10 อันดับรถมอเตอร์ไซค์เนกเกตสปอร์ตคลาส Middleweight ของปี 2022
กลับมาอีกครั้งกับการจัดอันดับรถมอเตอร์ไซค์ โดยครั้งนี้จะเป็นการนำเอารถมอเตอร์ไซค์ในแนวทางสปอร์ตเนกเกตในระดับ Middle Weight ที่มีพิกัดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 600 – 999 ซีซี โดยเราจะนับเฉพาะโมเดลที่เปิดตัวและจำหน่ายจริงตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน และบทความนี้ของยกเครดิตทั้งหมดให้กับ Visordown เว็บไซต์รถมอเตอร์ไซค์จากต่างประเทศที่ได้ทำการจัดอันดับในครั้งนี้ ส่วนจะมีคันไหนติดอันดับมาบ้างไปติดตามกันครับ
10.Honda CB650R
ปฎิเสธความยอดเยี่ยมของไลน์อัพ 650 Series ของ Honda ไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับ CB650R นั้นถือเป็นการต่อยอดของการนำเอาภาษาในการออกแบบ Neo Sport Cafe ของทางค่ายปีกนกมาจัดวางได้อย่างลงตัว ตามรอยจองรุ่นน้อยอย่าง CB150R, CB300R และรุ่นใหญ่สุดอย่าง CB1000R ด้วยเอกลักษณ์ของภาษาในการออกแบบที่อิงความย้อนยุคที่ผสมผสานความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ดุดันด้วยขุมกำลังแบบ 4 ลูกสูบเรียงและเป็นเพียงผู้ผลิตรายเดียวที่ใช้งานเครื่องยนต์รูปแบบนี้บนรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า 1,000 ซีซี
9.CFMoto 700CL-X
CFMoto เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตสัญชาติจีนที่รุกตลาดยุโรปมาอย่างยาวนาน และจัดวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่มีความพรีเมี่ยมที่ดูจะเหนือกว่าผู้ผลิตจากจีนรายอื่นๆ อีกทั้งทางแบรนด์เองก็มีสานสัมพันธ์อันดีกับผู้ผลิตจากทั้งญี่ปุ่นเองและยุโรป ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมากในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเจ้า 700CL-X นั้นได้รับการออกแบบจากประเทศอิตาลี โดยมีการผสมผสานความทันสมัยและความเรียบง่ายที่ดูลงตัว ตัวรถถูกวางตำแหน่งให้เป็น Street Scrambler ที่ดูดุดัน พร้อมกับขุมกำลังแบบ 2 ลูกสูบเรียงที่มอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมและแรงบิดที่ต่อเนื่อง บวกกับฟีเจอร์สมัยใหม่ทั้งโหมดการขับขี่ ระบบช่วยเหลือ และที่ดูจะเป็นจุดเด่นก็คือราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่ง
8.Royal Enfield Interceptor 650
อีกเหนึ่งโมเดลเรือธงจากผู้ผลิตจากอินเดีย Royal Enfield Interceptor 650 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเนกเกตเรโทรที่เรียบง่าย ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบเรียง 648 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 47 แรงม้า (BHP) ที่ 7,150 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 52.3 นิวตันเมตรที่ 5,150 รอบต่อนาที เน้นการใช้งานจริง มีฟีเจอร์ที่ไม่แฟนซีซึ่งก็เป็นไปตามรูปแบบของตัวรถที่อิงกับรถย้อนยุค และจุดเด่นสำคัญคือราคาเข้าถึงได้ง่าย
7.Kawasaki Z650
อีกหนึ่งความเรียบง่ายจาก Kawasaki กับเข้า Z650 โมเดลสปอร์ตเนกเกตที่มีการใช้งานเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ 649 ซีซี 4 จังหวะ 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลัง 67 แรงม้า (HP) ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 53.7 นิวตันเมตรที่ 6,700 รอบต่อนาที ถึงแม้ว่าตัวรถอาจจะไม่มีอุปกรณ์ที่เป็นไปตามความต้องการของสมัยนิยม แต่ตัวรถโมเดลนี้ก็มีจุดเด่นที่เหนือกว่า ด้วยน้ำหนักตัวแบบพร้อมขี่ที่ 187 กิโลกรัม ทำให้ตัวรถนั้นมีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก และสามารถขับขี่ได้กับทุกๆสรีระ ไม่ว่าจะตัวเล็ก ตัวใหญ่ หรือเพศไหนๆ ก็สามารถขับขี่เจ้า Z650 ได้อย่างสนุกสนาน
6.Aprilia Tuono 660
อาจจะดูเป็นโมเดลที่มีราคาสูงที่สุดในกลุ่มเครื่องยนต์ไม่เกิน 700 ซีซี แต่ Aprilia Tuono 660 ก็อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สำคัญ และระบบช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยม ไล่เรียงตั้งแต่เครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ 659 ซีซี ที่เป็นการยกชุดเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบคู่หน้าจาก RSV1100 มาใช้งาน มีระบบช่วยเหลือที่ผสานการทำงานกับแกน IMU ทำให้ตัวรถมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สูงมากๆ ระบบคันเร่งไฟฟ้า ride-by-Wire ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ ระบบ ABS ที่สามารถเปิดหรือปิดการทำงานได้ และแพ็กเกจเสริมสำหรับสายสนามที่ต้องการปลดปล่อยพละกำลังขั้นสูงสุดของตัวรถ
5.Yamaha MT-07
โมเดลใหม่ของปี 2022 มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงภาพลักษณ์ตั้งแต่ปี 2021 โดยยังคงรูปแบบของขุมกำลัง 2 ลูกสูบ Croos Plane ที่เป็นเอกลักษณ์ ให้กำลังสูงสุด 74 แรงม้า (BHP) ที่ 9,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 67.7 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมการตั้งค่า ECU และปรับหัวฉีดการจ่ายน้ำมันใหม่ ทำให้ได้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่า
4.Kawasaki Z900
ขยับรุ่นมาที่ Kawasaki Z900 อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากค่ายยักษ์เขียวที่ยอดเยี่ยม ด้วยขุมกำลังขนาด 948 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง 4 จังหวะแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมกับจุดเด่นที่ระบบ Dual Throttle Valves ที่พละกำลังสูงสุด 123 แรงม้า (BHP) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 73.1 lb-ft ที่ 7,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบช่วยเหลืออย่าง KTRC (Kawasaki Traction Control) ระบบ Assist&Slipper Clutch และระบบ ABs เป็นมาตรฐานความปลอดภัย
3.Yamaha MT-09
คู่แข่งโดยตรงกับ Z900 สำหรับ Yamaha NT-09 ที่มีจุดเด่นเรื่องของขุมกำลัง CP3 3 ลูกสูบ 890 ซีซี 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ปรับปรุงใหม่เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน EURO5 อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของโครงสร้าง Deltabox ใหม่ที่ทำให้ตัวรถดูมีความเพรียวบางลง และดูจะคล่องแคล่วเมื่อต้องใช้งานในเมือง อีกทั้งยังมีส่วนทำให้สัดส่วนกำลังต่อน้ำหนักตัวที่ดีกว่าเดิม โดยรุ่นปัจจุบันมีกำลังสูงสุดที่ 117 แรงม้า (BHP) อีกทั้งยังมีรุ่น SP ที่มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ช่วงล่างใหม่ ที่ช่วยยกระดับให้กับ Hyper Naked คันนี้ให้เข้าใกล้กับความสมบูรณ์แบบของโมเดลจาก Yamaha
2.triumph Street Triple
เป็นอีกโมเดลที่ประสบความสำเร็จจากผู้ผลิตแดนผู้ดี Triumph ที่พลิกโฉม Street Triple ด้วยขุมกำลังใหม่ขนาด 765 ซีซี ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 โดยยังคงรูปแบบของเครื่องยนต์ 3 ลูกสูบที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีการแบ่งย่อยโมเดลออกเป็น 3 รูปแบบที่แต่ล่ะรุ่นจะมีพละกำลังที่แตกต่างกัน และอุปกรณ์พื้นฐานบนตัวรถที่แตกต่างกัน ซึ่งในตลาดประเทศไทยนั้นจะมีเพียงเกรดเดียวคือ Street Triple RS ที่จะมาพร้อมกับพละกำลัง 126.27 แรงม้า (BHP) มที่ 11,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตรที่ 9,500 รอบต่อนาที และมาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เหนือชั้น ด้วยโหมดการขับขี่ 5 โหมด และระบบช่วยเหลือที่อัดแน่นในด้านความปลอดภัย
1.Triumph Trident 660
จากประสบการณ์ตรงในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหลากหลายรุ่น Trident 660 สร้างความแตกต่างได้อย่างเหลือเชื่อ หลังจากการเปิดตัวในปี 2019 โมเดลใหม่จากแดนผู้ดี ก็สร้างกระแสได้อย่างต่อเนื่อง ตัวรถมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 660 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 81 แรงม้า (PS) ที่ 10,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที ตัวรถจะมาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นๆ ทั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ ระบบช่วยเหลือด้านอิเล็กทรอนิกส์ และที่ดูจะดึงดูดผู้คนได้มากก็คือราคาจำหน่าย ที่เปิดตัวในประเทศไทยเพียง 309,000 บาทเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.