MV Agusta ยังไม่ตัดสินใจแยกแบรนด์ Cagiva และ Elefent หรือผนึกรวมเข้าด้วยกัน
หลังจากการเปลี่ยนถ่ายผู้ครอบครองรายใหม่ของแบรนด์ระดับโลกที่ถูกขนานนามว่า “ศิลปะบนรถมอเตอร์ไซค์” อย่างค่าย MV Agusta เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการเข้ามาเปลี่ยนแปลงและปรับทิศทางใหม่ของ Timur Sardarov นักธุรกิจชาวรัสเซีย ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาหลายๆด้านของทางค่าย อีกทั้งยังนำพาแบรนด์ไปสู่อนาคตที่สดใส
Timur Sardarov เข้ามาควบคุมกิจการ MV Agusta แบบเบ็ดเสร็จจากตระกูล Castiglioni ในปี 2019 โดยการเข้ามาของ CEO รุ่นใหม่ไฟแรง ถูกสบประมาทอย่างมากมายจากหลายๆด้าน ทั้งในเรื่องของการยึดโยงกับแบรนด์ระดับโลก การเข้ามาสานต่อความสำเร็จที่มีอยู่แล้ว และประเด็นสำคัญคือการเอาตัวเองมาเล่นกับไฟ ปัญหามากมายที่ตระกูล Castiglioni ได้ก่อไว้ค่อยๆ ถูกคลี่คลายลง รวมไปถึงปัญหาใหญ่ทางด้านการเงิน ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่า Timur Sardarov ตัดปัญหาหลายๆ ด้านที่เกินความจำเป็นอย่างการพัฒนารถแข่งในรายการ WSBK รวมไปถึงการไม่ดึงดันที่จะรีบเข็นเอาโมเดลใหม่ของ F4 ซุปเปอร์ไบค์เรือธงของทางค่ายออกมาทั้งๆ ที่สามารถทำได้ (แต่ประสิทธิภาพน้อยลง) แต่ที่ CEO คนใหม่ตัดสินใจก็คือการยับยั้ง และรอการพัฒนาใหม่ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
ตลอดช่วง 2 ปีที่เข้ามาควบคุมกิจการ เราเห็น ไลน์อัพใหม่ๆ บนผลิตภัณฑ์ของ MV Agusta มากมายทั้งในรูปแบบของสปอร์ตเนคเกต สปอร์ตทัวร์ริ่ง สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง รวมไปถึงการออกโมเดลพิเศษที่มักจะไปร่วมกับแบรนด์นั้น แบรนด์นี้ลดความถี่ลงไปพอสมควร แต่กลับนำเสนอโมเดลรุ่นพิเศษแบบจริงจังอย่างเจ้า RUSH1000 แต่ส่วนที่ขาดหายไปของแบรนด์ก็คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ Off-Road
ก่อนหน้านี้เราได้เห็นว่าทาง MV Agusta กำลังพยายามฟื้นฟูอีก 2 แบรนด์ที่อยู่ในเครือให้กลับมาอีกครั้ง อย่างแบรนด์ Cagiva และ Elefant โดยความตั้งใจแรกของทางค่ายนั้นวางตำแหน่งให้ Cagiva นั้นหลับมาในฐานะของรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าสมัยใหม่ ส่วนแบรนด์อย่าง ELefant เองก็คงไม่พ้นแนวทางที่โดดเด่นของแบรนด์ด้วยการนำเสนอโมเดลในรูปแบบของ Off-Road ที่ชัดเจน ตามภาพจำของการเป็นผู้พิชิตแรลลี่หฤโหด Dakar Rally ในอดีต
Timur Sardarov ได้ในสัมภาษณ์กับ Moyo.it สื่อยักษ์ใหญ่จากอิตาลีไว้ว่า “หนึ่งในวัตถุประสงค์แรกของฉันคือการแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินที่ตึงเครียดของแบรนด์ที่กำลังเจอในตอนนั้น และวางรากฐานทางอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมสำหรับการเติบโต และวันนี้พวกเราทำได้สำเร็จ และเราสามารถมองไปสู่อนาคตด้วยความมั่นใจที่กลับมาใหม่อีกครั้ง และเราก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่พร้อมนำเสนอให้กับลูกค้า”
“ในปี 2021 เราคาดหวังมูลค่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์ภายในแบรนด์เกินกว่า 100 ล้านยูโร ซึ่งมันจะเป็นเป้าหมายที่สูงที่สุดของประวัติศาสตร์ของค่ายจะต้องบันทึกไว้ และเราก็มีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าในการเพิ่มมูลค่าให้เป็นสามเท่าภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ตอนนี้เรากำลังพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ในพิกัด 550 ซีซีและ 950 ซีซี ซึ่งทั้งสองโครงการจะใช้เวลาราวๆ 24 -28 เดือนจะแล้วเสร็จ แต่ถ้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้โครงการ 550 ซีซี อาจจะแล้วเสร็จก่อน”
เมื่อถามถึงการแยกแบรนด์ของ Cagiva และ Elefant ซีอีโอคนเก่งก็ได้ให้ทัศนะที่น่าสนใจไว้ว่า “Cagiva เป็นแบรนด์ที่เป็นของ MV Agusta ฝ่ายการตลาดของเรากำลังประเมินความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ด้วยแบรนด์ Cagiva และเรากำลังพิจารณาด้วยว่าจะให้คำจำกัดความ Elefant เป็น ‘แบรนด์ย่อย’ ของ MV Agusta หรือเป็น Cagiva Elefant การตัดสินใจยังไม่ได้ทำ”
สรุปง่ายๆ ก็คือ Cagiva นั้นจะเป็นแบรนด์ย่อยของทาง MV Agusta อย่างชัดเจน แต่สำหรับ Elefant นั้นยังไม่ลงความเห็นว่าจะเป็นแบรนด์ย่อย หรือไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ MV Agusta หรือจะผนวกรวม Elefant เข้ากับ Cagiva ไปเลยดี ความน่าสนใจก็คือการเปิดตัว Elefant เป็นแบรนด์แบบเอกเทศนั้น ก็จะเป็นการชูผลิตภัณฑ์แบบ Off-Road ที่ชัดเจน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่ถ้ามันจะถูกรวมเป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์ภายใต้แบรนด์ AV Agusta แต่ถ้าไปอยู่ภายใต้แบรนด์ Cagiva เหมือนในอดีต แต่การวางทิศทางใหม่ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นแบรนด์สำหรับรถในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าแล้วล่ะก็ Elefant รุ่นใหม่จะเป็นรูปแบบ EV 100% หรือไม่ต้องติดตามกันครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.