Ducati Monster 1200 S เทียบกับ KTM 1290 Super Duke
วันนี้เรามาเริ่มต้นกันที่ คนที่ชอบเล่นมอเตอร์ไซค์แนวแนคเก็ตไบค์รุ่นใหญ่กันสักหน่อยครับ แต่ที่แน่ๆ คือไม่รู้จะเลือกคันไหนดี หรือเลือกแบบไหนให้มันจบ
โดยค่ายแรกนั้นเป็นของสัญชาติอิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นรายแรกๆ ที่เริ่มต้นผลิตมอเตอร์ไซค์แบบ V-Twin street bike และหลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็มีผู้ผลิตจากสัญชาติออสเตรีย ก็ได้ออกตัวมอเตอร์ไซค์แรงบิตที่ทรงพลังของตัวเองออกมาสู้เหมือนกัน สำหรับปีนี้นั้นเรียกว่าทั้งสองค่ายก็ออกรุ่นเนคเก็ตมาให้เราได้ประชันกันเลยทีเดียวว่าค่ายไหนจะมีความยิ่งใหญ่และเหนือชั้นกว่ากัน
บางทีนั้น รุ่นที่น่าจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงๆ ทั้งในแง่ของการออกแบบและชื่อชั้น ก็คงจะเป็น ตัวเจ้า Ducati กับรุ่น Monster 1200 S ที่มีการวางขายอยู่ในอเมริกาโดยมีค่าตัวอยู่ที่ $15,999 หรือราวๆ 480,000 บาท สำหรับคนไทย Monster ก็เป็นที่รู้จักกันในวงการไบค์เกอร์ ไทยแลนด์ไม่น้อยกว่าชาติอื่นๆ โดยเจ้าตัว Monster นั้น รอบนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 1198 ซีซี ซึ่งนำมาจากรุ่น 1098/1198 Superbike โดยเครื่องยนต์ทำหน้าที่สองอย่างคือนอกจากจะเป็นทั้งขุมกำลังให้กับตัวรถเองแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลัก ที่จะช่วยในการลดน้ำหนักของตัวรถลงไปนั่นเอง
Ducati Monster 1200 S มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนยี่ห้อดัง นั่นก็คือ ของ Ohlins พร้อมระบบ traction control ที่ได้รับการพัฒนาและทดสอบมานาน ระบบเบรก ABS เครื่องยนต์ที่ปรับโหมดได้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็น Monster ที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ที่เคยผลิตออกมา
ดูแล้วเหมือนว่า Ducati จะมีประวัติและชื่อชั้นที่ยาวนานกว่า ค่าย KTM แต่ KTM เองก็ไม่ได้หยุดการพัฒนาและสร้างชื่อของตัวเองแต่อย่างใด ด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ใหม่ รุ่น Super Duke 1290 R ราคาวางขายในอเมริกาที่ $16,999 หรือราว 510,000 บาท ที่มาพร้อมกับ ขุมพลังขนาด 1301 ซีซี โดยเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบการขับขี่มาแล้วอย่างดี 65องศา LC8 V-Twin ภายในเฟรมถัก พร้อมกันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวยาวกว่าปกติ และสิ่งที่เหมือนๆ กันกับเจ้า Ducati และ KTM Duke นั่นก็คือ ระบบ traction control เบรก ABS และการปรับค่าของเครื่องยนต์ได้ 3 ค่า ว่าแต่ระบบอิเลคทรกนิส์จะเพียงพอกับเครื่องยนต์ ที่มีพลังมากมายมหาศาลนี้ได้หรือไม่ เดียวเราจะมาดูกันสักหน่อย
เราพยายามหาคำตอบด้วยการทดสอบการวิ่งเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ไปตามหุบเขา รวมถึงการปีนป่ายเขาสูงชัน และ การวิ่งภายในเมือง นอกจากนี้เรายังได้ขับไปทดสอบอย่างหนักหน่วงบนสนามแข่ง ซึ่งเราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเครื่องยนต์แบบ Twin ว่าตอบสนองกับการบิดเป็นอย่างไรบ้างซึ่งก็ได้กราฟออกมาดังรูปด้านล่างที่ปรากฏให้เห็นดังกล่าว ลองเปรียบเทียบกันเองนะครับ หวังว่าคงได้ข้อสรุปกันไปนะครับ ว่าอยากได้ตัวไหน ตอนนี้เวลาที่ลองดูข้อมูล อย่าลืมนะครับว่าทั้งสองตัวนี้ มีซีซีที่ห่างกัน 103 CC ตั้งแต่เหวี่ยงขาขึ้นคร่อม ก็รู้สึกว่า Monster นั้นเข้าสู่ท่านั่งที่คุ้นเคยสำหรับคนที่เคยขับรุ่นก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว ด้วยแฮนด์ที่ใหญ่ ติดตั้งยื่นไปดานหน้า แม้จะไม่ค่อยเข้ากับเส้นสายของเบาะหรือแป้นพักเท้าซักเท่าไร และเมื่อนำเอาไปเทียบกับ KTM ที่ดูออกแนวเคลื่อนไหวและทรงนั้นอาจจะออกไปทางมอเตอร์ไซค์วิบาก เจ้า Monster จะให้ความรู้สึกอึดอัดจากเอวลงไป ส่วนด้านบนจะออกแนวดุดันและยึดออกกว้าง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่รูปร่างเล็ก ก็อาจจะรู้สึกดีกับเบาะนั่งที่ต่ำกว่าเดิม 2 นิ้วก็ได้เมื่อตำแหน่งการนั่งที่ต่ำลง
เจ้า Ducati Monster 1200 S สำหรับท่านั่งแล้วเหมือนว่าจะต้องเอนตัวไปข้างหน้ามากหน่อย การเข้าโค้งจะทำได้ดี แต่ถ้าเป็นบนทางด่วนแล้วละก็ รู้สึกว่าไม่ค่อย Happy เท่าไร เมื่อเทียบกับ KTM 1290 Super Duke
มาต่อกันที่ระยะระหว่างล้อของเจ้า Ducati Monster 1200 S แม้ว่าจะยาวกว่าเดิม ประมาณ 1 นิ้วแล้วก็ตามแต่ก็ยังสามารถบังคับเลี้ยวต่างๆ ได้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงต้องยกนิ้วให้กับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า KTM 1290 Super Duke ในส่วนของน้ำหนักตัวรถแล้ว Ducati Monster 1200 S นั้นถือว่าเบากว่า KTM 1290 Super Duke อยู่ประมาณ 3 ปอนด์ด้วยกัน และเมื่อขับขี่ที่ความเร็วช้าๆ ระบบกันสะเทือนถือว่าทำงานได้ดี เราต้องขอให้คะแนนกับ Ducati Monster 1200 S ที่สามารถปรับค่าตะเกียบหน้า Ohlins ได้เมื่อเปรียบเทียบกับ KTM 1290 Super Duke ที่ปรับค่าไม่ได้นั่นเอง
ส่วนของระบบเบรกนั้น ทั้งสองคันนี้ถือว่าสูสีกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามแต่ สเปครถแข่งอย่าง M50 โมโนบล็อค คาลิบเปอร์ของ Ducati นั้นจะมากับจานเบรกที่ใหญ่กว่าอยู่ 10 มม. แต่จากผลของการทดสอบของรถทั้งสองคัน แทบจะไม่แตกต่างกัน แม้ว่า เจ้า Ducati Monster 1200 S จะมีจานเบรกหลังใหญ่กว่าเล็กน้อยก็ตาม สำหรับกรณีการเปิดระบบ ABS หากเราตั้งค่าไว้ที่เลข 1 พบว่า Ducati Monster 1200 S นั้นจะหยุดได้ไวกว่า นั่นแสดงให้เห็นว่า Ducati ได้ทำการปรับแต่ง ABS มาเป็นอย่างดี แต่เมื่อปิดระบบกลับพบว่า Ducati Monster 1200 S ต้องใช้ระยะทางไกลกว่าในการหยุดรถ ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากเพราะตะเกียบหน้าของ Ducati นั้นก็ไม่ได้ยุบตัวลงมากสักเท่าไร
สุดท้ายแล้ว ก็อยู่ที่ชาวไบค์เกอร์ว่าตัวคุณเอง รักและชอบเนวไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าค่ายไหน รุ่นไหน เราก็คือ ชาวไบค์เกอร์ที่มีใจรักในรถสองล้ออันมีเสน่ห์เหมือนกันนั่นเอง
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : bikerdoctor.com, mocyclover.com, motorbiketimes.com, ducati.com, motorcycledaily.com