พา GPX MAD 300 ตะลุยเส้นทางสุดมันส์ แม่สะเรียง-แม่สอด!!!
ช่วงนี้ข่าวการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และฝุ่นพิษ PM.2.5 เป็นเรื่องที่พูดถึงกันทุกหย่อมหญ้าจริงๆ ยังไงก็อยากให้เพื่อนๆดูแลเรื่องสุขภาพให้ดี ออกกำลังกาย พักผ่อนและกินอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับสภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วงอยู่นี้
วันนี้แอดมินจะชวนเพื่อนๆมาพักสมองจากเรื่องต่างๆ ตามประสาไบเกอร์ กับสถานที่ที่น่าสนใจ ถือว่าเป็นทริปพักผ่อนไปในตัวก็แล้วกัน แอดได้มีโอกาสได้เดินทางไปทำงานที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ปกติถ้าเดินทางจากเชียงใหม่โดยรถยนต์เราก็จะเดินทางไปตามถนนพหลโยธิน เชียงใหม่-กทม. แล้วไปเลี้ยวเข้าตรงเลยตัวเมือง จ.ตาก กันโดยปกติ เวลาในการเดินทางก็ประมาณ5-6ชั่วโมง แต่ทีนี้ด้วยความที่อยากขี่รถมอไซค์ชิวไปเรื่อยๆ ก็เลยชวนเพื่อนขับขี่มอไซค์ ไปทางอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และก็ได้เจ้า GPX MAD 300 เป็นพาหนะในการท่องเที่ยวครั้งนี้ ไปชมศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่ถึงแม้จะมีความใกล้เคียงกันแต่รายละเอียดต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ลองไปตามอ่านกันดูครับ ว่ารูทนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
แอดเริ่มออกสตาร์ทจากเมืองเชียงใหม่กันเช้าตรู่ เรียกว่าตะวันยังไม่ทันขึ้นก็ต้องล้อหมุนกันแล้ว ในช่วงปลายเดือนของเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้อากาศเชียงใหม่ยังถือว่าเย็นอยู่ อากาศก็จะอยู่ที่ประมาณ 18-19 องศาเซลเซียส คือก่อนออกบ้านคิดหนักมากว่าควรจะกันหนาวหรือระบายความร้อนกันดี แต่แอดก็เลือกเสื้อแอร์โฟลว์ ระบายความร้อนช่วงกลางวันแดดจัดนั่นเอง แอดแวะเติมน้ำมันเต็มถัง ดูว่าทริปนี้เราใช้น้ำมันไปมากน้อยแค่ไหน
เราเดินทางมาตามทางหลวง เชียงใหม่-ฮอด ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาสว่างกันที่ วัดพระธาตุศรีจอมทอง ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร คู่บ้านคู่เมืองเป็นที่นับถือและสักการะของชาวเชียงใหม่และชาวจอมทอง ในทุกๆปีจะมีพิธีสรงน้ำพระธาตุ โดยจะมีพิธีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์สรงพระธาตุจากยอดดอยอินทนนท์ นำมาให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมสรงน้ำพระธาตุกัน ในทุกๆ ปีทางวัดจะจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทอง 2 ครั้ง คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือ ตรงกับวันวิสาขบูชา และวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เหนืออีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นความพิเศษของพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ คือสามารถเชิญพระธาตุออกมาสรงน้ำได้โดยตรง ต่างจากพระบรมสารีรกธาตุองค์อื่นที่มักบรรจุอยู่ในผอบฝังอยู่ใต้พระธาตุเจดีย์ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีชวดหรือปีหนูทองนั่นเอง
เดินทางมาอีกประมาณ 40 นาที เราก็ถึงตัว อ.ฮอด วิถีชีวิตของคนที่นี่ไม่ได้เร่งรีบเริ่มจะช้าลง ด้วยอากาศ และภูมิประเทศ ในตัวอ.ฮอดเองก็จะยังได้เห็นตึกรามบ้านช่องที่เป็นแบบล้านนาดั้งเดิมอยู่พอสมควร พ่ออุ้ยแม่อุ้ยในตลาดยังพอได้เห็นดูดขี้โย(ยาเส้น)เคี้ยวหมากอยู่บ้าง และเราก็ได้แวะเติมพลังกับมื้อแรกของวันในตลาดที่นี่นั่นเอง
เส้นทางที่เราเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปอ.แม่สะเรียง ก็จะผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง ซึ่งกินพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.เชียงใหม่ ได้แก่ จอมทอง ฮอด และแม่แจ่ม ภายในบริเวณอุทยานออบหลวง ยังมีการขุดค้นพบแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วย เช่น หลุมฝังศพของมนุษย์โบราณ ภาพเขียนสีขาวที่บริเวณเพิงผาช้าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ล่องแก่งเรือยาง หรือล่องคายัคในลำน้ำแจ่ม ไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกด้วย
อีกหนึ่งจุดไฮไลท์สำคัญบนถนนเส้นนี้ นั่นคือสวนสนบ่อแก้ว ที่ไม่ว่าจะผ่านไปเดือนไหนของปีก็จะได้รูปสวยๆกลับบ้านทุกทริป นอกจากจะเป็นจุดพักรถ ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำแล้ว ที่นี่ก็จะมีผลิตผลของชาวบ้านวางขายด้วย เช่นผัก ผลไม้ตามฤดูกาล หน้าฝนก็จะได้กินเห็ดเผาะ หน้าร้อนก็จะได้กินไข่มดแดง หน้าหนาวก็จะมีสตรอเบอรี่ แต่พวกผักต่างๆมีขายตลอดทั้งปีอย่างเช่นฟักแม้ว ฟักทอง ผักสลัด อโวคาโด้
ขับขี่กันมาอีก 1 ชั่วโมงนิดๆ แบบชิลๆ ไม่รีบร้อนอะไร ด้วยความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เราก็ถึง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยระยะทางจากเชียงใหม่ ประมาณ 198 กิโลเมตร ใช้น้ำมันประมาณ 6.4 ลิตร ก็ประมาณครึ่งถังพอดี ถือว่าอัตราสิ้นเปลืองทำได้ค่อนข้างดี ช่วงเส้นทางจากฮอดมาแม่สะเรียง ถนนเป็นแบบ 2 เลนสวนกัน ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เนื่องจากเป็นทางวิ่งในเขาที่มีโค้งเยอะและทางชัน แต่ก็จะได้ความร่มรื่นไม่อบอ้าวเวลาขับขี่
เติมน้ำมันรถเสร็จก็ต้องเติมพลังคน ร้านแนะนำเมื่อมาเยือนแม่สะเรียงทุกครั้งต้องร้านลาบ ข้างพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง พยายามหาชื่อร้านแล้วแต่บอกเลยถึงแม้จะไม่มีชื่อร้าน ก็การันตีความอร่อยด้วยการต่อแถวของลูกค้าที่ซื้อกลับบ้าน นอกจากลาบที่เด็ดแล้ว ไส้อั่วที่นี่ถือว่าเด็ดมาก หนังแห้งๆกรอบๆ กับข้าวเหนียวอุ่นๆ กินเสร็จจอดหลับกันเลยทีเดียว
ชาวแม่สะเรียงส่วนใหญ่เป็นคนเมือง ได้รับอิทธิพลในเรื่องของขนบธรรมเนียบประเพณีวิถีชีวิตแบบคนไต จะมีการผสมผสานระหว่างล้านนา พม่า และไทยใหญ่ รวมอยู่ด้วย จะเห็นได้จากวัดวาอารามจะได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่ามาเต็มๆ ภาษาบางส่วนยังพูดภาษาไต การแต่งกายในวันสำคัญทางศาสนา ก็ยังได้เห็นชุดของชาวไต เช่นงานออกพรรษา หรือที่นี่เรียกว่า งานออกหว่า ที่จะจัดกันทุกปี
วัดที่สำคัญของแม่สะเรียงคือวัดพระธาตุสี่จอมได้แต่ พระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุจอมมอญ พระธาตุจอมทอง พระธาติจอมกิตติ แอดได้ขึ้นไปนมัสการที่วัดพระธาติจอมกิตติ ที่บนเขา ซึ่งจะมองเห็นวิวเมืองแม่สะเรียงแบบพาโนราม่า แต่ด้วยหมอกควัน ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว แทบไม่เห็นวิวที่สวยงามเลย
หลังจากแวะพักรายทางกันเรียบร้อยเราก็ยิงยาวออกจากแม่สะเรียงเพื่อมุ่งหน้าไปที่อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ต้องบอกเลยว่าช่วงเดินทางในครึ่งหลังต้องใช้พลังงานสูงพอสมควร ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวมากขึ้นทางชันมากขึ้น บวกกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทำให้ แอดต้องจอดพัก รายทางอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังพอมีร้านขายของชำข้างทางตามหมู่บ้านให้ได้หาน้ำเย็นๆ ได้คลายร้อนกัน
ขับขี่มาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็เข้าพื้นที่ของ จ.ตาก ก็จะมีดอยม่อนคลุยให้แวะกัน ที่นี่มีจุดชมวิวและลานกางเต้นท์ให้ได้นอนดูดาวตอนหน้าหนาวแบบฟินๆ แถมข้างบนยังมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำสร้างไว้อีกด้วย ใครที่ขี่มาหลายชั่วโมงเบื่อทางดำ จะเปลี่ยนฟิลลิ่งการขับขี่แบบ อ๊อฟโร้ด แอดแนะนำเลย ได้คลายเส้นกันพอสมควร เส้นทางที่ขึ้นดอยม่อนคลุยเป็นทางดิน 70% สลับกับทางคอนกรีต ขี่ง่าย มีหินลอยอยู่บางจุด ระยะทางจากปากทางเข้าประมาณ 8กิโลเมตร ที่สำคัญมีร้านปะเปลี่ยนยางดักอยู่หน้าทางเข้า เผื่อรถเพื่อนๆมีปัญหาก็สามารถใช้บริการได้ แต่เท่าไหร่นั้น แอดไม่ทราบได้
หลังจากลงจากม่อนคลุยมาแอดสัมผัสได้ว่ารถขี่ง่ายขึ้น เหมือนพาตัวเองไปเคาะสนิมกับทางฝุ่น เริ่มจะใช้ความเร็วมากขึ้น การตอบสนองของรถเองก็ดูจะดีขึ้นไปด้วย บอกก่อนเลยว่า ได้รถคันนี้มา พี่ๆในอ๊อฟฟิตขี่กันยังไม่พ้น 100 กิโลเลย เหมือนรถได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขึ้น ยางรถเมื่อถนนร้อนขึ้นก็เกาะถนนมากขึ้น
ขับขี่มาอีกประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงบ้านแม่ตะวอ ซึ่งที่นี่เองจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไบเกอร์มาจอดรถพัก เพื่อถ่ายรูป ฝั่งตรงข้ามจะเป็นรัฐกะเหรี่ยง หากใครสนใจเดินทางไปเที่ยวก็จะมีค่าข้ามฟากคนละ 10 บาท หรือใครจะไปเที่ยวน้ำตกที่เค้าว่ากันว่าเป็น แองโกล่าเอเชีย หรือน้ำตกทูลอก็ต้องนั่งเรือเข้าไปอีกประมาณ1ชั่วโมง แอดไปถึงเป็นช่วงโรงเรียนเลิกพอดี ก็จะเห็นว่าเด็กๆข้ามจากฝั่งพม่า นั่งเรือข้ามแม่น้ำเมยมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนชุมชนบ้านท่าสองยางในตอนเช้า เย็นมาก็จะนั่งเรือข้ามฟากกลับไป ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่จุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
เราขับขี่เรียบแม่น้ำเมยมาเรื่อยๆ จนถึง อ.ท่าสองยาง หลังจากท่าสองยางเข้าแม่สอดประมาณ 140 กิโลเมตร รถเริ่มมากขึ้น ทำให้ขับขี่ได้ช้าลง ประกอบกับช่วงกิโลเมตรหลังๆเป็นแหล่งชุมชนมากขึ้น จนขับขี่มาถึงเมืองแม่สอด การเดินทางในวันนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นไปเกือบ 12 ชั่วโมง กับระยะทาง 472 กิโลเมตร ตั้งแต่เชียงใหม่ แม่สะเรียง แม่สอด ข้าม 3 จังหวัด ใช้ไปประมาณ13.6 ลิตร เฉลี่ย อัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ประมาณ 31-33 กิโลเมตร/ลิตร ด้วยทางที่เป็นเขาเกือบทั้งหมด ถือว่า GPX MAD 300 น้ำมัน1ถัง ขี่ออกทริปข้ามจังหวัดได้สบายเลย ทางบนเขาวิ่งเกียร์ 4 สบายๆ แต่เกียร์ 5 อาจจะหย่อนๆไปนิด ใช้ 3-4 ตลอดทางบนเขา ความเร็วสูงขี่นิ่งดี ความเร็วที่ทำได้ตอนทางตรงยาวๆได้ถึง 140 กม./ชม. การระบายความร้อนทำได้เร็ว มีพัดลมระบายที่ต่อตรงกับแบตเตอรี่เมื่อดับเครื่องยนต์ พัดลมยังคงทำงานอยู่
ก็ไม่ได้เมื่อยหรือล้ามากนัก แต่อาจจะเมื่อยก้นบ้าง เพราะขี่ทางไกล แอดชอบเสียงท่อ ถึงแม้จะเป็นสูบเดียวแต่เสียงที่ออกมานี่ หวานไม่แพ้ 4 สูบเหมือนกัน สตาร์ททีก็แอบเกรงใจชาวบ้านอยู่เหมือนกัน เข้าด่านตรวจหลายๆจุด ก็จะต้องให้ข้อมูลรถกันไป ถือว่าสะดุดตาเวลาขับขี่พอสมควร บทความหน้าแอดจะขับขี่ท่องเที่ยวในแม่สอด พาไปแช่ออนเซ็น หาของกิน แบบชิวๆกัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gpxthailand.com/GPX-mad-300Max
เรื่องโดย แอดมินทศ
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience