อัพเดทใหม่ 2022 Kawasaki Ninja 1000 SX ในตลาดยุโรป
Kawasaki ได้ทำการอัพเดทโมเดลสายสปอร์ตทัวร์ริ่งรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับตลาดในปี 2022 โดยเป็นคราวของเจ้า Ninja 1000 SX ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ในเรื่องของขุมกำลัง อุปกรณ์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยกว่าเดิม และมีรุ่นย่อยถึง 3 รุ่นที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ในวงที่กว้างกว่าเดิม
2022 Kawasaki Ninja 1000 SX จะมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1,043 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง 4 จังหวะ แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ เชื่อมต่อด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ KQS (Kawasaki Quickshifter) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ให้กำลังสูงสุด 142 แรงม้า (PS) ที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 11.3 Kg-M ที่ 8,000 รอบต่อนาที ถังน้ำมันความจุ 19 ลิตร
ในส่วนของโครงสร้างและแฟร์ริ่งนั้นจะเป็นรูปแบบเดิมจากโมเดลที่อัพเดทมาในปี 2020 โดยมีมิติตัวรถที่มี ความยาวโดยรวม 2,100 มิลลิเมตร ความกว้างโดยรวม 825 มิลลิเมตร ความสูงโดยรวม 1190 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 1440 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 835 มิลลิเมตร
ในการอัพเกรดอุปกรณ์บนตัวรถนั้น จะใช้พื้นฐานจากการอัพเดทเมื่อปี 2020 เป็นฐาน โดยมี ชุดโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบ Horizontal back link type ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ชุดระบบเบรกหน้าแบบจานดิสก์คู่พร้อมปั้มเบรกแบบ Radial Mount ส่วนเบรกหลังจะเป็นจานดิสก์เดี่ยวพร้อมปั้มเบรกเดี่ยว การอัพเดทระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะมาพร้อมกับแกน IMU แบบ 6 แกน เป็นหัวใจหลัก ที่ช่วยในการคำนวนหาค่าปัจจัยต่างๆ ผ่านองศาการเอียงของตัวรถ โดยจะเป็นหลักในการทำงานของระบบ Traction Control ระบบ Cornering Management System หรือระบบจัดการการเข้าโค้ง Power Mode รวมไปถึงระบบ cruise Control และระบบใหม่อย่าง supersport level ABS โดยจะสามารถสั่งการและปรับแต่งระบบการทำงานต่างๆ บนหน้าจอ TFT ใหม่ อีกทั้งยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพ Ridiology ของ Kawasaki
2022 Kawasaki Ninja 1000 SX “performance”
2022 Kawasaki Ninja 1000 SX “tourer”
2022 Kawasaki Ninja 1000 SX “performance tourer”
สำหรับตลาดยุโรป 2022 Kawasaki Ninja 1000 SX จะมีส่วนเสริมการขายจากรุ่นมาตรฐานอีกสามรุ่นย่อย ประกอบไปด้วยรุ่น “performance” ที่จะมาพร้อมกับเบาะนั่งเดี่ยว และชุดท่อไอเสียจาก Akrapovič รุ่น “tourer” จะมาพร้อมกับเบาะนั่งตอนเดียวยาวยกระดับ กล่องสัมภาระด้านข้างสองใบ ที่มีความจุรวม 52 ลิตร ชิลด์หน้าสีควันบุหรี่ ที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นมาตรฐาน และรุ่นสุดท้าย “performance tourer” ที่เป็นการจัดเอาสิ่งใหม่ๆ จากสองรุ่นก่อนหน้ามารวมกัน และจะเป็นรุ่นที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ 235 กิลโลกรัมด้วยกัน
ชุดสี “Metallic Diablo Black / Pearl Robotic White”
ชุดสี “Emerald Blazed Green / Metallic Diablo Black / Metallic Graphite Gray”
ชุดสี “Metallic Matte Graphenesteel Gray / Steel Gray / Metallic Diablo Black”
สำหรับการอัพเดทใหม่ในปี 2022 ในรุ่นมาตรฐาน จะมีการจำหน่ายในชุดสีใหม่ 3 สีประกอบไปด้วย ชุดสี Metallic Diablo Black / Pearl Robotic White ชุดสี Metallic Matte Graphenesteel Gray / Steel Gray / Metallic Diablo Black และชุดสี Emerald Blazed Green / Metallic Diablo Black / Metallic Graphite Gray โดยมีราคาเริ่มต้นในรุ่นมาตรฐานที่ 11,399 ปอนด์ หรือประมาณ 513,795 บาท ส่วนตลาดประเทศไทยนั้น คาดว่าจะมีการอัพเดทในช่วงต้นปี 2022 ที่กำลังจะมาถึง และคงจะมีรุ่นมาตรฐานเพียงรุ่นเดียวในการจำหน่าย และจะมีการขายอุปกรณ์จาก สามรุ่นย่อยจากยุโรปเป็นอุปกรณ์เสริมหลังการขาย โดยจะมีราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาปัจจุบันที่ 706,900 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก young-machine.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.