A.P.Honda Racing Thailand ตะลุย Suzuka 4 Hrs. แบบทีมคนไทย 100%

เสร็จสิ้นกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดบนผืนแผ่นดินญี่ปุ่น ที่ในปีนี้ก็ได้มีการฉลองครบรอบ 40 ปีกันแบบอลังการงานสร้างกับการแข่งขัน “Coca-Cola”  Suzuka Endurance Race 2017 ที่สนามซูซูกะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ที่แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันนั่นก็คือ Suzuka 4 hours 2017 และ Suzuka 8 hours 2017

ในส่วนของการแข่งขัน Suzuka 4 hours 2017 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 61 ทีมด้วยกันและจะใช้รถในคลาส 600cc.ในการแข่งขัน ซึ่งในจำนวนนี้มีทีมสัญชาติไทยลงแข่งถึง 2 ทีมด้วยกัน นั่นก็คือ ทีม Yamaha Thailand Racing Team ที่ใช้ YAMAHA YZF-R6 ลงทำการแข่งขัน และ ทีม A.P.Honda Racing Thailand ที่ใช้ Honda CBR600RR ที่จะลงสู้ศึกในครั้งนี้ด้วย

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นไม่กี่อึดใจก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักจึงทำให้ผู้จัดการแข่งขันประกาศการแข่งขันเป็นแบบ Wet race  จึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนยางก่อนและเซ็ตค่ารถใหม่ก่อนลงทำการแข่งขัน ทีมต้องมีการวางแผนการขับขี่ใหม่เพี่อความปลอดภัยของนักแข่งเองและตัวรถที่ต้องขับขี่ให้จบการแข่งขัน และเวลาในการแข่งขันต้องลดลงเหลือเพียงแค่ 3.30 ชั่วโมงนั่นเอง

จุดที่น่าสนใจอย่างแรกของการแข่งขันรายการนี้นั่นก็คือการออกตัวสตาร์ท นักแข่งเองจะต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามของแทรก เมื่อมีสิ้นสุดการนับถอยหลังก็จะต้องรีบวิ่งมาที่รถเพื่อทำการสตาร์ทรถแล้วขับขี่ไปในแทรกให้ไวที่สุด  ความได้เปรียบเสียเปรียบก็ขึ้นอยู่กับเวลาในรอบควอลิฟายใครทำเวลาได้ดีก็จะจอดอยู่หัวแถวตามลำดับเวลานั่นเอง

จุดที่น่าสนใจอย่างที่สองนั่นคือการเข้าพิทเปลี่ยนตัวนักแข่งและเติมน้ำมัน ต้องบอกว่ากติการของการแข่งขัน 4 ชั่วโมงนี้จะแตกต่างกับ 8 ชั่วโมงอยู่บ้างในเรื่องของนักแข่งจะสามารถทำการแข่งขันได้เพียง 2 คนสลับกันขี่ตามแผนที่ได้วางไว้ ในส่วนของรถนั้นไม่สามารถเปลี่ยนยางหรือเปลี่ยนรถได้ แต่สามารถซ่อมบำรุงในส่วนต่างๆ ของรถได้เช่น แฟริ่ง และน้ำมัน  หากรถที่ใช้ทำการแข่งขันน้ำมันหมดระหว่างแข่ง นักแข่งต้องเข็นรถเข้ามาที่พิทเพื่อเติมน้ำมันได้เท่านั้น ทีมช่างจะไม่สามารถนำไปเติมนอกพิทได้หรือหากรถที่ใช้ทำการแข่งขันเกิดอุบัติเหตุจนมาสามารถทำการแข่งขันต่อได้ ก็ต้องออกจากการแข่งขันไปโดยอัตโนมัติ

จุดที่น่าสนใจจุดที่สามนั่นก็คือ ความเร็วไม่ได้เป็นปัจจัยอย่างเดียวที่จะทำให้ชนะ แต่ต้องมีส่วนอื่นที่มาประกอบกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพความฟิตของตัวนักแข่งเอง ความสามัคคีกันภายในทีม การวางแผนของทีมผู้จัดการและสตาฟโค้ช ตลอดไปจนถึงความสามารถของทีมช่าง ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ที่จะทำให้รถวิ่งได้รอบมากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด

สรุปผลการแข่งขัน

1: # YAMAHA THAILAND RACING TEAM

2: # AKENO SPEED YAMAHA

3: # DI RAIH OLEH TEAM MANUAL TECH KAWASAKI

ซึ่งทาง A.P.Honda Racing Thailand เองนั้นตั้งเป้าในการแข่งขันครั้งนี้ว่าจะต้องแข่งให้จบ Race ให้ได้ ซึ่งผลงานที่ออกมาด้วยการคว้าอันดับที่ 4 นั้นก็ต้องถือว่าเกินเป้าที่ตั้งไว้ นับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญของทีมแข่งที่ประกอบไปด้วยคนไทยแบบ 100% และต้องขอแสดงความยินดีกับทีมนักแข่งไทย ทีม YAMAHA THAILAND RACING TEAM ที่ประกอบไปด้วย ตี-อนุภาพ  ซามูล, ต๋ง-พีรพงศ์  บุญเลิศ ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการคว้าแชมป์ Suzuka 4 hours 2017ในครั้งนี้ด้วยครับ

เจาะลึกในพิทกับทีมสายเลือดไทย 100% ทีม A.P.Honda Racing Thailand

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทีมสายเลือดไทยแท้ 100% อย่างทีม A.P.Honda Racing Thailand ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันศึก Suzuka 4 hours 2017 เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้ทีมได้มีประสบการณ์ก่อนที่จะเข้าร่วมแข่งขันรายการระดับโลกอย่าง  World Super Bike และ MOTOGPในอนาคต ซึ่งหากไม่มีเวทีให้ได้เตรียมความพร้อมทีมแข่งก็จะไม่ได้ถูกพัฒนาไปได้เลย  ซึ่งทาง “ซาโจ้” มร.โยอิจิ  มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้เคยกล่าวไว้ว่า “เราสามารถส่งนักแข่งเข้าร่วมการแข่งขันกับทีมใดทีมหนึ่งที่มีทีมสตาฟโค้ชมากฝีมือ ทีมช่างที่มีประสบการณ์ก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็จะลดน้อยลง แต่เราเลือกที่จะสร้างทีมที่เป็นคนไทยทั้งทีมเพื่อให้ได้พัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง”

ทีม A.P.Honda Racing Thailand ประกอบไปด้วยนักแข่งมากฝีมือจากทีมฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็น  เอ้-วรพงศ์  มาลาหวล แชมป์ประเทศไทยรายการ FMSCT Thailand Road Racing รุ่น Production 150 ปี 2015, ดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง อีกหนึ่งนักบิดดาวรุ่งของเอ.พี.ฮอนด้า ผู้เคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมคว้าโพเดียมในระดับเอเชีย รุ่น เอเชีย โปรดักต์ชั่น 250 ซีซี. ที่ประเทศอินเดีย, มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  นักบิดสาวหล่อ เจ้าของแชมป์ Asia Dream Cup ปี 2015  โดยมี ฟิล์ม-รัฐภาค  วิไลโรจน์ อดีตนักแข่งโมโต 2 มารับหน้าที่เฮดโค้ชอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรายการนี้อีกด้วย  นอกเหนือจากนักแข่งและเฮดโค้ชแล้ว ผู้จัดการทีม ช่างเทคนิค ตลอดถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นคนไทยทั้งหมดนั่นเอง  โดยได้รับคำแนะนำในเรื่องต่างๆ จากทีม Moriwaki Engineering Japan ทีมที่เคยคว้าแชมป์ในการแข่งขัน Suzuka 8 hours ไว้อย่างมากมาย

ก่อนรอบควอลิฟาย

มีข่าวทำให้ตกใจกันอยู่บ้างสำหรับในช่วงการซ้อมเพื่อทดสอบรถและความพร้อมของทีม เมื่อดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ที่รับหน้าที่เป็นไม้ที่สอง ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถลงทำการแข่งขันได้ จึงต้องให้สาวหล่อมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  ที่เป็นตัวสำรองมาขับขี่แทน  ซึ่งดรีมก็ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากประสบอุบัติเหตุไว้ว่า ต้องขอโทษแฟนๆ ชาวไทยที่ไม่สามารถทำการแข่งขันได้เนื่องจากช่วงทดสอบตนเองอยากจะทำผลงานให้ดีที่สุด จึงเร่งตัวเองมากไปหน่อย แต่ก็เชื่อว่ามุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  ทดแทนกันได้อย่างแน่นอน

ทางด้านเฮดโค้ช ฟิล์ม-รัฐภาค  วิไลโรจน์ ก็บอกไว้ว่า จะใช้ประสบการณ์ของเจ้าเอ้-วรพงศ์  มาลาหวล ในเรื่องของการทำรอบและเร่งเวลาจะมีความฟิตของร่างกายสูง  ในส่วนของมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  จะใช้ความเป็นสุภาพสตรีที่มีท่าทางการขับขี่ การเข้าโค้งได้แบบนิ่มนวลกว่านั่นเอง

เริ่มต้นแข่งขัน

ทีม A.P.Honda Racing Thailand ได้ลำดับการสตาร์ทจากผลควอลิฟายได้อันดับที่ 5 ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในโซนกลุ่มที่ลุ้นโพเดี้ยม  ซึ่งก่อนการเปิดฉากการดวลความเร็วบนสังเวียนที่ถือได้ว่าเป็นรายการแข่งที่เก่าแก่ที่สุดในผืนแผ่นดินญี่ปุ่นจะเริ่มขึ้น  ก็มีฝนจกลงมาอย่างหนักเป็นเวลานานพอสมควรจึงทำให้ผู้จัดการแข่งขันต้องแจ้งให้เป็นการแข่งขันแบบ Wet race  และลดเวลาการแข่งขันเหลือเพียง 3.30 ชั่วโมง ทำให้ทีมแข่งขันต้องทำการเปลี่ยนยางจากยางแห้งไปเป็นยางเปียกนั่นเอง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมงานต้องวางแผนการขับขี่กันใหม่

หลังจากได้รับสัญญาณการปล่อยตัวการแข่งขันไม้แรกของทีมอย่างเอ้-วรพงศ์  มาลาหวล ก็ควบเจ้า Honda CBR600RR อย่างง่ายดายออกสตาร์จมาเป็นอันดับที่ 3 เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์ฮอนด้าที่ขนมาจากเมืองไทยกว่า 300 ชีวิตที่มาให้กำลังใจในครั้งนี้ ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกมาอย่างต่อเนื่อง        ในครึ่งชั่วโมงแรกสภาพดินฟ้าอากาศมีผลอย่างมากต่อทีม ทำให้ตกลงมาอยู่ที่ 8 เวลาตามหลังกลุ่มหน้าอยู่พอสมควร  นักแข่งเองก็พยามยามที่จะทำเวลาให้ดีที่สุด จึงทำให้เอ้-วรพงศ์  มาลาหวล ตัดสินใจเข้าพิทมาเปลี่ยนยางแบบแห้ง  เป็นทีมแรกแต่ก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานพอสมควร ก็ได้เข้าแข่งขันต่อ ผมได้ลงไปสอบถามกับทีมช่างในเรื่องของการเปลี่ยนยาง  ได้ความว่า เอ้เห็นว่าพื้นสนามเริ่มแห้งประกอบกับอากาศที่ร้อนเลยตัดสินใจเข้าพิทมาเปลี่ยนยางตามความถนัดเพื่อจะได้อัดรอบให้ได้มากที่สุดก่อนที่ไม้สองอย่างมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  จะได้ขับขี่แบบไม่กดดันนั่นเอง

ทางด้านเฮดโค้ช ฟิล์ม-รัฐภาค  วิไลโรจน์ ก็ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า อุปสรรค์ของทีมในวันนี้ก็คือสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาก่อนแข่งและเป็นครั้งแรกของทีมที่เข้าแข่งขัน ทำให้ต้องเสี่ยงในเรื่องของตัวรถเอง และตัวนักแข่งเอง ในช่วงของสนามเปียกทีมทำเวลาได้ช้ากว่ากลุ่มนำอยู่พอสมควร ประกอบกับการที่รถ Safty car ออกมาวิ่งบ่อยๆ การที่จะเร่งทำรอบนั้นก็เป็นเรื่องยากพอสมควร แต่ก็พอใจกับผลงานของทีมที่ยังทำได้ตามเป้านั่นคือที่ 5 นั่นเอง

ในช่วงไม้สองมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  ทำการขับขี่ก็สามารถทำความเร็วมาไล่จี้กลุ่มนำแบบติดๆ และสามารถทำความเร็วต่อรอบได้ดี เรียกได้ว่ากัดไม่ปล่อยเลยทีเดียว  ในส่วนของการวางแผนการขับขี่ไม้สองจะทำหน้าที่รวม 22-24 รอบต่อครั้ง ส่วนไม้หนึ่งจะขับขี่ประมาณ 24-26 รอบต่อครั้ง

ก่อนจบการแข่งขันไม่ถึง 5 นาที จากไม้สองมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  ที่ขับขี่อยู่และทำการเปลี่ยนตัวให้ไม้หนึ่ง เอ้-วรพงศ์  มาลาหวล ได้ขับเคี่ยวจนจบการแข่งขันต่อไป และในช่วงทางตรงรอบสุดท้ายเอ้-วรพงศ์  มาลาหวล ก็กดทางตรงบิดคันเร่งแซงขึ้นมาได้อันดับที่ 4 จนได้

ไม่ได้ขึ้นโพเดียมแต่ก็ไม่เสียใจ

จบการแข่งขันรอบสุดท้ายทุกคนยังลุ้นอันดับอยู่ว่าจะได้ที่ 4 หรือที่ 5 เนื่องจากผลบนสกอร์บอร์ดขึ้นว่าทีม A.P.Honda Racing Thailand อยู่ลำดับที่ 5 แต่หลังจากนั้นไม่นานผลประกาศอย่างเป็นทางการได้ออกมาว่า A.P.Honda Racing Thailand อยู่ลำดับที่ 4 ก็สร้างความดีใจให้นักแข่งตลอดจนถึงทีมงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก

หลังจบการแข่งขันมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช  ก็ออกมาเปิดใจว่ามีความกดดันอยู่เหมือนกันและได้ทำสุดความสามารถ ประคองรถจนจบการแข่งขัน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วในการแข่งขันในปีแรก และเชื่อว่าถ้าเป็นดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง น่าจะทำเวลาได้ดีกว่าตนอย่างแน่นอน ในส่วนของเอ้-วรพงศ์  มาลาหวลก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในเรื่องของรถsafty cay  และการโดน  stop and go เนื่องจากไปจี้รถคันหน้าในช่วงของรถsafy car มากเกินไป จึงทำให้ถูกลงโทษ แต่ก็พอใจในผลงานของทีม และเป็นการแข่งขันครั้งแรกในรายการนี้ จึงต้องศึกษากติกาให้มากกว่าเดิม แต่เชื่อว่าปีหน้าผลงานต้องดีกว่านี้แน่นอน

ต้องขอชื่นชมหัวจิตหัวใจของพวกเค้าเหล่านี้เป็นอย่างมาก ที่ทำได้เกินเป้าที่วางไว้ และเชื่อเหลือเกินว่า ประสบการณ์ครั้งนี้จะบ่มเพาะให้ทีมก้าวไปยังระดับโลกในเร็ววันครับ

ขอบคุณ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ที่ได้ให้ทีมงาน GreatBiker ได้ร่วมเดินทางและติดตามวิธีการทำงานของทีม A.P.Honda Racing Thailand ในส่วนต่างๆอย่างใกล้ชิดครับ