้ใส่มาทั้งระบบเกียร์ DCT ระบบเครื่องเสียง Apple Car Play โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง รวมไปถึงเกียร์ถอยหลัง เรียกได้ว่าคันนี้มีครบทุกอย่างที่สายท่องเที่ยวทางเรียบต้องการจะมี ราคาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อรวมภาษีแล้ว AP.Honda ขายอยู่ที่ 1,297,560 บาท ราคาต่างจากฝั่งยุโรปไปนิดเดียวเอง
7. Harley-Davidson CVO Limited, £35,595 (1,448,620 บาท)
แค่ชื่อก็พอรู้แล้วว่ามันเป็นโมเดลพิเศษ เมื่อมีความว่าพิเศษก็สามารถบอกได้เลยว่าแพงกว่าปกติแน่นอน แล้วความพิเศษของมันอยู่ตรงไหนล่ะ นี้คือ CVO (Custom Vehicle Operations) รุ่นพิเศษผลิตในจำนวนจำกัด ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ 117ci ขนาด 1,923 ซีซี ซึ่งจะใหญ่กว่ารุ่นปกติที่ใช้เครื่องยนต์ ‘Milwaukee-Eight’ V-twin ขนาด 1,868 ซีซี และยังมีสีพิเศษที่บ่งบอกความเป็น Limited Edition และอุปกรณ์พิเศษที่หาไม่ได้ในรุ่นทั่วไปของค่าย Harley-Davidson ซึ่งรุ่นนี้มีราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 3,159,000 บาทจ้าาาาา
6.Horex VR6 Café Racer HL, £35,924 (1,450,667 บาท)
Horex แบรนด์เก่าแก่จากประเทศเยอรมัน ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1923 จนล่าสุดได้รับการเข้ามาปรับโครงสร้างใหม่ในปี 2011 โดยที่บริษัทมีนโยบายหลักในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์เจาะกลุ่มตลาดมหาเศรษฐีเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ใส่ใจในตลาดโลกว่าขนาดของตลาดที่แตกต่างกันนั้นจะสร้างกำไรให้กับตนเองได้ขนาดไหน แต่ Horex เองก็จะมุ่งหน้าสร้างแต่งานในระดับพรีเมี่ยมต่อไป โดยที่โมเดลล่าสุดอย่างเจ้า Horex VR6 Café Racer HL นั้นจะเป็นโมเดลคู่ขนานกับเจ้า Horex VR6 Classic ที่แชร์เครื่องยนต์ V6 6 ลูกสูบ ขนาด 1,218 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า (HP) ที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที โครงสร้างแบบ อลูมิเนียม Sub Frame คาร์บอน น้ำหนักตัวแบบไม่รวมน้ำมันอยู่ที่ 219 กิโลกรัมเท่านั้น!!!
5.MV Agusta Brutale 1000 Serie Oro £36,338 (1,478,750 บาท)
นี้คือที่สุดของค่าย MV Agusta ผู้ผลิตที่เรียกได้ว่าชิ้นงานเป็นดั่งศิลปะ กับเจ้า MV Agusta Brutale 1000 Serie Oro เพชรเม็ดงานแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าให้เทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่ไล่เรียงมานี้ MV Agusta เรียกได้ว่ามีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากที่สุด เพราะนอกจากจะเริ่มทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น ยังมีการผลิตรถในราคาที่เอื้อมถึงได้ออกมาวางจำหน่ายสร้างกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ แต่ก็ยังไม่ลืมกลุ่มแฟนเเดนตายของค่าย ที่มักจะส่งโมเดลพิเศษๆ ออกมาสนองความต้องการของแฟนบอยตัวเองอยู่เสมอๆ โดยเจ้า Series Oro นอกเหนือจาก Brutale 1000 แล้วยังมีรถในตระกูล RC ที่เป็นสปอร์ตถูกยกมาจับในชีรี่ยส์นี้อีกด้วย
4.Ducati Panigale V4 25 Anniversario 916 £36,995 (1,504,574 บาท)
รุ่นพิเศษของค่ายสีแดงเพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของโมเดล Panigale 916 Ffp.โดยใช้พื้นฐานของโมเดล Ducati Panigale V4S รุ่นปี 2018 มาทำการตกแต่งใหม่ใส่นั้น นี้ โน้น พร้อมกับการรันหมายเลขคอที่มีการจำกัดเพียง 500 คันทั่วโลก ซึ่งมันขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึง 72 ชั่วโมงในการเปิดให้จองบนช่องทางออนไลน์
3.Brough Superior Anniversary £84,527 (3,438,893 บาท)
นี้คือโคตรแบรนด์แห่งความพรีเมี่ยมบนเกาะอังกฤษ ก่อตั้งแบรนด์มาตั้งแต่ปี 1919 ถูกรีแบรนด์มาแล้วทั้งสิ้นสามครั้ง ซึ่งผู้ครองสิทธิ์คนปัจจุบันคือ Brit Mark Upham ที่เปิดตัวโมเดลใหม่เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาและประกาศว่าจะสร้างเพียง 100 คันเท่านั้น สำหรับเจ้า Brough Superior Anniversary เพื่อเป็นการฉลองครบรอบการก่อตั้งแบรนด์มาครบ 100 ปี นั้นเอง
2. Confederate FA-13 Combat Bomber £118,000 (4,800,679 บาท)
แค่ชื่อแบรนด์ไม่บอกก็พอรู้ว่ามาจากฝั่งอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 ที่มลรัฐ Louisiana โดยที่ผู้ผลิตนั้นมุ่งเน้นไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นรถในแนว Cruiser และ Sport โดยเลือกใช้เครื่องยนต์ S&S อุปกรณ์ติดตั้งบนตัวรถระดับพรีเมี่ยม และยังมีโครงสร้างตัวถังที่คิดค้นขึ้นมาเองจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของค่าย ซึ่งมันโดนใจกลุ่มลูกค้ามหาเศรษฐีและกลุ่มดาราระดับ A-List ของ Hollywood ซึ่งมันส่งให้ Confederate เติบโตอย่างรวดเร็ว และโมเดลล่าสุด FA-13 Combat Bomber ที่ยังคงอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ระดับ Top Class และเครื่องยนต์ 117ci บล็อกเดียวกับที่ใช้ใน H-D CVO Limted ที่ติดอยู่ในโผอันดับที่ 7
1.Bimota Tesi H2 มากกว่า £50,000 (มากกว่า 2,032,813 บาท)
ยังเป็นคำถามตัวโตๆ อยู่สำหรับเจ้า Bimota Tesi H2 ที่ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ Kawasaki ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาอุ้มกิจการ แต่ในงาน EICMA Show 2019 ที่ผ่านมา Bimota ก็ยังคงปล่อยโมเดล Tesi H2 และรักษาแนวทางของระบบ Hub Steering ที่ตนเองเป็นแนวหน้าในการพัฒนา ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าในระดับหวังกำไรนั้น มันไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าให้มองในมุมที่ต่างออกไป Bimota และ Kawasaki อาจจะกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ก็เป็นไปได้ ส่วนเรื่องของราคานั้นมีการคาดเดาจากบรรดาสื่อชั้นนำของประเทศอิตาลี คาดกันว่าราคาของเจ้า Tesi H2 ถ้าผลิตออกมาจำหน่ายกันจริงๆ น่าจะตกอยู่ที่ราวๆ 55,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2,232,925 บาท เลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bennetts.co.uk
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.