Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

ยักษ์เขียวเดินหน้าผลิต 2023 Kawasaki Ninja ZX-6R

ยักษ์เขียวเดินหน้าผลิต 2023 Kawasaki Ninja ZX-6R

ท่ามกลางกระแสของการปิดสายการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในระดับ Supersport ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Kawasaki เองจะยังยึดติดกับอัตลักษณ์และภาพจำของรถ ZX-6R ด้วยการประกาศเดินหน้าการผลิตโมเดลสำหรับปี 2023 โดยยังคงรักษารูปแบบของรถในระดับ Supersport พันธ์แท้ไว้อย่างครบถ้วน

62958fa46c3705537f26108a96e9f95d.jpg

การเปลี่ยนแปลงของระเบียบ EURO5 ที่ตีกรอบให้กับผู้ผลิตในเรื่องของการปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจากไปของสุดยอดรถในระดับ Supersport อย่าง Yamaha YZF-R6 ที่ปัจจุบันไม่มีการจำหน่ายในยุโรป แต่ยังเหลือการจำหน่ายในบางประเทศรวมไปถึงประเทศไทย ซึ่งยังทำให้มีความสามารถในการส่งเข้าแข่งขันในรายการ WSBK ได้ตามปกติ และประเด็นหลักในการยุติการพัฒนาก็สืบเนื่องมาจากยอดขายที่ลดลง และงบประมาณในการพัฒนาที่สูงจนเกินความจำเป็น จึงก่อให้เกิดโมเดลทดแทนอย่างเจ้า R7 ขึ้นมานั่นเอง

2e99955b0ad04f64973446843a12a240.jpg

ท่ามกลางคู่ต่อสู้จากฝั่งยุโรป ผู้ผลิตส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะใช้งานเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบแถวเรียง ไม่ว่าจะเป็น Ducati Panigale V2 ที่ใช้งานเครื่องยนต์ V-Twin 2 ลูกสูบ Triumph Street Triple 765 RSและ MV Agusta F3 800 ที่ใช้งานเครื่องยนต์ 3 ลูกสูบ หรือแม้แต่ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ที่ออกตัวอย่างรุนแรงอย่าง Aprilia RS660 ในทางกลับกันผู้ผลิตจากแดนปลาดิบเองยังคงเลือกที่จะผลิตรถในระดับ Supersport ที่ใช้งานเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบเรียง ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกนำไปจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดยุโรปก็ตาม

0354bac9e88667f0428757b224e9c253.jpg

Kawasaki เองยังคงเลือกใช้งานแพลตฟอร์มเดิมของ ZX-6R ที่ใช้มาอย่างยาวนาน โดยมีการปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 กับขุมกำลัง 636 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง 4 จังหวะแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ และโมเดลใหม่ของปี 2023 เองก็ยังคงความได้เปรียบจากผู้ผลิตอื่นๆ ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า โดยทางผู้ผลิตเองยังไม่มีการออกมาประกาศเรื่องของตัวเลขประสิทธิภาพ แต่ก็คาดเดาได้ว่าจะเทียบเท่ากับโมเดลของปี 2021 ที่ให้กำลังสูงสุด 127 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 52.1 Ib-ft

43cca02857d9aab0745969e0f3a86adb.jpg

สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในตลาดอเมริกานั้นก็คือ Quick Shifter แบบสองทาง ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน โดยยังคงมี Power Mode ที่ปรับได้ ระบบ Assis&Slipper Clutch ระบบ Tracktion Control และระบบ ABS ที่เป็นมาตรฐาน

2d77091bd3a1460dc1d60798be453bea.jpg

ในส่วนของโครงสร้างนั้นจะยังคงใช้งานเฟรมอลูมิเนียมเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เช่นเดียวกับระบบช่วงล่างที่ยังมาพร้อมกับโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับจาก Showa และ Monshock หลังแบบ Uni-Trak ส่วนระบบเบรกนั้นด้านหน้าจะเป็นจานดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตรพร้อมกับคาลิปเปอร์จาก Nissin แบบ Monobloc ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ปั้มเบรก 1 พอร์ต ขอบล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วหน้าหลัง สวมด้วยยางขนาด 120/70ZR17M/C (58W) และ 180/55ZR17M/C (73W)

7a98dff2ff557b9d80a66e9b4b7b8ba9.jpg
2023 Kawasaki Ninja ZX-6R “Metallic Matte Graphenesteel Grey / Metallic Diablo Black”
e44f0ca8390c9ebdc0dfa9cd3f4ce828.jpg
2023 Kawasaki Ninja ZX-6R “Metallic Matte Twilight Blue/Metallic Diablo Black”

สำหรับตลาดอเมริกานั้น 2023 Kawasaki Ninja ZZ-6R จะมีการวางจำหน่ายในราคา 10,999 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 374,940 บาท ในชุดสี Metallic Matte Graphenesteel Grey / Metallic Diablo Black และราคา 10,699 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 364,713 บาท ในชุดสี Metallic Matte Twilight Blue/Metallic Diablo Black

ccba29dff81ebe5aee8f74312263636f.jpg
2022 Kawasaki ZX-6R “Lime Green”

ส่วนประเทศไทยนั้น Kawasaki Ninja ZX-6R ก็ยังคงมีจำหน่ายตามปกติ โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 443,500 บาท ในชุดสี Metallic Spark Black / Metallic Flat Spark Black ซึ่งเป็นสีสันของปี 2020 และไปสุดที่โมเดลปี 2021 กับสี Lime Green ในราคา 464,000 บาท

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rideapart.com