เผยโฉม All-New XMax 125 และ 300 สำหรับตลาดยุโรป
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับโมเดล All-New รุ่นใหม่ของ Yamaha XMax 125 และ 300 สกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยมที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดของทางค่ายจากประเทศญี่ปุ่น โดยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้ ยังคงทิ้งร่องรอยและแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของสกู๊ตเตอร์ในตระกูล Max อย่างสมบูรณ์
สำหรับ Yamaha XMax 125 และ 300 นั้น หากดูจากภายนอกแทบไม่มีความแตกต่างกันเลย โดยความแตกต่างเพียงเรื่องเดียวก็คือเรื่องของขนาดความจุเครื่องยนต์และเรื่องน้ำหนักตัว ที่จะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยงานออกแบบภายนอกจะยังคงรูปแบบที่ชัดเจนของซีรี่ส์ XMax ไว้อย่างไร้ที่ติ ตัวรถยังมีชุดไฟหน้าคู่ที่มีรูปแบบคล้ายกับตัว X เช่นเดียวกับไฟท้าย ที่ปรับใหม่ทั้งหมด พร้อมกับชุดไฟ LED และสิ่งที่ดูจะแปลกตาออกไปคือ สัญญาณไฟเลี้ยวที่ด้านหน้าจะถูกปรับตำแหน่งให้สูงขึ้น ทำให้สังเกตได้อย่างชัดเจนมากกว่าเดิม
ตัวรถยังนำเสนอด้วยกัน 2 รูปแบบ คือรุ่นมาตรฐานและรุ่น Tech Max ที่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของอุปกรณ์ติดตั้งพื้นฐาน โดย Tech Max จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบคู่ โดยจอหลักจะเป็น LCD ที่จะแสดผลความเร็ว รอบเครื่องยนต์ พร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน ส่วนอีกหน้าจอจะเป็นหน้าจอแบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ที่ทำงานร่วมกับแอป Garmin StreetCross สำหรับการแสดงผลการนำทางผ่านระบบ GPS อีกทั้งยังมีส่วนควบคุมที่ประกับแฮนด์สำหรับการย่อหรือขยายแผนที่ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
ไม่เพียงแต่งานออกแบบภายนอกใหม่ และอุปกรณ์หน้าจอใหม่ ตัวรถ ยังมีการปรับปรุงเรื่องของเบาะนั่ง ทำให้การขึ้นลง นั้นทำได้ง่ายขึ้น ช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ยังคงอยู่ สามารถบรรจุหมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้พร้อมกันทีเดียว 2 ใบ และสำหรับผู้ที่เลือกซื้อรุ่น Tech Max จะได้รับแผ่นรองพื้นอลูมิเนียม และชุดสีตัวถังเฉพาะ รวมไปถึงการตกแต่งพิเศษบนตัวถังเพิ่มเติม
ในขณะที่ตัวเลือกสีตัวถังนั้น Yamaha XMax 125 และ 300 จะมีตัวเลือกสีตัวถังที่เหมือนกัน โดยรุ่นมาตรฐาน จะมาพร้อมกับสี Icon Blue และ Sonic Grey ส่วนรุ่น Tech Max จะมีตัวเลือกสีเพียงชุดเดียวคือ Dark Petrol ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายในโซนยุโรปทั้งหมดจะเป็นโมเดลที่ผลิตโดยโรงงาน MBK Industrie ในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น
ยังไม่มีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการของทั้ง XMax 125 และ 300 ในตลาดยุโรป แต่ทางผู้ผลิตได้ยืนยันแล้วว่า ตัวรถจะพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดยุโรปช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ส่วนประเทศไทยนั้น คาดว่าไม่เกินเดือนมีนาคมปีหน้าก็น่าจะเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ โดยจะเป็นงานนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rideapart.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.