ลงหวดครั้งแรกกับ 2021 Honda CBR600RR
นับว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลสาย Super Sport ที่หลายๆ คนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับเจ้า 2021 Honda CBR600RR “Awakn The Race” และในเมื่อทางทีมงาน Greatbiker เองได้รับเทียบเชิญให้ไปทดสอบมันอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สนามแข่งระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ มีหรือที่เราจะพลาดโอกาสอันดีนี้ได้
ทำความรู้จักกับ 2021 Honda CBR600RR
ก่อนอื่นเราอยากให้เพื่อนๆ ทำความรู้จักกับเจ้า Honda CBR600RR รุ่นใหม่ล่าสุดกันก่อน โดยตัวรถนั้นมีพื้นฐานเครื่องยนต์ขนาด 599 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ตามข้อมูลโมเดลที่ทำการทดสอบในครั้งนี้นั้น กำลังสูงสุดของมันจะอยู่ที่ 120 แรงม้า ที่ 14,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตรที่ 10,500 รอบต่อนาที โดยมีหัวใจสำคัญในการช่วยเหลือ คำนวน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งคันผ่านแกน IMU แบบ 5 แกน ที่เป็นเพียงรุ่นเดียวในระดับ Super Sport ที่ใส่มาให้ ทำให้ตัวรถนั้นมีคุณสมบัติที่เหลือกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควรทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับเครื่องยนต์ที่ดูเหมือนจะเป็นชุดเดิมจากโมเดลเมื่อ 5 – 8 ปีที่แล้ว แต่เครื่องยนต์ใหม่นั้นมีกำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางผู้ผลิตเองมีการปรับเปลี่ยนไส้ในของเครื่องยนต์ใหม่ แทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรือนลิ้นเร่ง ที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จากเดิม 40 มิลลิเมตร ให้กลายเป็น 44 มิลลิเมตร ทำให้มีแรงดูดที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำลังแรงม้าสูงสุดนั้นเพิ่มขึ้น รวมไปถึงพอร์ตไอดีที่ออกแบบใหม่ยกชุด ทำให้อากาศไหลเวียนได้ดีกว่าเดิม โดยที่การปรับปรุงนั้นไม่ได้มีการปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น แต่มีการปรับให้เรียวและยาวมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้การเดินทางของไอดีนั้นรวดเร็วกว่าการขยายขนาดที่ก่อให้เกิดน้ำหนักโดยรวมที่มากขึ้นกว่าเดิม
ไม่เพียงเท่านี้ การเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเสถียร ทางผู้พัฒนาจึงได้ใส่ ท่อเดินน้ำใหม่ในการระบายความร้อน เพื่อสอดคล้องกับกำลังของเครื่องยนต์ที่มากขึ้น หัวเทียนขนาดใหม่ที่เล็กและเรียวยาวกว่าเดิม เช่นเดียวกับระบบหัวฉีดใหม่ Duel-Stage Injetion ที่แบ่งการทำงานตามรอบเครื่องยนต์ อธิบายง่ายๆ คือ เมื่อเราใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำหัวฉีดจะเปิดการใช้งานเพียงหัวเดียว แต่เมื่อเราใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น หัวฉีดทั้งสองจะเปิดการทำงาน เพื่อป้อนน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมมากขึ้น ทำให้การเผาไหม้ไม่สะดุดและสามารถรักษารอบเครื่องยนต์ไม่ให้ตกได้นั่นเอง
ดีโวน์อีกหนึ่งอย่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้า CBR600RR ก็คือ “ระบบไอเสียแบบใต้เบาะนั่ง” หรือที่เราเรียกติดปากว่า “ท่อออกตูด” ที่ดูคล้ายกับโมเดลก่อนหน้า แต่ในความจริงแล้วทางผู้พัฒนาได้ปรับปรุงใหม่ทั้งเรื่องของวัสดุ และขนาด เพื่อให้การเดินทางของไอเสียนั้นสามารถไหลเวียนออกจากตัวรถได้ไหลลื่นกว่าเดิม รองรับกับกำลังและแรงบิดของตัวรถที่มากขึ้น รวมไปถึงการทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถนั้นสามารถสร้าง Balance ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวรถนั้นสามารถพลิกซ้ายขวาได้อย่างอิสระ และไม่หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง เหมือนกับโมเดลที่ปลายท่อไอเสียออกทางข้าง ที่จะต้อง Balance ตัวรถให้อีกฝั่งมีน้ำหนักที่เท่าๆ กับอีกฝั่ง
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นสิ่งใหม่บนเจ้า CBR600RR ก็คือ Winglet หรืออุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ที่ช่วยสร้าง Down Force ในขณะที่ตัวรถวิ่งด้วยความเร็วสูง รวมไปถึงการมีส่วนช่วยในเรื่องของการเบรกที่ช่วยให้การเบรกนั้นสามารถสร้างแรงกดลงไปที่ล้อได้มากขึ้น รวมไปถึงส่วนของ Under Cowl ที่มีความยาวมากกว่าเดิม Ram Air ส่วนหน้าที่มีการปรับขนาดใหม่เพื่อช่วยเพิ่มแรงอัดในการเผาไหม้ให้เผาไหม้ได้เร็วมากขึ้น และยังมีส่วนของสปอยเลอร์ใต้ไฟหน้าที่เป็นของใหม่ที่จะเป็นส่วนช่วยในการบังคับลมให้เข้าไปยังช่องระบายอากาศด้านล่าง หลังล้อหน้า เพื่อให้นำเอาอากาศนั้น ไปเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนจากการทำงานของเครื่องยนต์อีกด้วย
ไม่เพียงแต่เรื่องของเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบและปรับปรุงใหม่ ตัวรถยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมายทั้ง หน้าจอแสดงผล TFT ขนาดใหญ่ที่เป็นเพียงเจ้าเดียวในรถ Super Sport ที่ติดตั้งหน้าจอแบบนี้มาให้ รวมไปถึงระบบกันสะบัดไฟฟ้าที่ปรับความแข็งอ่อนตามความเร็วของตัวรถ ครอบถังน้ำมันใหม่ที่ดีไซน์ได้ปาดลึกกว่าเดิม ทำให้เอาคางแนบกับถังได้สะดวกมากขึ้น เบาะนั่งใหม่ที่เพิ่มความยาวขึ้นจากเดิมเล็กน้อยทำให้สามารถขยับสะโพกในการขับขี่เข้าโค้งความเร็วสูงได้สบายมากขึ้น รวมไปถึงเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารที่ออกแบบใหม่ จะมีความกว้างกว่าเดิมโดยที่ผู้ใช้งานที่มีผู้ซ้อนท้ายนั้นไม่ต้องไปทำเพิ่ม พร้อมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
พร้อมลุยกับ 2021 Honda CBR600RR
มาถึงการขับขี่จริงกันสักที ก่อนอื่นของพูดถึงท่าทางการขับขี่ก่อนเลย ตัวรถนั้นถึงแม้ว่าจะถูกสร้างมาเพื่อเป็น Replica สำหรับการแข่งขัน แต่ทางผู้ผลิตเองก็ใส่ใจในรายละเอียดสำหรับผู้ใช้งานนอกเหนือจากสนามแข่ง ตัวรถนั้นให้ท่าทางการขับขี่ที่ดูค่อนไปทางสปอร์ตจ๋าๆ แต่ก็ยังมีความเป็นรถถนน ที่พร้อมใช้งานในการขับขี่แบบปกติ เราสามารถหมอบเอาตัวแนบไปกับถังกอดรถและโหนไปมาได้อย่างอิสระ แต่ก็สามารถนั่งขี่ปกติได้อย่างไม่ปวดหัวไหล่หรือหลังแต่อย่างใด โดยส่วนหนึ่งคือการวางตำแหน่งพักเท้าให้ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป แต่ก็มีบ้างในจังหวะที่เราเอียงรถมากๆในสนามแข่ง พักเท้าจะครูดไปกับแทร็ก แต่ถ้าให้มองถึงการใช้งานบนถนนจริงแล้ว โอกาสที่เราจะเอียงรถขนาดนั้น แทบจะไม่มีเลย ดังนั้นการวางตำแหน่งของพักเท้าค่อนข้างจะลงตัวและทำให้การขับขี่นั้นสามารถทำได้หลากหลายมากขึ้น
น้ำหนักตัวรถนั้นค่อนข้างที่จะเบามากๆ ยิ่งเมื่อเราขับขี่ด้วยความเร็วสูงๆ แล้ว Winglet ที่เป็นอุปกรณ์ใหม่ช่วยสร้างแรงกดบนล้อหน้าได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเป็นตัวช่วยในการสร้างแรงกดล้อหน้าในจังหวะเบรก ทำให้เบรกได้อย่างมั่นใจและเอาอยู่อย่างสบายๆ อีกส่วนหนึ่งที่ชอบมากๆสำหรับรุ่นนี้ก็คือการติดตั้งแกน IMU แบบ 5 แกนมาให้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เลยฉลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าแกน IMU นี้ก็มีการคำนวนแรงเบรกจากล้อหน้า หรือล้อหลัง เมื่อมีการกดแรงที่ด้านใดด้านหนึ่งมากไป ระบบจะทำการกระจายแรงไปยังล้อตรงข้าม ทำให้ไม่เกิดอาการหน้าจิก หรือหลังปัดในขณะที่เราเบรกหนักๆ ก่อนเข้าโค้งหลังจากวิ่งมาด้วยความเร็วสูง และยังมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบ Cornering ABS ที่บังคับไม่ให้ล้อเกิดอาการล็อกในขณะที่เราเอียงตัวในโค้งอีกด้วย
กำลังของ CBR600RR
เมื่อมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีกำลังมากขึ้น ตัวรถก็แรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนหนึ่งของความแรงนั้นก็คือการรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่อเนื่อง คันเร่งไฟฟ้าบนตัวรถนั้นมีการตอบสนองที่ดีมากๆ สู้มือและมอบกำลังไปสู่เครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จัดว่าไม่ตึงและหย่อนจนเกินไป และทำให้เราสามารถไล่รอบเครื่องยนต์ได้ง่ายขึ้น การกำหนดอัตราทดเกียร์ใหม่ที่ยาวกว่าเดิมนั้น ช่วยให้การลากรอบนั้นดีขึ้นและเราสามารถไล่เรียงรอบเครื่องยนต์ได้ง่ายมากกว่าเดิม และเหนือกว่าด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น บิดติดมือมากขึ้น และสามารถไปได้เร็วมากขึ้นในสนามการแข่งขัน จากการทดสอบของทีมสื่อนั้นพบว่าความเร็วสูงสุดที่มีคนทำได้จาก โค้ง 1 ไป โค้ง 3 ของสนามช้างฯ บนระยะทางเกือบๆ หนึ่งกิโลเมตรนั้น สามารถทำได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยเกียร์ 5 เท่านั้น และยังมีรอบเหลือให้ได้ลากอีกบานเลยทีเดียว
การควบคุม
ด้วยตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ทำให้การควบคุมตัวรถทำได้ง่ายดายมากขึ้น การเข้าโค้งทั้งแบบ Hign Speed และ Low Speed ทำได้เป็นอย่างดีไม่มีอาการให้เราต้องปรับแก้ก่อนออกจากโรงงาน ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับชุดช่วงล่างของ Showa และยางจาก Pirelli (ยางติดรถจากโรงงานจะเป็น Dunlop) โดยที่โช้คอัพหน้าหลังนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากบนสนามแข่ง ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่านอกสนามแข่งมันจะดีขนาดไหน การเบรกนั้นควบคุมได้อย่างใจนึก การกระจายแรงเบรกจากหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้านั้น ค่อนข้างที่จะฉลาดมากๆ มันทำให้ตัวรถไม่เสียอาการจากการกดเบรกหนักๆ อีกทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Engine Brake Control ที่ปรับความหน่วงของกำลังเครื่องยนต์ได้หลากหลายระดับก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสนุกกับการขับขี่ทั้งบนสนามแข่งขัน ที่ปลดปล่อยให้ตัวรถสามารถไหลในโค้งได้อย่างราบลื่น และน่าจะมีประโยชน์สำหรับการใช้งานบนท้องถนนสาธารณะที่ต้องการตัวช่วยในเรื่องของ Engine Brake ที่เหมาะสม มากกว่าการพึ่งพาระบบเบรกหน้าและหลังเท่านั้น
ภาพรวมของ 2021 Honda CBR600RR
จัดได้ว่าเป็นรถที่ขี่ได้สนุกมากๆในสนามการแข่งขัน ด้วยการควบคุมที่ง่ายดาย ระบบเบรกที่ชาญฉลาด ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ กำลังที่มีมากขึ้น และฟีเจอร์ต่างๆ บนตัวรถที่เอื้อให้กับการขับขี่ทั้งในสนามและบนท้องถนนเป็นอย่างมาก งานนี้เราได้ทดสอบมันในสนามแข่งซึ่งมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมันน่าจะแสดงศักยภาพในการขับขี่ได้ไม่แพ้กันบนท้องถนนสาธารณะ ดังนั้นแล้วมันเหมาะสมมากๆ สำหรับนักขี่ที่มีจำเป็นต้องจำกัดตัวเองเพียงแค่บนถนนทั่วๆไป หรือในสนามแข่งขัน จัดได้ว่าเป็นรถสปอร์ต All Around คันหนึ่งที่ถูกสร้างมากให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย และถ้าใครเป็นสายสปอร์ตที่กำลังมองหารถคันใหม่ที่มีกำลังและการขับขี่ที่หลากหลายล่ะก็ 2021 Honda CBR600RR ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ กับสนนราคา 549,000 บาท ที่ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เพื่อนๆ ท่านไหนสนใจก็สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Honda BigWing ใกล้บ้านท่านได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ AP.Honda สำหรับการเชิญชวนพวกเราทีมงาน Greatbiker กับการทดสอบ 2021 Honda CBR600RR ในครั้งนี้ โอกาสต่อไปเราจะไปทดสอบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่คันไหน ต้องติดตามกันให้ดีๆ นะครับผม
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.