Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

All New Honda Forza 300 2018 เปิดตัวกันแล้ว

030818-2018-Honda-Forza-300-f

เปิดตัวกันไปแบบทางการแล้วสำหรับเจ้า All New Honda Forza 300 2018 รถในแนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์คันล่าสุดจากทางค่าย ที่หลายต่อหลายคนนั้นรอคอยกัน ซึ่งการเปิดตัวคราวนี้มันมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ทาง GreatBiker จะพาไปชมรายละเอียดของมันด้วยกัน รับรองว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ด้วยรูปทรงการออกแบบดีไซน์ของ All New Honda Forza 300 2018 นั้นถือได้ว่ามันมีความเหลี่ยมความคมมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูแล้วเป็นไปตามที่ทางเราคาดการณ์ว่ามันจะมีความคล้ายคลึงกันกับ Forza 125 ที่ขายกันที่ฝั่งยุโรปก่อนหน้านี้ ซึ่งพอมันกลายมาเป็นเวอร์ชั่น 300 ในครั้งนี้ก็ถือว่าค่อนข้างจะลงตัวมากๆ ทีเดียว ทำให้มิติโดยรวมของตัวรถนั้นมีความกระชับมากขึ้นกว่าโมเดลเดิมก่อนหน้านี้

โดยตัวเฟรมรถนั้นเป็นแบบเฟรมท่อผลิตจากเหล็กเป็นแบบใหม่ทั้งคัน รวมไปถึงแชสซีของตัวรถนั้นก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วย ที่น่าสนใจอีกประเด็นก็คือการลดระยะห่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้สั้นลงกว่าเดิม และเบาะนั่งที่บางลงกว่าเดิม (แต่ความสูงเบาะนั้นสูงกว่าเดิมไปประมาณหนึ่ง) โดยไม่มีขอบกั้นระหว่างคนขี่และคนซ้อนกันอีกต่อไปแล้ว (จากที่มีในโมเดลเดิม) รวมไปถึงมิติด้านข้างของตัวรถที่แคบลงกว่าเดิม ทำให้งานนี้เจ้า All New Forza 300 นั้นจะดูโฉบเฉี่ยว มีความเป็นสปอร์ต ทำแอร์โร่ว์ได้นามิกได้ดีกว่าเดิม และมุดช่องแคบๆ ในเมืองได้คล่องแคล่วกว่าเดิมด้วย

All New Forza 300 2018 นั้นมาพร้อมกันกับล้อด้านหน้าที่มีขนาด 15 นิ้วด้วยกัน และด้านหลังมีขนาด 14 นิ้ว (ซึ่งโมเดลเดิมก่อนหน้านี้ด้านหน้าจะเป็น 14 นิ้วและด้านหลัง 13 นิ้ว) ตรงนี้เลยเป็นส่วนที่แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิกจะมีขนาด 33 mm เท่านั้น บางลงกว่าโมเดลเดิมที่มีขนาด 35 mm ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบทวินโช้คที่สามารถปรับระยะพรีโหลดได้ถึง 7 ระดับด้วยกัน เบรกหน้าเป็นแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 256mm ปั้มเบรกของ Nissin ส่วนด้านหลังใช้ดิสก์เดี่ยวเช่นกันในขนาด 240mm ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS แบบ 2 channel ติดรถมาให้จากโรงงานเลย ในขณะที่หน้าจอแสดงผลนั้นเป็นแบบดิจิตอลผสมกับอนาล็อค

เรามาดูกันในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง มันมาพร้อมกับความ 279cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด SOHC 4 วาล์ว แบบ 1 ลูกสูบที่จะเน้นแรงบิดในย่านความเร็วต้นถึงกลางมากเป็นพิเศษ (ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับโมเดลเดิมก่อนหน้านี้) ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 24.8 hp ที่ 7,000 รอบต่อนาที และทอร์คนั้นอยู่ที่ 27.25 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที และในส่วนของไฮไลท์จริงๆ ของรถคันนี้นอกเหนือไปจากข้อมูลข้างต้นที่รายงานกันไป ก็คือในเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ ที่ติดมากับตัวรถ โดยจะมีระบบ Traction Control หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรีมาให้ โดยจะควบคุมการทำงานของระบบนี้ได้จากปุ่มกดที่แฮนด์รถ โดยระบบจะคำนวนความเร็วสัมพันธ์ระหว่างล้อหน้าและล้อหลังกับแรงบิดในขณะนั้น ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกกับระบบนี้ของทาง Honda ในรถสกู๊ตเตอร์ และอีกส่วนที่น่าสนใจก็ชิลด์หน้ารถนั้นสามารถปรับระดับความสูงต่ำได้แบบระบบไฟฟ้า, ระบบไฟจะเป็นแบบ LED, และที่สำคัญจะมีระบบสมาร์ทคีย์ (แบบไม่ต้องเสียบกุญแจเข้ากับเบ้า แต่สตาร์ทได้เลยถ้าพกกุญแจอยู่ในรัศมีการทำงาน) ใต้เบาะรถนั้นสามารถเก็บหมวกกันน็อคแบบฟูลเฟซได้ 2 ใบแบบสบายๆ

สีที่เปิดตัวกันในปีนี้นั้นจะมีสี Crescent Blue Metallic (สีโปรโมท น้ำเงินเทา), Pearl Nightstar Black (ดำเทา), Matt Cynos Grey Metallic (เทา) และ Matt Pearl Cool White (ขาว) โดยในขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งทาง GreatBiker จะมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีกครั้ง รวมไปถึงกำหนดการในการเปิดตัวกันในประเทศไทยด้วยว่าจะเมื่อไหร่ รอติดตามกันได้ ห้ามพลาด!!!

ขอบคุณภาพประกอบจาก motorcycle.com