รายละเอียดของ 2021 Kawasaki Ninja ZX-10R และ ZX-10RR
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งจากค่ายยักษ์เขียว 2021 Kawasaki Ninja ZX-10R และ ZX-10RR ซึ่งมันเปลี่ยนแปลงรูปโมเดลจากเดิมไปเล็กน้อย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างมหาศาลนั้นก็คือเครื่องยนต์ที่เซ็ทอัพค่าใหม่แทบจะทั้งหมด
2021 Kawasaki Ninja ZX-10R
ก่อนที่เราจะเจาะลึกการอัปเดตที่ละเอียดกว่านี้เรามาดูส่วนหน้าของ ZX-10R กัน ตัวรถได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานในสนามแข่งดีขึ้นและมีแนวโน้มที่จะสร้างเซอร์ไพร์สให้กับคู่แข่งในรายการ WorldSBK ฤดูกาลหน้าได้ ถึงแม้ว่าตัวรถจะครองทุกแชมป์ในระดับสูงสุดของรายการ ซึ่งตัวรถในเวอร์ชั่น ZX-10R นั้นดูจะเน้นไปที่หลักการทางอากาศพลศาสตร์ที่มากขึ้นและดูจะเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดปัจจุบันเเล็กน้อย
ด้วยการออกแบบส่วนหน้าใหม่ทำให้ 2021 Kawasaki Ninja ZX-10R และ ZX-10RR มีความสามารถในการสร้าง Downforce ได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 17% ยิ่งไปกว่านั้นส่วนหน้าที่ยื่นออกมาคล้ายกับจมูกนั้นช่วยลดการลากโดยรวมแม้ว่าจะมีความแหลมน้อยกว่ารุ่นก่อนก็ตามด้วยขนาดกว้างและสูงขึ้นก็สามารถช่วยผู้ขับขี่ได้มากขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าส่วนหลังของตัวรถจะยังคงคล้ายกับของเดิม แต่ถ้ามองในรายละเอียดแล้วมันล้วนแต่เป็นของใหม่ทั้งชุด มีช่องที่ด้านข้างของส่วนท้ายเพื่อให้อากาศผ่านลดอาการต้านลมได้มากขึ้น ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงที่แผงด้านข้างจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอากาศและช่วยบังคับไอร้อนจากเครื่องยนต์ไม่ให้สัมผัสกับผู้ขับขี่โดยตรงอีกด้วย
ในส่วนของไฟหน้านั้นมีขนาดที่เล็กกว่าเดิมมาก โดยทางผู้ผลิตได้เลือกใช้งานระบบไฟแบบ LED เต็มรูปแบบซึ่งมีน้ำหนักที่เบากว่าชุดหลอดฮาโลลเจนเดิมถึง 450 กรัม โดยที่ตรงกลางจะมีช่อง Ram Air ดีไซน์ใหม่ที่มีขนาดที่เล็กกว่าเดิม แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการออกแบบเก่า แถมยังมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เต็มรูปแบบเหมือนกับของเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ส่วนต่อมาคือ Riding Position ที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยทางผู้ผลิตได้แก้ไขปรับปรุงให้ตัวรถมีความสะดวกสบายและการเข้าถึงการควบคุมที่ง่ายกว่าเดิม ซิลด์หน้าที่กว้างและสูงกว่าเดิมนั้น สามารถป้องกันผู้ขับขี่จากการปะทะโดยตรงกับลมได้เป็นอย่างดี ในขณะที่บาร์จะตรงกว่าและไปข้างหน้ามากกว่าเดิม 10 มิลลิเมตร เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น การลาดเอียงไปยังเบาะนั่งของผู้ขับขี่จะช่วยเพิ่มตำแหน่งการขี่ที่สามารถขยับไปมาได้สะดวกกว่าเดิม เช่นเดียวกับที่วางเท้าที่สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร ทำให้การวางตำแหน่งเท้านั้นสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นยังคงรูปแบบของเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี สี่ลูกสูบเรียงแบบ DOHC เช่นเดิม แต่ตัวเครื่องยนต์ชุดนี้ได้รับชุดระบายความร้อนใหม่ ในขณะที่ตัวเลขด้านประสิทธิภาพนั้นยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิต แต่ก็มีข่าวรั่วไหลมาว่าตัวเครื่องยนต์นั้นสามารถทำกำลังสูงสุดได้ที่ 203 แรงม้า (PS) เท่ากับของเดิม แต่มีการลดจำนวนรอบของกำลังสูงสุดจาก 13,500 รอบต่อนาที เป็น 13,200 รอบต่อนาที ซึ่งนั้นอาจจะเกิดจากท่อไอเสียใหม่และคอท่อไอเสียใหม่ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้ในระบบไอเสียมีการปรับขนาดของท่อเก็บเสียงที่เล็กลง และท่อลดเสียงที่ยาวกว่าเดิม รวมไปถึงตัวกรองไอเสียที่เปลี่ยนใหม่ โดยที่ระบบไอเสียใหม่นี้ ทั้งสองโมเดลมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในระบบส่งกำลังนั้น ZX-10R มีการเปลี่ยนขนาดเสตอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นจาก 39t เป็น 41t และมีการปรับอัตราทดเกียร์ให้กระชับกว่าเดิมในช่วงเกียร์ 1- 3 เพื่อเพิ่มอัตราเร่งในช่วงต้นให้กระชับกว่าเดิม
2021 Kawasaki Ninja ZX-10RR
สำหรับตัวท๊อปอย่าง 2021 Kawasaki Ninja ZX-10RR จะเป็นรุ่นผลิตในจำนวนจำกัด โดยถูกกำหนดให้ผลิตในรอบแรกเพียง 500 คันเท่านั้น โดยตัวรถจะเป็นเวอร์ชั่น homologation-special ที่เครื่องยนต์จะถูกจำกัดรอบสูงสุดจากเดิม 14,200 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นไปอีก จนกลายเป็น 14,700 รอบต่อนาที โดยที่เครื่องยนต์นั้นจะได้รับเพลาลูกเบี้ยวใหม่ สปริงวาล์วใหม่ ลูกสูบ Pankl ใหม่ที่มีน้ำหนักที่เบากว่าเดิม 20 กรัม พร้อมแหวนลูกสูบที่มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมเพื่อลดแรงเสียดทานและพินลูกสูบเคลือบ DLC นอกจากนี้เครื่องยนต์สำหรับรุ่น RR นั้นจะมีการเปลี่ยนทางเดิมไอดีให้มีตำแหน่งที่สูงกว่าเครื่องยนต์มาตรฐาน 10 มิลลิเมตร สำหรับลูกสูบคู่ด้านใน ส่วนลูกสูบคู่นอกจะมีระยะไอดีที่สูงกว่า 30 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในรอบเครื่องยนต์ และแน่นอนว่ายังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิต แต่มีการกล่าวอ้างจากเอกสารสำหรับการขออนุญาตสำหรับการจำหน่ายว่าตัวรถจะมีกำลังสูงสุดที่ 204 แรงม้า (PS) เท่าเดิม แต่จะมีการเพิ่มรอบเครื่องยนต์จาก 13,500 รอบต่อนาที ไปเป็น 14,000 รอบต่อนาทีแทน
กลับมาที่ ZX-10R การเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งส่วนก็คือ เดื่อยของสวิงอาร์มมีการปรับตำแหน่งเลื่อนลงมา เมื่อเทียบกับตัวเดิมเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ในการเปลี่ยนแปลงที่อ้างว่าปรับปรุงประสิทธิภาพการออกที่ดีกว่าเดิม สำหรับ RR นั้นสามารถปรับเดือยได้เหมือนเดิม โดยภาพรวมสวิงอาร์มยังได้รับการแก้ไขให้ยาวขึ้นกว่ารุ่นเก่า 8 มิลลิเมตร ในขณะที่ออฟเซ็ตของระบบกันสะเทือนหน้ามีขนาดที่เพิ่มขึ้น 2 มิลลิเมตร ฐานล้อมีความยาวมากกว่าเดิมจาก 1,440 มิลลิเมตร เป็น 1,450 มิลลิเมตร โดยผู้ผลิตได้กล่าวว่า ZX-10R และ ZX-10RR รุ่นใหม่ จะมีการกระจายน้ำหนักตัวรถที่เทไปด้านหน้ามากกว่าเดิม
ระบบกันสะเทือนด้านหน้ายังคงใช้โช็คอัพจาก Showa BFF แต่สปริงมีความนุ่มนวลกว่าเล็กน้อยและมีการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวโช้คด้วยแคลมป์สามตัวที่กว้างขึ้นและท่อโช้คด้านนอกที่ปรับปรุงใหม่ ในส่วนของด้านหลังนั้นจะยังคงใช้งานโช้ค Showa BFRC จะได้รับสปริงที่แข็งกว่าเล็กน้อยและการบีบอัดที่นุ่มนวลขึ้นและการลดการสะท้อนกลับจากการกระแทก และมีความสามารถในการดูดซับแรงจากการเอียงที่เพิ่มขึ้น
สำหรับข้อมูลในด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ทั้ง ZX-10R และ ZX-10RR จะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมือนกัน โดยใช้แกน IMU แบบหกแกนเป็นหัวใจหลักในการทำงาน โดยที่มีการอัพเดทระบบใหม่ในเรื่องของโหมดการขับขี่แบบใหม่ และเพิ่มระบบ cruise control ให้เป็นระบบมาตรฐานของทั้งสองรุ่น หน้าจอแสดงผลใหม่แบบ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ให้โหมดการแสดงผลสองโหมดและสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ เพื่อส่งข้อมูลยานพาหนะและบันทึกการขับขี่ไปยังแอป Rideology ของ Kawasaki รวมถึงการแสดงการแจ้งเตือนการโทรและอีเมลบนหน้าจอได้อีกด้วย
ในส่วนของราคานั้น 2021 Kawasaki Ninja ZX-10R มีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศอังกฤษ โดยที่ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 15,799 ปอนด์หรือประมาณ 639,944 บาท ซึ่งสูงกว่าเวอร์ชั่น 2020 ไปพอประมาณ ในขณะที่ 2021 Kawasaki Ninja ZX-10RR จะมีราคาจำหน่ายที่ 24,799 ปอนด์ หรือประมาณ 1,004,432 บาท ซึ่งเช่นเดียวกันมันแพงกว่าเดิมอยู่พอสมควร แต่ด้วยรูปแบบที่พิเศษกว่า สเปกที่สูงกว่า พร้อมกับการได้วงล้อ Marchesini ที่มีน้ำหนักที่เบากว่า และยังมีการประกาศ Kawasaki Ninja ZX-10R SE ที่ยังคงเสปกเทียบเท่ากับ ZX-10R แต่มีการปรับอุปกรณ์ใหม่ทั้งระบบกันสะเทือนหน้าหลังแบบปรับไฟฟ้า Semi-Active และระบบเบรก มีราคาจำหน่ายที่ 19,149 ปอนด์ หรือประมาณ 775,488 บาท
ส่วนประเทศไทยนั้นคงต้องรอดูกันว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงเวลาใด แต่คาดว่าอย่างช้าที่สุดก็คงไม่น่าจะเกินงาน Motor Show 2021 ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้าอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bennetts.co.uk
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.
