เผยรายละเอียด Ducati V21 L ตัวแข่ง MotoE ฤดูกาล 2023
เป็นที่ทราบกันดีว่าในการแข่งขัน MotoE ในฤดูกาล 2023 จะมีการเปลี่ยนแปลงซัพพรายเออร์ผู้ผลิตรถแข่งอย่างเป็นทางการ โดยจะเปลี่ยนจาก Energica เป็นรถแข่งพลังงานไฟฟ้าจากแบรนด์ Ducati และก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตสัญชาติอิตาเลี่ยนเอง ก็ได้เปิดเผยภาพตัวจริงของรถแแข่ง V21 L ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ล่าสุดนั้นทาง Ducati เองก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลก่อนการส่งมอบตัวรถให้กับทีมแข่งในรายการไปใช้ทดสอบ ก่อนเริ่มฤดูกาล 2023 ที่จะเปิดฉากในปีหน้า
จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยผู้พัฒนา Ducati V21 L จะมีน้ำหนักตัวเพียง 225 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าที่ Dorna และ FIM ต้องการถึง 12 กิโลกรัม และจากการทดสอบหลายต่อหลายครั้งพบว่าตัวรถแข่งสต็อกจากโรงงานจะมีแรงบิดสูงสุด 103 Ib-Ft ซึ่งจะมากกว่า Panigale V4 นั้นหมายความว่า V21 L จะมีประสิทธิภาพในการออกตัวที่รวดเร็วกว่า ถึงแม้ว่าจะมีกำลังสูงสุดเพียง 150 แรงม้า (HP) แต่ตัวรถก็สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 171 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะมากกว่า Energica Evo Corsa ที่ใช้ในการแข่งขันปัจจุบันราวๆ 11 ไมล์ต่อชั่วโมง (17.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Claudio Domenicali ซีอีโอของ Ducati กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผมมีโอกาสพิเศษที่จะได้ขี่ Ducati MotoE ในสนามแข่ง และผมก็รู้ทันทีว่าผมกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ โลกกำลังผ่านช่วงเวลาที่ซับซ้อนและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบที่บุคคลและทุกบริษัทต้องคำนึงถึงลำดับความสำคัญ หากเราต้องการรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนของโลก ในฐานะ Ducati เราเข้าใจถึงความต้องการนี้และได้ออกค้นหาความท้าทายที่จะช่วยให้เรามีส่วนร่วมในเป้าหมายร่วมกันในการลดการปล่อย CO₂ และในขณะเดียวกันก็รักษาศรัทธากับ DNA ของเราที่เชื่อมโยงกับการแข่งขัน เราเห็นด้วยกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูงสุดซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันทำได้ และใช้โครงการนี้เป็นห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างอนาคตของเรา ผลลัพธ์ที่เราได้รับนั้นน่าประหลาดใจ ทันทีที่ผมนั่งรถมอเตอร์ไซค์ ผมรู้ถึงคุณภาพของงานที่ทีมทำ และเมื่อเสร็จสิ้นการขี่ในสนามแล้ว ผมเองก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างสุดซึ้งสำหรับสิ่งที่เราสามารถทำได้อีกครั้ง”
สำหรับตัวรถ Ducati V21 L นั้นจะมีโครงสร้างแบบ Monocoque ที่เป็นโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ Ducati พร้อมกับ Sub-Frame แบบ Bolt-On โดยมีน้ำหนักรวมกันเพียง 3.7 กิโลกรัมเท่านั้น เพื่อรองรับส่วนบังคับ แบตเตอรี่และเบาะนั่งของนักแข่ง ในขณะที่สวิงอาร์มและขอบล้ออัลลอยด์จะมีน้ำหนักรวมกัน 4.8 กิโลกรัม ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นจะมีชุดป้องกันที่ผลิตจากคาร์บอนห่อหุ้มตัวแบตเตอรี่ไว้ ป้องกันในขณะที่รถเกิดอุบัติเหตุในการแข่งขัน ก้อนแบตเตอรี่ประกอบด้วยเซลล์ 1,152 ‘21700’ (เส้นผ่านศูนย์กลางแต่ละเซลล์ 21 มม. และยาว 70 มม.) ซึ่งคล้ายกับเซลล์ที่ใช้ในรถยนต์ Tesla
ตัวแบตเตอรี่จะมีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม แต่ล่ะก้อนจะมีความจุ 18 kWh โดยมีพอร์ต Socket ขนาด 20kW ที่ส่วนท้ายช่วยให้สามารถชาร์จแพ็คได้ถึงความจุ 80% ในเวลาเพียง 45 นาที ใต้เบาะนั่งจะมีตัวแปลงกำลังไฟฟ้าขนาด 800v ที่ส่งตรงไปยังมอเตอร์ขับกำลังติดตั้งอยู่ใต้แบตเตอรี่ โดยที่มอเตอร์และชุดควบคุมจะมีน้ำหนักรวมกัน 21 กิโลกรัม มอเตอร์สามารถหมุนรอบสูงสุดได้มากถึง 18,000 รอบต่อนาที และมีส่วนควบคุมเกียร์แบบ Single Speed ในขณะที่ มอเตอร์ ตัวแปลงกำลังไฟและชุดแบตเตอรี่ต่างก็มีวงจรระบายความร้อนด้วยของเหลวเป็นของตัวเอง โดยจะไม่มีระบบระบายความร้อนส่วนกลาง ซึ่งสะท้อนถึงข้อเท็จจริงที่ว่าอุณหภูมิในการทำงานที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกัน
Vincenzo De Silvio ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Ducati กล่าวว่า “สำหรับ Ducati การได้มีโอกาสเป็นซัพพลายเออร์ของ FIM MotoE ไม่ใช่แค่การร่วมทุนที่น่าตื่นเต้นทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตีความความท้าทายของสหัสวรรษใหม่ด้วย การแข่งขันที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงอุดมคติที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมซึ่งจะส่งต่อไปยังรถจักรยานยนต์ที่ผลิตได้ในอนาคต ในขณะนี้ ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในด้านนี้ยังคงเป็นความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับขนาด น้ำหนัก ความเป็นอิสระของแบตเตอรี่ และความพร้อมใช้งานของเครือข่ายการชาร์จ ประสบการณ์ของ Ducati ในการแข่งขัน FIM MotoE จะเป็นการสนับสนุนขั้นพื้นฐานสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ร่วมกับวิวัฒนาการทางสรีรวิทยาของเทคโนโลยีและเคมี การช่วยให้ความเชี่ยวชาญภายในของบริษัทเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้วในปัจจุบัน เพื่อเตรียมพร้อมเมื่อถึงเวลาที่จะนำ Ducati ไฟฟ้าสำหรับท้องถนนคันแรกเข้าสู่การผลิตจริง”
นอกเหนือจากตัวรถ มอเตอร์และแบตเตอรี่แล้ว Ducati V21 L ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนหน้า Öhlins NPX 25/30 ขนาด 43 มิลลิเมตร ด้านหลัง TTX36 ซึ่งทั้งคู่คล้ายกับใน Superleggera V4 พร้อมด้วยแดมเปอร์บังคับเลี้ยวของ Öhlins ระบบเบรก Brembo ที่มาพร้อมกับจานดิสก์หน้าคู่ขนาด 338.5 มิลลิเมตร ซึ่งตัวจานจะเป็นแบบสั่งทำพิเศษ โดยจะมีความหนากว่าปกติและมีครีบบนเส้นผ่านศูนย์กลางภายในเพื่อปรับปรุงการระบายความร้อน มาพร้อมกับคาลิปเปอร์ GP4RR M4 32/36 และปั้มเบรก PR19/18 ในขณะที่ระบบเบรกด้านหลังจะเป็นจานดิสก์เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรก P34 พร้อมอุปกรณ์เสริมด้วยคันเบรกหลังที่ประกับด้านซ้ายเหมือนกับรถสกู๊ตเตอร์
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นตัวช่วยสำคัญของการแข่งขันก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Traction Control, Slide Control, Wheelie Control และยังมีระบบ Mapping ที่สามารถกำหนดค่ากำลังของมอเตอร์ ระบบเบรก ซึ่งคล้ายกับรถแข่งรุ่นอื่นๆ และระบบทั้งหมดได้รับการพัฒนาโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักแข่งทดสอบของทีมโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น Michele Pirro, Chaz Davies และ Alex De Angelis
ในขณะที่ยังไม่มีแผนอย่างเป็นทางการสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Ducati ที่จะมีการผลิตเพื่อการจำหน่ายทั่วไป แต่ V21 L ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางที่ตัวรถอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2023 จะมีทีมแข่งที่จะใช้งาน Ducati V21 L ทั้งสิ้น 18 คัน ซึ่งนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าสำหรับการเก็บรวบรวม ข้อมูลในการพัฒนาตัวรถสำหรับแผนงานในอนาคตของ Ducati
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bennetts.co.uk
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.