Banner Yamaha FINN 2024 1150x250
Banner Yamaha FINN 2024 400x300

เปิดตัว Can-Am Origin และ Can-Am Pulse สองโมเดลพลังงานไฟฟ้า อย่างเป็นทางการ

เปิดตัว Can-Am Origin และ Can-Am Pulse สองโมเดลพลังงานไฟฟ้า อย่างเป็นทางการ

หลังจากปล่อยให้รอคอยกันมาพอสมควร ในที่สุด BRP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Can-Am ผู้ผลิตจากประเทศแคนาดา ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์หน้าใหม่ล่าสุด พร้อมกันสองโมเดล ประกอบด้วย Can-Am Origin และ Can-Am Pulse

iIbwRr.jpeg
Can-Am Origin

José Boisjoli ประธานและซีอีโอของ BRP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Can-Am กล่าวให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “วันนี้ เรากำลังเรียกคืนมรดกทางจักรยานยนต์สองล้อของเราด้วยการสร้างความตื่นเต้นใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อ 50 ปีที่แล้ว Can-Am ได้เฉลิมฉลองชัยชนะมากมายด้วยรถจักรยานยนต์ Track ’n Trail และเรากำลังนำสายเลือดนั้นกลับคืนมาด้วยการเน้นที่พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย ​​การเชื่อมต่อ และความตื่นเต้น เราตั้งใจที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในพื้นที่ดังกล่าวด้วยนวัตกรรมที่แท้จริงซึ่งออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของประสบการณ์การขับขี่สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ และแนะนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้กับทุกคน”

iIbGok.jpeg
Can-Am Pulse

Can-Am Origin และ Can-Am Pulse ใช้มอเตอร์ Rotax E-Power ที่พัฒนาโดย BRP ซึ่งมีจุดเด่นด้วยการติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว มอเตอร์มีแรงบิด 78.9 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที และมีระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แบตเตอรี่ของตัวรถจะมีขนาด 8.9kWh ซึ่งมีการติดตั้งระบบอินเวอร์เตอร์ระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งทาง BRP กล่าวว่าช่วยลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่พร้อมทั้งเพิ่มเวลาในการชาร์จด้วย

iIbK0q.jpeg

เมื่อพูดถึงเวลาในการชาร์จ Can-Am กล่าวว่าแบตเตอรี่จะชาร์จจาก 20%-80% ในเวลา 50 นาทีโดยใช้เครื่องชาร์จระดับ 2 ซึ่งเป็นตู้จ่ายกระแสไฟระดับกลาง ที่สามารถพบเจอได้ตามจุดจอดรถในห้างสรรพสินค้า หรือตู้ชาร์จที่ติดตั้งได้เองที่บ้าน

iIb2bP.jpeg

ในส่วนของรูปแบบตัวรถนั้น Can-Am Origin มีลักษณะของรถออฟโรด ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าขนาด 21 นิ้วและล้อหลังขนาด 18 นิ้ว ยางเป็นยาง Dunlop D605 แบบ dual-purpose และระบบกันสะเทือนเป็น KYB ซึ่งจุดเด่นของเจ้า Origin นั้นจะอยู่ที่น้ำหนักตัวที่ทางผู้ผลิตเคลมว่า จะมีน้ำหนักเพียง 187 กิโลกรัมเท่านั้น ด้วยความที่ตัวรถเป็นรถใช้งานเชิงออฟโรด ทำให้เบาะนั่งจะมีความสูงถึง 865 มิลลิเมตร พร้อมระยะห่างจากพื้น 274 มิลลิเมตร ซึ่งค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

iIbnwt.jpeg

ในขณะเดียวกัน Can-Am Pulse จะเป็นรถแบบโรดสเตอร์ ที่เน้นการใช้งานบนทางเรียบเป็นหลัก มาพร้อมกับขอบล้อขนาด 17 นิ้ว สวมด้วยยาง Dunlop Sportmax GPR 300 แบบไม่มียางใน มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าขนาด 51 มิลลิเมตร จากแบรนด์ KYB และโช้คหลังจากแบรนด์ Sachs ที่สามารถปรับระดับ preload ได้ ตัวรถจะมีความสูงเบาะนั่งที่ 784 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นเพียง 146 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวแบบพร้อมขี่ที่ 177 กิโลกรัม

iIbDHz.jpeg

ทั้งสองคันมีระบบเบรกแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 320 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้าพร้อมคาลิปเปอร์ลอย J.Juan แบบสองลูกสูบ และระบบ ABS แบบสองช่องสัญญาณ แผงหน้าปัดสี TFT แบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ซึ่งช่วยควบคุมโหมดการขับขี่ใน Pulse มีให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Rain และ Sport+ โดยแต่ละโหมดจะปรับเปลี่ยนการตอบสนองของคันเร่ง รวมถึง ABS และอินพุตการควบคุมการยึดเกาะถนน ในขณะเดียวกัน Origin มี 6 โหมด ได้แก่ Normal, ECO, Rain, Sport, Off-Road และ Off-Road+

iIb59l.jpeg
iIbrjw.jpeg

ในส่วนของกำลังของตัวรถนั้น Can-Am Origin และ Can-Am Pulse จะมีกำลังสูงสุด 47 แรงม้า (HP) ซึ่งจะมีอัตราเร่งที่แตกต่างกัน โดย Pulse จะมีอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยเวลา 3.8 วินาที ในขณะที่ Origin จะมีอัตราเร่งในเวลา 4.3 วินาที บนระยะทางที่เท่ากัน และแม้จะติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีความจุเท่ากัน แต่ Pulse จะรองรับการขับขี่ในระย 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร) ต่อชาร์จ ส่วน Origin จะรองรับระยะทาง 90 ไมล์ (144 กิโลเมตร) ต่อชาร์จ

iIbvug.jpeg

นอกจากนี้ BRP ยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์เสริมต่างๆ โดยจะมีทั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อความสวยงามของตัวรถ และอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานของตัวรถทั้งสอง และยังมีการนำเสนอรุ่นพิเศษ ที่ใช้โทนสีเพื่อระลึกถึง ASE 250 “73 special” ผลิตภัณฑ์สองล้อรุ่นสุดท้ายของ Can-Am จากปี 1987 โดย Can-Am Pulse จะมีราคาเริ่มต้นที่ 13,999 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 476,245 บาท ในขณะที่ Can-Am Origin จะมีราคาเริ่มต้นที่ 14,999 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 510,115 บาท โดยประมาณ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bikesrepublic.com