สำหรับ 2021 All-New Honda CBR1000RR-R รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง ที่เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยไปได้ไม่กี่วัน และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง AP.Honda ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ก็ได้จัดการทดสอบเจ้า Fireblde รุ่นล่าสุดที่สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์ และพวกเราทีมงาน Greatbiker.com ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกๆ ของประเทศไทยที่จะทดสอบมันอย่างเป็นทางการในสนามระดับโลก ซึ่งการขับขี่มันจะเป็นอย่างไรนั้นมาติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ
ทำความรู้จักกับ 2021 All-New Honda CBR 1000RR-R
ก่อนอื่นต้องบอกว่าทางทีมงาน GreatBiker เองได้ทดสอบเจ้า CBR1000RRR-R รุ่น SP ทั้งสอง Section ในการทดสอบ โดยที่ตัวรถนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของอุปกรณ์จากรุ่นมาตรฐานในส่วนของระบบช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นโซ้คอัพไฟฟ้าจาก Ohlins และระบบเบรกจาก Brembo และตัวช่วยชั้นดีอย่างระบบ Qickshifter ที่ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว โดยที่ส่วนอื่นๆ นั้นไม่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานไปเลยแม้แต่น้อย การขึ้นคร่อมมันครั้งแรกนั้น เปลี่ยนแปลงภาพจำของ Fireblade ที่เราคุ้นเคยไปแทบจะทุกอย่าง ตำแหน่งของพักเท้าที่เปลี่ยนใหม่นั้นทำให้ได้ท่าทางการขับขี่ที่ดีขึ้น ตำแหน่งแฮนด์ที่ก้มต่ำกว่าเดิม ถึงน้ำมันใหม่ที่มีรูปทรงที่รองรับการก้มหมอบ และเมื่อเราได้สตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้นแหละ เสียงที่คำรามของมันก็กระตุ้นเราให้อยากลงไปขับขี่มันในสนามเป็นอย่างมาก
ออกตัวไปกับ All-New Honda CBR1000RR-R SP
จังหวะออกตัวนั้นเครื่องยนต์ทำงานได้เป็นอย่างดี มีแรงกระชากและพละกำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการปรับอัตราทดเกียร์ในช่วงเกียร์ 1 – 2 ใหม่ที่ทำให้เราสามารถลากเกียร์ได้มากขึ้น ให้อารมณ์การขับขี่ที่เหมือนกับรถแข่งในสนาม และยังช่วยให้เราสามารถจัดการกับรอบเครื่องยนต์ได้มากขึ้นในช่วงการออกตัว จากน้ำหนักตัวโดยรวมที่มากขึ้นถึง 6 กิโลกรัมนั้น ไม่เป็นผลอะไรกับตัวรถเลยแม้แต่น้อย เมื่อรถวิ่งออกไปน้ำหนักตัวของรถนั้นเหมือนจะหายไปดื้อๆ มันเบามากๆ พลิกซ้ายขวา ได้ง่ายมากๆ ก่ีควบคุมตัวรถสามารถทำได้อย่างง่ายดาย พละกำลังของตัวรถนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล เปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวรถที่คุ้นเคยไปอย่างไม่เหลือโครงเดิม แต่ตัวรถยังคงขี่ง่ายตามสไตล์ของรถมอเตอร์ไซค์จาก Honda แต่ในการขับขี่ที่ง่ายดายนั้นกับมีพละกำลังที่มากกว่าเดิมแฝงอยู่
เครื่องยนต์และอัตราเร่ง
อย่างที่เราได้บอกไปว่าเครื่องยนต์นั้นมีการปรับปรุงใหม่หมดและเพิ่มประสิทธิภาพจากเดิมถึง 120% ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังที่มากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นที่ขายในประเทศไทยนั้นจะถูกตอนม้าไปกว่า 50 ตัว แต่มันก็ยังแรงและสามารถตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้อย่างเหลือๆ ในการทดสอบในสนามช้างฯ นั้นการใช้เกียร์สูงสุดของผู้ทดสอบอยู่ที่เพียง เกียร์ 5 เท่านั้นและได้ใช้มันเพียงช่วงเดียวคือทางตรงยาวจากโค้ง 1 ไปยังโค้ง 3 และยังต้องลดเกียร์ให้เหลือเพียงเกียร์ 1 ในการเข้าโค้ง 3 และ 12 ซึ่งมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ไม่อยากคิดเลยว่าการใช้งานถ้าเราได้วิ่งแบบเต็มกำลัง จนหมดคันเร่งจริงๆ แล้ว ความเร็วมันจะไหลไปได้ไกลขนาดไหน โดยผู้ทดสอบเองต้องบอกว่าใจเริ่มสนึกกับการทดสอบมันมากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ได้เปิดคันเร่ง แต่ก็ต้องยอมรับโดยตรงว่าการทดสอบในครั้งนี้เราไม่สามารถเปิดคันเร่งได้มากกว่า 70% เลย เพราะตัวรถมันมีกำลังและความสามารถที่เกินกว่ารูปแบบสนามจะรับได้
ช่วงล่างและการเข้าโค้ง
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เราได้ทดสอบตัว SP ที่เป็นเหมือนตัวท๊อปของคลาส โดยที่ระบบช่วงล่างนั้นเปลี่ยนไปเป็นของ Ohlins และ Brembo ที่แตกต่างไปจากรุ่นมาตรฐาน โดยที่ระบบช่วงล่างนั้นเรียกได้ว่าฉลาดแบบสุดๆ เพราะมันทำงานร่วมกับแกน IMU แบบ 6 แกน มีการปรับระยะตามความเร็วและการเอียงตัวในโค้งที่นุ่มนวล แต่ก็จะมีจังหวะดีเลย์แบบเศษเสี่ยงวินาทีในการปรับระดับ ซึ่งเมื่อเราปรับตัวให้คุ้นเคยได้มันก็ไม่กระทบกับการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเลยแม้แต่น้อย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเหลืออย่าง Traction Control เองก็ช่วยคำนวนความเร็วของล้อหลังให้สัมพันธ์กับล้อหน้า อาการสไลด์ของล้อหลังในโค้งแทบจะไม่มีให้เราได้รู้สึก อีกทั้งการเดินคันเร่งออกจากโค้งก็มีระบบ Wheelie Control ช่วยควบคุมการยกตัวจากแรงของคันเร่งทำให้เราสามารถขับขี่ได้มั่นใจมากขึ้น ระบบเบรกเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก การใช้เบรกหน้าอย่างหนักหลังจากวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าเดิม ไม่มีอาการหน้าจิกท้ายโด่ง เหมือนรุ่นที่ผ่านมา โดยที่ตัวรถนั้นจะกระจายแรงเบรกและจัดการผ่านแกน IMU เพื่อการปรับระดับของโซ้คอัพซึ่งจะทำให้ตัวรถกดลงทั้งคัน ไม่กดเฉพาะส่วนหน้าอีกต่อไป โดยที่ส่วนหนึ่งนั้นเป็นการช่วยเหลือจากอุปกรณ์ใหม่อย่าง Winglet หน้าที่นอกจากช่วยในการกดส่วนหน้าของตัวรถให้นิ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วแล้ว ยังช่วยรีดอากาศในยามที่เราเบรกหนักๆ และช่วยในการปรับกระแสอากาศในยามที่เราเข้าโค้ง และช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม
ภาพรวมของ All-New Honda CBR1000RR-R SP
นิยาทที่ว่า “Make In The Race” สำหรับ CBR รุ่นใหม่ ดูจะไม่ใช่คำนิยามที่ดูเกินตัวแต่อย่างใด มันถูกถ่ายทอดอะไรหลายๆ อย่างมาจาก RC213V และ RC213V-s อย่างเต็มรูปแบบ ตัวรถพร้อมสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน และยังเสริมความสามารถในการขับขี่บนท้องถนนสาธารณะ ที่มีอุปกรณ์และระบบที่ช่วยเหลือในด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม มันตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง และมีกิจกรรมยามว่างเป็นการขับขี่ในสนามแข่งขันแล้วล่ะก็ 2021 All-New Honda CBR1000RR-R SP เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก กับสนนราคา 1,119,000 บาท ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณบริษัท A.P. Honda ที่ชวนพวกเราทีมงาน Greatbiker.com ในการทดสอบเจ้า 2021 All-New Honda CBR1000RR-R SP ในครั้งนี้ และเราจะมีการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์คันไหนต่อไป ต้องคอยติดตามกันให้ดี
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.