แข่งสนามปิดทางออกที่ดีที่สุดของมอเตอร์สปอร์ตจริงหรือ??
ท่ามกลางการระบาดของ Covid-19 ที่ส่งผลต่อกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการชุมนุมของคนจำนวนมาก จนทำให้การแข่งขันกีฬาเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ยกสั่งให้ยกเลิกด้วยเหตุผลทางสุขอนามัยที่ถูกต้อง และดูเหมือนว่ากิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ปัจจุบันเช่นกัน จนมีข่าวลือเกี่ยวกับการหาทางออกในการจัดการแข่งขันออกมาอย่างไม่ขาดสาย
โดยข่าวลือที่ว่านั้นมีทั้งกรณีที่ Dorna เองจะละทิ้งฤดูกาล 2020 นี้ไปเลย และหวังว่าจะสามารถกลับมาแข่งขันหกกันใหม่ในปีหน้าในช่วงเวลาที่ทุกๆ อย่างคลี่คลาย แต่ก็มีกระแสความเป็นไปได้ที่ Dorna ที่นำโดย Carmelo Ezpeleta ซีอีโอของผู้ถือครองลิขสิทธ์ที่ไม่อยากจะสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลจากการแข่งขันไปและทฤษฎีการแข่งในสนามปิดนั้นก็ผุดขึ้นมา
Paul Denning หัวหน้าทีมแข่ง PATA Yamaha ในรายการ WorldSBK เองก็ออกมาพูดกับ EUROsport เกี่ยวกับการแข่งในสนามปิดไว้อย่างน่าสนใจว่า “มันอาจจะไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของปัญหา แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย การแข่งในสนามปิดแบบไม่มีคนดูนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลายๆ คนต้องการ แต่เพื่อให้การแข่งขันยังคงเดินหน้าต่อไป มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้”
มีความเป็นไปได้ที่ MotoGP และ WorldSBK สองรายการใหญ่ของโลกมอเตอร์ไซค์จะถูกผนวกรวมเข้าด้วยกัน โดยมีการให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญว่าการแข่งทั้งสองรายการ อาจจะใช้สนามการแข่งขันเดียวกันได้ แต่ต้องเป็นคนล่ะ Race การแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น การเข้าไปยังสนามปิดที่มีการคัดกรองผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และทีมงานจะต้องมีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก ลดจำนวนผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด จากนั้นจัดพื้นที่รอบๆ สนามให้เป็นพื้นที่ปิดและจัดการ Lockdown สถานที่ตามช่วงเวลา นำเอานักแข่งของทั้งสองรายการ มาอยู่ในพื้นที่ปิดนั้น จากนั้นก็สลับสัปดาห์กันแข่ง ซึ่งสนามหนึ่งอาจจะมี Race การแข่งขันมากกว่า 3-4 Race ก็แล้วแต่คณะกรรมการจะพิจารณา ซึ่งในแต่ล่ะสนามนั้นอาจจะกินระยะเวลา 1เดือน เศษๆ ก่อนจะย้ายไปยังสนามใหม่
กรณีที่จะย้ายสนามใหม่นั้น อาจจะต้องเลือกสรรประเทศที่มีความพร้อมในเรื่องของสนามภายในประเทศ โดยประเทศที่ถูกยกมาเป็นอันดับหนึ่งก็คือประเทศสเปน เพราะมีสนามการแข่งขันที่พร้อมรองรับการแข่งทั้งสองรายการอย่างสนาม Catalunya, Aragon, Jerez และ Valencia ซึ่งเป็นการง่ายกว่าการย้ายสนามแบบข้ามประเทศเพราะไม่ต้องเสียเวลาในการกักตัว และสามารถให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยังสนามต่อไปเพื่อทำการเคลียร์พื้นที่ก่อนการมาถึงของบรรดาทีมงานและนักแข่งได้ เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทางไปในตัวอีกด้วย
ส่วนกรณีของการแข่งในสนามปิดนั้น Dorna เองอาจจะสูญเสียรายได้บางส่วนจากการขายบัตรเข้าชม สนาม อาจจะเสียรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการภายในสนาม แต่ส่วนที่น่าจะแฮปปี้มากที่สุดคือผู้สนับสนุน ที่จะยังคงมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันออกไปสู่สาธารณะชน และดูเหมือนว่าช่วงเวลาในการโฆษณานั้นจะมีมูลค่าที่สูงขึ้นจากการที่ผู้คนส่วนใหญ่จะได้มีโอกาสรับชมการถ่ายทอดสด โดยที่จะมีช่วงเวลาในการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดูเหมือนว่าหากเป็นไปตามแนวคิดนี้ ก็จะมีผู้ที่ได้และผู้ที่ต้องสูญเสีย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงไม่พ้นทีมเล็กๆในรายการ อย่างล่าสุด Ruben Xaus หัวหน้าทีมของ Avintia Ducati ได้เปิดเผยข้อมูลทางการเงินหลังประสบวิกฤต Covid-19 กับ MotoGP ว่าทีมกำลังอยู่ในสภาวะ “โซนสีแดง” หรือกำลังเจอกับวิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรงถึงแม้ว่าจะได้เงินช่วยเหลือบางส่วนจาก Dorna แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายภายในทีม เพราะผู้สนับสนุนทีมเองก็เจอวิกฤตที่ไม่แตกต่างกัน ณ เวลานี้มันไม่ใช่กิจกรรมเพื่อความสนุกอีกต่อไป เพราะมันมีเรื่องของธุรกิจเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก การจะลงแข่งด้วยใจแต่ไม่มีเม็ดเงินเข้ามาสนับสนุนเป็นใครก็คงจะทำได้ไม่นานอย่างแน่นอน
ต่อจากนี้ไปเราก็ทำได้เพียงแต่รักษาตัวเองและภาวนาให้การระบาดของ Covid-9 นั้นค่อยๆ เบาบางลง และทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติให้ได้เร็วที่สุด เพราะไม่เพียงแค่กิจกรรมที่เราชื่นชอบจะต้องหยุดชะงักเท่านั้น การใช้ชีวิต การทำงาน การหาเลี้ยงชีพของใครๆ หลายๆ คน ก็ต้องหยุดชะงักไม่ต่างกัน ทีมงาน Greatbiker เองก็ขอให้เรื่องราวเหล่านี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและกลับมาปกติอีกครั้ง เพื่อพวกเราจะได้ดำรงอยู่ต่อไปและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.