เปิดตัว 2023 Kawasaki Ninja ZX-10R
พึ่งจะเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้กับรถสปอร์ตรุ่นใหญ่สายสนามแข่งอย่าง 2023 Kawasaki Ninja ZX-10R รุ่นใหม่ ที่มีการปรับรูปแบบของกราฟฟิกใหม่บนแฟร์ริ่ง และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการปรับปรุงในเรื่องของเทคนิคใดๆที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์และสมรรถนะกำลังของตัวรถ
การเปิดตัวรุ่นใหม่นี้เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวในครั้งนี้จะเชื่อมโยงกับการเปิดเผยสัญญาฉบับใหม่ของ KRT ที่มีการขยายสัญญาฉบับใหม่ให้กับ Jonathan Rea นักแข่งเจ้าของแชมป์โลก WorldSBK หลายสมัยของทางทีม โดยมีการเปิดเผยว่าสัญญาฉบับใหม่นั้น จะสิ้นสุดลงเมื่อจบฤดูกาล 2024 ซึ่ง ณ ตอนนั้น King Rea จะมีอายุอานามเข้าสู่ปีที่ 37 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงท้ายของอาชีพนักแข่งแล้ว
กลับมาที่ตัวรถ 2023 Kawasaki Ninja ZX-10R กันหน่อย ตัวรถนั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ชุดกราฟฟิกบนแฟร์ริ่ง โดยจะมีการถอดเอาสีขาวออกและลดสัดส่วนของพื้นที่สีดำลง ซึ่งจะทดแทนด้วยสี Lime Green สีประจำของทางค่าย โดยสาเหตุที่ทางบริษัทเลือกจะทำแบบนี้เกิดจากการสำรวจความพึงพอใจจากผู้บริโภค ที่ส่วนใหญ่ที่เอกชุดแฟร์ริ่งลาย KRT เพราะต้องการแฟร์ริ่งที่แสดงออกถึงภาพลักษณ์ของตัวแบรนด์โดยตรง แปลๆง่ายๆ คือต้องการสีเขียวที่มากกว่าสีดำ จึงกลายเป็นโมเดลใหม่ที่มีการตอบสนองต่อผู้บริโภคจากเสียงส่วนใหญ่
ในข้อมูลเชิงเทคนิคแล้ว 2023 Kawasaki Ninja ZX-10R ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยจะยังคงใช้งานเครื่องยนต์ 4 ลูกสูบเรียง 998 ซีซี 4 จังหวะ แบบ DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลังสูงสุด 203 แรงม้า (H) พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 82.5 Ib-Ft ในขณะที่ชุดโครงสร้างจะเป็นโครงสร้างน้ำหนักเบา ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักตัวแบบไม่รวมของเหลวที่ 207 กิโลกรัม
ในส่วนของระบบช่วงล่างนั้น จะมาพร้อมกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร โดยเป็นโช้คอัพแบบ BFF (Balance Free Fork) ที่สามารถปรับระดับ Rebound และ Compression Damping ได้อย่างอิสระ ในขณะที่ด้านหลังจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบ Horizontal back-link with Balance Free gas ที่สามารถปรับแต่งค่าการยุบตัวคืนตัวได้อิสระเหมือนกับด้านหน้า ในส่วนของระบบเบรก ด้านหน้าจะเป็นแบบจานดิสก์คู่แบบ Semi-Floating ขนาด 330 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรก Brembo แบบ Monobloc 4 ลูกสูบ โดยมีระบบเบรก KIBS เป็นตัวช่วย
ณ ตอนนี้ 2023 Kawasaki Ninja ZX-10R สีใหม่นี้ยังคงมีจำหน่ายแค่ในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น แต่ในอนาคตอันใกล้เชื่อได้เลยว่า จะมีการขยายการจำหน่ายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในรายชื่อนั้นด้วย ส่วนการจำหน่ายนั้นในประเทศไทยนั้น คาดว่าจะเข้ามาในช่วงต้นปี 2023 และคาดว่าราคาจำหน่ายจะไม่หนีไปจากราคาปัจจุบัน ที่จำหน่ายในราคา 859,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.