ทำความรู้จัก White Motorcycle Concepts “WMC250EV” ว่าที่รถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก
ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านระหว่างเครื่องยนต์สันดาปไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้านั้น เราได้เห็นผู้ผลิตรายใหญ่รายเล็กมากมายหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาขุมกำลังพลังงานสะอาดกันมากขึ้น โดยที่ส่วนใหญ่นั้นมักจะเน้นที่การใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าการสร้างเครื่องจักรเพื่อเสนอแนวคิดหรือนวัตกรรมด้านความเร็วสูงสุด ซึ่งมันแตกต่างจาก White Motorcycle Concepts ที่ล่าสุดได้เปิดตัวและทำการผลิตเจ้า WMC250EV โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างสถิติความเร็วสูงสุดของรถพลังงานไฟฟ้า
White Motorcycle Concepts บริษัทหน้าใหม่จากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งโดย Robert White วิศวกรที่มีประวัติยาวนาน 24 ปีในวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งแบบสองและสี่ล้อ และเพื่อเป็นการเสนอจุดยืนของคนที่อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานและเมื่อพลังงานไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จึงได้หันมาพัฒนารถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าเป็นของตนเอง จนก่อให้เกิดเป็น WMC250EV ที่เราได้เห็นกันอยู่ในตอนนี้
WMC250EV จัดว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งเรปพลิก้า พลังงานไฟฟ้า ที่มีการออกแบบที่เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยมีจุดเด่นที่วัสดุที่ใช้ในการผลิตที่เน้นไปที่การทำน้ำหนักให้เบา โดยใช้คาร์บอนไฟเบอร์ ละอลูมิเนียมชนิดพิเศษเป็นส่วนประกอบหลัก ในส่วนของงานดีไซน์หากดูแบบผ่านๆ เราจะรู้สึกได้เลยว่าเจ้ารถคันนี้น่าจะถูกสร้างมาเพื่อวิ่งทำความเร็วแบบทางตรงหรือ Drag Speed ด้วยลักษณะของฐานล้อที่ยาวกว่าปกติ และยังมีการออกแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยการเสริมช่องว่างระหว่างตัวรถที่ทะลุผ่านตั้งแต่ส่วนหน้าไปจนถึงด้านหลัง
นวัตกรรมนี้ทางผู้ผลิตตั้งชื่อว่า V-Air โดยจะเป็นงานออกแบบเพื่อให้อากาศสามารถลอดผ่านช่องว่างที่ออกแบบไว้ โดยมีขนาดที่ใหญ่พอจะให้เด็กเล็กๆ สามารถคลานผ่านได้ จากการทดสอบพบว่าช่อง V-Air นี้ช่วยลดแรงต้านระหว่างตัวรถและอากาศได้มากกว่า 70% นอกเหนือจะลดแรงเสียดทานได้แล้ว ยังจะสร้างแรงกดหรือ Down Force ให้กับตัวรถได้ด้วยลักษณะของอุโมงค์ที่ลอดผ่านตลอดตัวรถ โดยไม่มีอุปกรณ์ในการบังคับทิศทางลมให้ช่วยในการกดตัวรถ แต่บังคับให้ลมและอากาศนั้นลอดผ่านไปโดยตรง จะเปรียบเสมือนกับอุโมงค์ลม ซึ่งทางผู้ผลิตได้กล่าวว่าการออกแบบนี้ช่วยสร้างแรงกดที่ส่วนหน้าของตัวได้มากถึง 5 เท่าในยามที่วิ่งด้วยความเร็วสูง
Robert White ได้กล่าวถึงงานออกแบบ V-Air ไว้ว่า “เราคิดว่า Suzuki Hayabusa มี CdA [สัมประสิทธิ์การลากคูณด้วยพื้นที่ด้านหน้า] ประมาณ 0.35-0.36 และในการทดสอบ CFD [พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ] เราได้บรรลุค่าสัมประสิทธิ์การลากที่ 0.11 นั่นเป็นการลดลงอย่างมากในการลาก คุณต้องมีจุดศูนย์ถ่วงที่ค่อนข้างสูงสำหรับจักรยานยนต์เพื่อเปลี่ยนทิศทาง แต่เมื่อคุณเร่ง C สูงของ G หมายความว่าจักรยานต้องการหมุนรอบยางหลังแรงแอโรไดนามิกเพิ่มขึ้นที่ความเร็วสูง จุดศูนย์กลางของแรงกดบนจักรยานก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน สิ่งที่เรามีคือจักรยานยนต์ที่มีแรงต้านน้อยกว่า 70%, น้ำหนักบรรทุกที่ล้อหลังเท่ากัน และน้ำหนักล้อหน้าเพิ่มขึ้นห้าเท่า”
มาดูกันต่อที่เรื่องของขุมกำลัง ในตอนแรกทางผู้ผลิตตั้งใจจะใช้เครื่องยนต์แบบเทอร์โบชาร์จในการติดตั้งจริง แต่เรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ส่งกำลัง กำลังจะมาถึง ทางผู้ผลิตจึงได้เลือกมอเตอร์ขับกำลังแรงสูง โดยมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่บรรจุอยู่ในกล่องอลูมิเนียมตรงกลางตัวรถ ล้อมรอบด้วยชุดโครงสร้างแบบ Tabular ที่ผลิตจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบาพิเศษ ตลอดจนให้การเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างสวิงอาร์มและส่วนหน้าแบบควบคุมด้วยศูนย์กลางดุมล้อ หรือ Hub Steering ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับที่ทาง Bimota ใช้งาน
ส่วนของมอเตอร์กำลังขับแรงสูงนั้นเป็นชุดมอเตอร์จาก Hacker บริษัทผู้ผลิตจากเยอรมัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบาประสิทธิภาพสูง ที่มีผลิตภัณฑ์หลักเป็นเครื่องบินบังคับวิทยุขนาดเล็ก โดยมอเตอร์กำลังสูงนี้จะติดตั้งที่ล้อทั้งหน้าและหลังฝั่งล่ะหนึ่งคู่ รวมสี่ตัว และใช่แล้วครับมันคือระบบขับเคลื่อนแบบ 2WD ซึ่งแตกต่างออกไปจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปที่จะเป็นการส่งกำลังไปยังล้อหลัง โดยที่ข้อดีของการใช้งานมอเตอร์ขับกำลังสูงแบบสองตัวนี้ ตัวมอเตอร์ชุดที่ติดตั้งที่ล้อหน้าจะมีการรีชาร์จไปยังแบตเตอรี่เมื่อวิ่งในรอบความเร็วต่ำ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งนวัตกรรมนี้จะเป็นนวัตกรรมที่กำลังจะถูกพัฒนาเพื่อใส่ยังรถพลังงาน EV ในอนาคตอีกด้วย
โดยมอเตอร์แต่ล่ะคู่นั้นจะให้กำลังสูงสุดที่ต่างกัน โดยคู่หลังจะเป็นแหล่งส่งกำลังที่มากกว่า มอเตอร์แต่ล่ะตัวจะมีกำลังขับสูงสุด 30 kW และด้านหน้าตัวล่ะ 20 kW รวมแล้วทั้งชุดจะขับรวมกันได้ 100 kW และเมื่อวัดที่กำลังสูงสุดแบบต่อเนื่องจะได้กำลังที่มากถึง 134 แรงม้า (HP) ซึ่งเทียบเท่ากับรถแข่งในระดับ MotoGP และกำลังของมันมากกว่ามอเตอร์ที่ใช้ในรถแข่งรายการ MotoE เสียอีก
Robert White อธิบายว่า: “สำหรับการใช้ความเร็วภาคพื้นดิน ปัจจัยหลักสามประการคือการลากตามหลักอากาศพลศาสตร์ การยึดเกาะระหว่างยางกับพื้นผิวเพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า และกำลัง ซึ่งอยู่ในแนวที่สาม เรามีแรงต้านที่ต่ำมาก เรามีการยึดเกาะที่ล้อหลังแต่เรามีโหลด [จากการทำงานของ V-Air] ที่ด้านหน้ามากกว่าจักรยานทั่วไปถึงห้าเท่า ดังนั้นหากเราขับทั้งสองล้อด้วยกำลังในการรองรับมอเตอร์เหล่านั้น เราก็มีองค์ประกอบทั้งหมดที่จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ”
ในส่วนของระบบส่งกำลังสุดท้ายนั้น ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้งานระบบโซ่ แทนที่จะเป็นไดร์ฟขับ โดยติดตั้งชุดโซ่ส่งกำลังภายในสวิงอาร์มทั้งส่วนหน้าและหลัง ซึ่งเป็นระบบแบบปิด โดยมีระบบหยดน้ำมันเพื่อรักษาสภาพของชุดโซ่ รวมไปถึงระบบทำความสะอาดภายใน โดยทางผู้ผลิตได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า “ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลายๆ รุ่น มักจะเลือกใช้เพื่อให้ได้อัตราส่วนการขับสุดท้ายที่ถูกต้อง เฟืองขนาดใหญ่ที่รอบต่อนาทีสูงนั้นไม่ดีสำหรับการสูญเสียจากการเสียดสี ดังนั้นเราจึงสร้างเฟืองท้ายจากมอเตอร์ ควบคู่ไปกับไดรฟ์และเฟืองขับที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ โซ่ถูกปิดล้อมและใช้ระบบน้ำมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหล่อลื่นและความร้อนของโซ่และเฟือง”
สวิงอาร์มทั้งด้านหน้าและหลังนั้นติดอยู่กับโช้คคอยล์โอเวอร์ Multimatic ตัวเดียวผ่านก้านกระทุ้งสองตัว โดยบีบจากปลายทั้งสองพร้อมกันในขณะที่ระบบกันสะเทือนบีบอัดและซับแรงสะเทือนจากการเสียดสีของพื้นผิวที่สวิงอาร์มด้านหลัง ส่วนด้านหน้าจะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายกัน แต่จะมีเสริมในส่วนของรูปแบบที่จะเป็น tubular steel swingarm ที่ผลิตจากโลหะผสมพิเศษ โดยเชื่อมต่อกับระบบเบรก แบบสิก์หน้าคู่ของ EBC คาลิปเปอร์เบรกจาก Hel ในขณะที่ชุดล้อนั้น จะเป็นชุดล้อพิเศษจาก Dymags ขนาด 17 นิ้วทั้งหน้าและหลัง โดยมีการเลือกใช้ยางขนาด 120/70/ZR17 ที่ด้านหน้าและ 180/55/SR17 ที่ด้านหลัง
มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ น่าจะสนใจเรื่องของประสิทธิภาพของเจ้า WMC250EV กันพอสมควรแล้ว ทางผู้ผลิตเองได้กล่าวถึงประสิทธิภาพในการทดสอบอย่างไม่เป็นทางการว่า การทดสอบวิ่งในสนามแบบ Velocity (สนามวงรีสำหรับแข่งจักรยาน) จะใช้เวลาประมาณ 64 วินาทีต่อรอบ และการวิ่งทำระยะแบบทางตรงความยาว 2 ไมล์ (3.22 กิโลเมตร) จะใช้เวลา 24 วินาที!!!
จากข้อมูลที่เราได้มานั้นทาง White Motorcycle Concepts “WMC250EV” จะเข้าไปท้าทายสถิติโลกความเร็วสูงสุดของรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าในปี 2022 โดยปัจจุบันเจ้าของสถิติเดิมคือ Voxan Wattman ที่บันทึกความเร็วสูงสุด 228.05 ไมล์ต่อชั่วโมง (367.01 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ที่ทำไว้ในปี 2020 และก่อนจะถึงเวลานั้นเจ้า WMC250EV จะลงบันทึกสถิติของอังกฤษในช่วงปลายปีนี้ก่อน ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไรนั้นทางทีมงาน Greatbiker เองจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.bennetts.co.uk
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.