รายละเอียดเพิ่มเติมของ 2022 Ducati Desert-X
เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่สร้างกระแสได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวในรูปแบบของรถ Prototype ภายในงาน EICMA Show 2019 สำหรับ Ducati Desert-X ที่ล่าสุดทางผู้ผลิตสัญชาติอิตาเลี่ยนเองก็ไม่ปล่อยให้บรรดาสาวกต้องรอกันนาน ก็ได้ปล่อยเวอร์ชั่นการผลิตจริงออกมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเราจะขอพาเพื่อนๆไปชมรายละเอียดของโมเดลนี้กันสักหน่อย
2022 Ducati Desert-X จัดว่าเป็นโมเดลในแนวทางของ Dual Propose ที่จัดอยู่ใน Segment เดียวกับ Ducati Multistrada แต่จะมีรูปแบบและแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยเจ้า Multistrada นั้นจะเน้นไปที่การขับขี่บนทางเรียบและสามารถลุยงาน Off-Road ได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับเจ้า Desert-X นั้นจะเน้นคุณสมบัติ Off-Road แบบ Hard-Core ที่เน้นการกระโดด ขับขี่ผ่านอุปสรรค ตะลุยได้ในทุกๆ รูปแบบของพื้นผิว
รูปลักษณ์ภายนอกของ 2022 Ducati Desert-X นั้นจะผสมความคลาสสิคของรถแข่ง Rally ในช่วงยุค 80-90 ‘s ไว้ โดยเฉพาะไฟหน้าคู่ทรงกลม อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความทันสมัย ด้วยระบบไฟ LED และคุณสมบัติเชิงอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย กระจกบังลมที่มีขนาดปานกลาง รูปทรงของมันถูกรวมเข้ากับด้านขวาและด้านซ้ายของตัวรถ โดยเป็นชุดครอบแชสซีหลัก พร้อมกับชุดป้องกันเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับการขับขี่แบบหฤโหด
ขุมกำลังของ DEsert-X นั้นจะเป็นเครื่องยนต์แบบ L-Twin 2 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่ใช้งานบน New Monster และ Multistrada V2 รุ่นใหม่ล่าสุด แต่มีการปรับจูนให้เหมาะสมกับแนวทางของตัวรถ โดยมีกำลังสูงสุด 110 แรงม้า (HP) ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 68 Ib-ft ที่ 6,500 รอบต่อนาที รวมถึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบภายในและระบบอื่นๆ เพิ่มเติม อย่างเช่นระบบคลัตซ์แบบ Wet Multiplate ที่จะมีการเพิ่มแผ่นคลัตซ์เป็น 8 แผ่น พร้อมการติดตั้งระบบ Slipper Clutch และมีการปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ที่แตกต่างออกไปจากทั้งสองรุ่นก่อนหน้า โดยจะมีอัตราทดเกียร์ 1 และ 2 ที่สั้นกว่า เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้แรงบิดขนาดใหญ่พาตัวรถข้ามผ่านอุปสรรค์ไปได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลพลอยได้จากเรื่องนี้ก็คืออัตราการใช้เชื้อเพลิง ในย่านความเร็วต่ำที่ประหยัดกว่า
ชุดโครงสร้างนั้น แน่นอนว่า Ducati จะใช้งานโครงสร้างแบบ Trellis Frame ที่มีโครงเหล็กสานต่อกับเป็นโครงข่าย ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าจะเป็นโช้คอัพหัวกลับจากแบรนด์ Kayaba ขนาด 46 มิลลิเมตรที่สามารถปรับแต่งค่าการบีบอัด การคืนตัว และพรีโหลดได้ โดยสามารถปรับระยะยุบตัวสูงสุด 9.06 นิ้ว เช่นเดียวกับโช้คอัพหลังเดี่ยวจากแบรนด์เดียวกัน มีความสามารถในการปรับค่าพรีโหลด การบีบอัด และคืนตัวได้ โดยมีระยะยุบตัวสูงสุดที่ 8.66 นิ้ว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมน้ำหนักเบาพิเศษ เบาะนั่งแบบสองตอน โดยมีความพิเศษที่ส่วนของผู้โดยสารสามารถถอดออกได้ และปรับเปลี่ยนเป็นที่สำหรับติดตั้งสัมภาระในการเดินทาง
ตัวรถมาพร้อมกับถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 20.9 ลิตร โดยมีถังสำรองเสริมที่ด้านหลังขนาด 8 ลิตร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเจ้า Desert-X นั้นจะมีที่เติมน้ำมันสองจุด ที่ส่วนถังปกติและส่วนท้าย โดยจะมีการถ่ายโอนเชื้อเพลิงเมื่อถังหลักลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด พร้อมสวิตช์พิเศษบนแผงหน้าปัดเพื่อเปิดใช้งานปั๊มเชื้อเพลิงถังด้านหลังด้วยตนเอง ด้วยถังเสริมดังกล่าว ความจุเชื้อเพลิงรวมจะอยู่ที่ 32 ลิตร ที่อาจจะดูว่ามากมายอะไรขนาดนั้น แต่จะมีน้ำหนักตัวรถเมื่อเติมของเหลวเต็มจำนวนที่เพียง 223 กิโลกรัมเท่านั้น
ในส่วนของระบบเบรกนั้น Desert-X จะมาพร้อมกับชุดเบรกจากแบรนด์ Brembo รุ่น M50 คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ ที่ด้านหน้า พร้อมกับจานดิสก์คู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังจะเป็นคาลิปเปอร์เบรกจาก Brembo เช่นเดียวกัน โดยเป็นแบบสองลูกสูบ พร้อมกับจานดิสก์ทรง Wave แบบเดี่ยว ล้อเป็นแบบซี่ลวดแต่รองรับยางแบบไม่มียางใน โดยมีล้อหน้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 18 นิ้ว ล้อหุ้มด้วยยาง Pirelli Scorpion Rally STR
ในส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์อื่นๆ นั้น 2022 Ducati Desert-X จะมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 4 โหมด ประกอบด้วย Sport Mode, Touring Mode, Urban Mode และ Ducati’s Signature Wet Mode อีกทั้งยังมีโหมดเสริมอย่าง โหมด Enduro และ Rally ที่จำหน่ายแยกในแพ็กเกจเสริมสำหรับสาย Hard-Core Off-Road โดยโหมดที่ต้องซื้อเพิ่มนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเพียงโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น แต่ในโหมด Enduro จะมีการปรับเพิ่มสำหรับสาย Off-Road เป็นพิเศษ ซึ่งจะปรับการส่งออกของกำลังสูงสุดให้เหลือเพียง 75 แรงม้า (HP) แต่จะชดเชยด้วยอัตราการตอบสนองของคันเร่งที่รวดเร็วขึ้น ทำให้สามารถเรียกแรงบิดในรอบที่ต่ำลง และทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นเพื่อต้องข้ามอุปสรรค์ที่ยากลำบาก พร้อมกับความสามารถในการปิดการทำงานของระบบเบรก ABS ทั้งแบบปกติและ Cornering ABS รวมไปถึงการตัดระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่ไม่จำเป็นในการลุยทาง Off-Road
ในโหมด Rally นั้นจะเน้นไปที่การขับขี่แบบ Rally ที่จริงจังมากขึ้น โดยจะปลดปล่อยกำลังของเครื่องยนต์ทั้งหมด การเข้าถึงระบบ Ducati Traction Control ที่สามารถลดลงมาได้ต่ำสุด เช่นเดียวกับระบบ ABS และ Cornering ABS ก็สามารถลดให้ต่ำที่สุดได้ หรือสามารถปิดการใช้งานไปเลยก็ยังได้ อีกทั้งยังสามารถปิดการทำงานของระบบ Anto-Wheelie หรือป้องกันล้อยกตัวได้ โดยผ่านการสั่งงานบนหน้าจอแสดงผล TFT ทรงตั้งขนาด 5 นิ้ว และส่วนควบคุมบนประกับแฮนด์
สำหรับราคาจำหน่ายของ 2022 Ducati Desert-X นั้น จะเริ่มจำหน่ายในอเมริกาในช่วงต้นเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดยมีราคาจำหน่ายที่ 16,795 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 560,617 บาท ส่วนประเทศไทยนั้นคาดว่าจะมีการเปิดตัวโมเดลใหม่นี้ในช่วงกลางปี 2022 หรืออย่างเร็วที่สุดในงาน Motor Show 2022 ช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก tmcblog.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.